18-24 กันยายน เฝ้าระวังน้ำท่วม น้ำล้นตลิ




สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศ ฉบับที่ 22/2568
เรื่อง เฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ระดับน้ำแม่น้ำโขงและแม่น้ำเจ้าพระยา
*******************************************************************

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 18 – 24 กันยายน 2568 ดังนี้

1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้
1.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่สาย เชียงของ เชียงแสน และแม่จัน) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภออมก๋อย) จังหวัดน่าน (อำเภอแม่จริม และเวียงสา) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอขุนยวม แม่สะเรียง และสบเมย) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง พบพระ แม่ระมาด สามเงา และอุ้มผาง) จังหวัดกำแพงเพชร (อำเภอคลองลาน ปางศิลาทอง) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอนครไทย และเนินมะปราง) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก หล่มเก่า เขาค้อ วิเชียรบุรี และศรีเทพ) จังหวัดนครสวรรค์ (อำเภอแม่เปิน)

1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดเลย (อำเภอวังสะพุง) จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอกุมภวาปี กู่แก้ว ไชยวาน โนนสะอาด เมืองอุดรธานี วังสามหมอ และศรีธาตุ) จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส วาริชภูมิ และอากาศอำนวย) จังหวัดนครพนม (อำเภอนาแก) จังหวัดมุกดาหาร (อำเภอดงหลวง และหนองสูง) จังหวัดกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ท่าคันโท ยางตลาด สามชัย หนองกุงศรี และห้วยเม็ก) จังหวัดชัยภูมิ (อำเภอเทพสถิต และหนองบัวแดง) จังหวัดขอนแก่น (อำเภอกระนวน และน้ำพอง) จังหวัดมหาสารคาม (อำเภอชื่นชม) จังหวัดร้อยเอ็ด (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เกษตรวิสัย ธวัชบุรี พนมไพร เมืองสรวง เสลภูมิ หนองพอก และอาจสามารถ) จังหวัดยโสธร (อำเภอคำเขื่อนแก้ว) จังหวัดอำนาจเจริญ (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ปทุมราชวงศา พนา และลืออำนาจ) จังหวัดนครราชสีมา (อำเภอเมืองนครราชสีมา ครบุรี จักราช ชุมพวง โชคชัย โนนแดง โนนสูง ปักธงชัย พิมาย สีคิ้ว สูงเนิน และหนองบุญมาก) จังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอเมืองบุรีรัมย์ กระสัง ชำนิ นางรอง พลับพลาชัย ลำปลายมาศ สตึก หนองกี่ และหนองหงส์) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอเมืองสุรินทร์ กาบเชิง ชุมพลบุรี ท่าตูม ปราสาท ศรีณรงค์ ศีขรภูมิ สังขะ และสำโรงทาบ) จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอขุขันธ์ ขุนหาญ และปรางค์กู่) จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอกุดข้าวปุ้น เขมราฐ เดชอุดม
ตระการพืชผล ทุ่งศรีอุดม นาจะหลวย นาเยีย น้ำขุ่น น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร สว่างวีระวงศ์ และสิรินธร)

1.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และบ้านนา) จังหวัดฉะเชิงเทรา (อำเภอท่าตะเกียบ และสนามชัยเขต) จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอกบินทร์บุรี และนาดี) จังหวัดสระแก้ว (อำเภอเมืองสระแก้ว ตาพระยา และวัฒนานคร) จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา)
จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง และนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอแก่งหางแมว ขลุง เขาคิชฌกูฏ และมะขาม) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ เกาะช้าง และเกาะกูด)

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกัก บริเวณ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ระนอง สุราษฎร์ธานี และกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณ แม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของ แม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก แม่น้ำแควน้อย บริเวณอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ลำน้ำยัง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แม่น้ำชี อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ แม่น้ำมูล อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

4. เฝ้าระวังผลกระทบจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสม บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มส่งผลกระทบพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

5. เฝ้าระวังผลกระทบจากกรณีเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ ทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้น และล้นตลิ่ง บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย อำเภอเสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอเมืองสิงห์บุรี อินทร์บุรี และพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอไชโย และป่าโมก จังหวัดอ่างทอง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท พร้อมทั้งเฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ

ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ

2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น - ลงของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที

4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบเตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

ประกาศ ณ วันที่ 16 กันยายน 2568
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่