JJNY : 5in1 ชะตากรรมก้าวไกล│‘นันทนา’ ลั่นไม่ถอดใจ│ปภ.เตือน 44 จว.│ราคารถมือสองลงเเรง│ฟิลิปปินส์เดินหน้า “ยืนยันสิทธิ์”

ชะตากรรมก้าวไกลตกอยู่ในเงื้อมมือเงาปีศาจ ตัดสินชี้เป็นชี้ตาย บทพิสูจน์ความยุติธรรม
https://www.matichon.co.th/clips/news_4694300
 
 
มติชนทีวีคัดไฮไลต์เด็ดจากมุมมอง 3 นักวิชาการผู้มีความคิดแหลมคมในเมืองไทย นำโดย รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล และ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง กับกรณีของคดีพรรคก้าวไกล หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล วันที่ 7 ส.ค. 67

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


‘นันทนา’ ลั่นไม่ถอดใจ สู้ 100% ชิงประมุขวุฒิสภา แม้ส.ว.สายสีน้ำเงินมี 150 คน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4694081

‘นันทนา’ ลั่น ไม่ถอดใจ สู้ 100% ชิงประมุขวุฒิสภา แม้ส.ว.สายสีน้ำเงินมี 150 คน เปรยเล็งไว้แล้วหากพลาดประธานวุฒิฯ จะเอากมธ.ชุดไหน
 
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ในฐานะ ส.ว.พันธุ์ใหม่ที่ประกาศชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ที่จะมีการเลือกกันในวันที่ 23 กรกฎาคม ว่า แม้ ส.ว.สายสีน้ำเงินจะประกาศชื่อออกมาแล้วบอกว่ามี ส.ว.ในสาย 150 คนนั้น ตนก็ไม่ถอดใจ สู้เต็มที่ สู้ 100 เปอร์เซ็นต์ และเตรียมมาพร้อมแล้ว เนื่องจากเราไม่ได้คิดถึงเรื่องจำนวน ส.ว.ที่เขามีอยู่ และเราก็ไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครแสดงตัวอย่างนั้น เราเชื่อว่า ส.ว.ทุกคนเขาจะเลือกด้วยความตั้งใจและเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะฉะนั้นเราไม่ถอดใจ
 
เมื่อถามว่าตอนนี้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ วุฒิสภา หากพลาดตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากนี้ดำเนินการเกี่ยวกับประธาน กมธ. อย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า ตอนนี้เราสู้ในตำแหน่งประมุขของวุฒิสภา หลังจากนี้ค่อยว่ากัน อย่างไรก็ตามทางกลุ่มเราได้มีการวางไว้แล้วว่าจะเอาประธาน กมธ.ชุดไหน แต่ยังไม่ตกผลึก
 
ต่อข้อถามว่า มองอย่างไรที่มีข่าวว่า ทาง ส.ว.สายสีน้ำเงินจะยึดประธาน กมธ.ที่พรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงอยู่ และ กมธ.เกรดเอ น.ส.นันทนากล่าวว่า เรายังไม่เห็นจริงๆ ว่า ส.ว.สีน้ำเงินทั้งหมดคือใคร ขอให้พรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม) ไปดูการโหวตแล้วกัน แล้วค่อยว่ากัน เพราะพรุ่งนี้ของจริง แต่ก่อนหน้านี้เราไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยแสดงตัว แต่พรุ่งนี้ต้องเปิดตัวแล้ว
 
พรุ่งนี้ (23 กรกฎาคม) เลือกประมุขเรียบร้อยแล้ว ก็จะเริ่มมีการพูดถึงเรื่องกรรมาธิการ เอาเป็นว่าไว้อนาคตเราค่อยว่ากัน ถึงตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นเราค่อยมาคุยกัน แต่ตอนนี้เราโฟกัสไปที่พรุ่งนี้ก่อน ดังนั้นขอเชิญชวนประชาชนมาฟังการถ่ายทอดสดการประชุมครั้งแรกของวุฒิสภา ซึ่งจะเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะมีการแสดงวิสัยทัศน์ทั้งตำแหน่งประธาน และรองประธาน 2 ตำแหน่ง เมื่อประชาชนมาฟังรับรองได้เลยว่าจะเปลี่ยนภาพของ ส.ว.ไปหมดเลย” น.ส.นันทนากล่าว
 


ปภ.เตือน 44 จว.เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และ น้ำล้นตลิ่ง ช่วง 24-31 ก.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4693925

ปภ.แจ้งเตือน 44 จว.เหนือ อีสาน กลาง และใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งช่วง 24-31 ก.ค.
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ระหว่างวันที่ 24-31 ก.ค.ดังนี้
 
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ดังนี้ 

ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ ปางมะผ้า ปาย ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง สบเมย) เชียงใหม่ (อ.เมืองฯ อมก๋อย สันป่าตอง ดอยเต่า) เชียงราย (อ.เมืองฯ แม่สาย แม่จัน พาน) พะเยา (อ.เมืองฯ ปง เชียงคำ เชียงม่วน) แพร่ (อ.เมืองฯ เด่นชัย ลอง วังชิ้น) น่าน (อ.เมืองฯ เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งช้าง เชียงกลาง สองแคว ปัว ท่าวังผา) อุตรดิตถ์ (อ.เมืองฯ ลับแล พิชัย ทองแสนขัน ท่าปลา) ตาก (อ.เมืองฯ ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ อุ้มผาง) สุโขทัย (อ.ศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม ศรีสำโรง) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ นครไทย วังทอง เนินมะปราง) และเพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ หล่มเก่า หล่มสัก)

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ เลย (อ.นาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย ปากชม) หนองคาย (อ.เมืองฯ ศรีเชียงใหม่ โพนพิสัย) บึงกาฬ (อ.บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา บึงโขงหลง) อุดรธานี (อ.นายูง น้ำโสม) สกลนคร (อ.เมืองฯ อากาศอำนวย) นครพนม (อ.เมืองฯ ศรีสงคราม ธาตุพนม) และอุบลราชธานี (อ.น้ำยืน ศรีเมืองใหม่)
 
ภาคกลาง 11 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี (อ.เมืองฯ สังขละบุรี ทองผาภูมิ ศรีสวัสดิ์ ไทรโยค ด่านมะขามเตี้ย) ราชบุรี (อ.สวนผึ้ง บ้านคา) นครนายก
 (อ.เมืองฯ บ้านนา) ปราจีนบุรี (อ.เมืองฯ ประจันตคาม นาดี) สระแก้ว (อ.เมืองฯ วัฒนานคร โคกสูง อรัญประเทศ) ชลบุรี (อ.เมืองฯ  ศรีราชา) 
ระยอง (อ.เมืองฯ ปลวกแดง นิคมพัฒนา แกลง) จันทบุรี (อ.เมืองฯ เขาคิชฌกูฏ มะขาม ขลุง แหลมสิงห์) ตราด (อ.เมืองฯ บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด) เพชรบุรี (อ.แก่งกระจาน หนองหญ้าปล้อง) และประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน ปราณบุรี บางสะพาน)

ภาคใต้ 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง (อ.เมืองฯ กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ สุขสำราญ) พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง)  ภูเก็ต (อ.เมืองฯ กะทู้ ถลาง) ตรัง (อ.เมืองฯ ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด หาดสำราญ รัษฎา วังวิเศษ) และสตูล (อ.เมืองฯ ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง)
 
พื้นที่เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ 25 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา น่าน สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร นครราชสีมา สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี ปราจีนบุรี ตราด และระนอง
 
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำน่าน (อ.เวียงสา จ.น่าน) แม่น้ำแควน้อย (อ.นครไทย จ.พิษณุโลก) แม่น้ำป่าสัก (อ.หล่มสัก และหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์) ลำน้ำพอง (อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น) ลำน้ำก่ำ (อ.เรณูนคร จ.นครพนม) แม่น้ำชี (อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น) ลำเซบาย (อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร) แม่น้ำยัง (อ.เสลภูมิ และโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด) แม่น้ำตราด (อ.เมืองฯ เขาสมิง และบ่อไร่ จ.ตราด)
 
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 44 จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยติดตามสภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า อีกทั้งจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที พร้อมกำชับให้ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสม มากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ หรือพื้นที่ชุมชนเมืองที่เคยเกิดน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน รวมถึงประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้เตรียมพร้อมรับมือและอพยพได้ทันท่วงที
 
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า สำหรับเกษตรกร ให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ท้ายนี้ ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอพพลิเคชั่น “THAI DISASTER ALERT”  และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป



ราคารถมือสองลงเเรง ไฟแนซ์ใหญ่หั่นราคารวดเดียว 8 หมื่นบาท/คัน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/409482

ปัญหาหนี้รถยนต์บวมหนัก กดราคารถมือ 2 ร่วงลงแรงและเร็ว / ล่าสุด ไฟแนนซ์ชื่อดัง ยึดรถส่งเข้าลานประมูล 200 คัน / หั่นราคาลงทันที คันละ 80,000 บาท เพื่อเร่งระบายรถ เตรียมรับรถล็อตใหม่
 
เหตุการณ์นี้ ได้รับการเปิดเผยจากลานประมูลรถว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรถจากไฟแนนซ์ชื่อดัง เข้าประมูล 200 คัน ที่น่าสนใจ คือ มีการทำราคาใหม่ โดยหั่นราคาลดลงทุกคัน เฉลี่ยคันละ 80,000 บาท เพื่อเร่งขายให้เร็วที่สุด รวม 200 คัน ลดราคาลงไปกว่า 15 ล้านบาท เนื่องจากวันนี้ราคารถมือสองลดลงเร็วและแรง และมีแนวโน้มว่าจะมีรถถูกยึดอีกจำนวนมาก ทำให้ไฟแนนซ์ต้องรีบปล่อยรถในมือ ซึ่งอาจเป็นแรงเหวี่ยง ทำให้ราคารถในตลาดแกว่งตัวตามไปด้วย
 
ขณะที่รถคันที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถเติมน้ำมัน อายุมากกว่า 15 ปี ถูกนำออกประมูลในราคาเริ่มต้น 0 บาท แต่ก็ยังไม่มีคนแข่งประมูล ทำให้คนที่เสนอราคาคนเเรก ได้รถไปแบบให้ฟรีกันเลยทีเดียว
 
นายสิทธิศักดิ์ มหาสิทธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการตลาด บริษัท สยามอินเตอร์ การประมูล กล่าวว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคารถมือสองลงแรง คือ การเข้ามาของรถ EV และวันนี้มีการปรับราคาป้านแดงลดลงมาก ส่งผลราคารถมือสองในปีที่ผ่านมา ตกลงไปถึง 30% จากปกติอยู่ที่ 10% เท่านั้น ส่งผลเต็นท์รถมือสองบาดเจ็บกันระนาว โดยเฉพาะเต็นท์ที่มีสต็อกเยอะๆ โดยเชื่อว่าจำนวนเต็นท์รถมือสอง ที่มีอยู่ราว 20,000 เต้นท์ น่าจะหายไปประมาณ 30% หรือ เหลือรอดเพียง 13,000-14,000 เต็นท์เท่านั้น และหลังจากนี้เต็นท์รถจะเผชิญกับของจริง เต้นท์ที่ปรับตัวเร็ว มีสต็อกให้น้อย ขายให้ไว ขายทุกราคา หันทำตลาดออนไลน์ ถึงจะรอด เพราะไม่รู้ได้เลยว่า วันพรุ่งนี้ราคาจะปรับลดลงมาอีกเท่าไหร่ เพราะวันนี้ราคาปรับลงทุกๆ 3 เดือน ต่างกับในอดีตที่ปรับราคาปีละครั้ง โดยการปรับราคาอ้างอิงไปตามรถอีวี และสิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ วันที่รถ EV มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นจนการชาร์จแบตเตอรี่ 1ครั้ง สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต และมีราคาเพียง 400,000-500,000 บาท หากวันนั้นมาถึง คนจะไม่ใช้รถมือสองอีกต่อไป ซึ่งทุกคนต้องปรับตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่