ชัยธวัช แนะนำแกนนำรบ. อย่าลืมดูหลัง หลังวงดินเนอร์ ทำมือรูปหัวใจ จนถูกโยงถึงพิธา-ชลน่าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4684420
‘ชัยธวัช’ หัวเราะ หลังโซเชียล ทำมีมแซว นายกฯ ทำท่ารูปหัวใจกับพรรคร่วมฯ ในงานดินเนอร์ เทียบ ‘พิธา-ชลน่าน’ ถาม ‘ได้ดูข้างหลังหรือยัง อย่าดูแต่ข้างหน้า’
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรับประทานอาหารเย็นของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ที่มีการร้องเพลง “
เราและนาย” โดย นาย
ชัยธวัช ยิ้ม หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “
ไม่ตามเลย”
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่โซเชียลนำภาพ นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำท่ารูปหัวใจกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในงานเลี้ยงดินเนอร์ ไปเทียบกับภาพ นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทำท่ารูปหัวใจประกบมือกับ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า “
ได้ดูข้างหลังหรือเปล่าครับ อย่าดูแต่ข้างหน้า ให้ดูข้างหลังด้วย”
ก้าวไกล ส่งคำโต้แย้งเพิ่ม คดียุบพรรค ยันกกต.ฟังความข้างเดียว หวังศาลเปิดไต่สวน ให้โอกาสสู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4684385
‘ชัยธวัช’ แถลงคืบหน้าคดียุบ ‘ก้าวไกล’ เผยวันนี้ส่งคำร้องเพิ่มเติมโต้แย้งพยานหลักฐาน ย้ำ กกต. ดำเนินการโดยมิชอบ ฟังความข้างเดียว หวังศาล รธน. เปิดไต่สวน เรียกตนเองพร้อม ‘ศ.ดร.สุรพล’ เข้าให้การ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกล ภายหลังสองฝ่าย ทั้งผู้ร้อง ซึ่งคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ถูกร้อง หรือคือพรรคก้าวไกล ได้ตรวจพยานหลักฐานแล้วว่า วันนี้พรรคก้าวไกลได้ส่งทีมกฎหมายไปส่งเอกสารคำร้องสองฉบับต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยทั้งสองคำร้องนี้ เป็นคำร้องเพื่อโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานที่มีการตรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนสำคัญ
ส่วนแรก หมาย ร. เป็นการโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานของผู้ร้อง หรือ กกต. ที่ยื่นคำร้องในสำนวน และส่วนที่สอง หมาย ศ. เป็นการโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้นำเข้ามาสู่สำนวน โดยเป็นเอกสารที่เคยถูกใช้ในคดีก่อนหน้านี้ หรือในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยุติการกระทำ
หมาย ร. เนื่องจากเมื่อเราตรวจเอกสารหลักฐานของ กกต. แล้วพบว่า ตามเอกสารหลักฐานของ กกต. เอง ชี้ชัดให้เห็นว่า กระบวนการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน เราจึงมีการแย้งไป เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนในประเด็นที่เราโต้แย้ง รวมถึงเรียกพยานเข้าไต่สวนตามประเด็นที่ได้โต้แย้ง ทั้งตนเอง และ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน รวมถึงได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสารเพิ่มเติมจาก กกต. ซึ่งถูกอ้างอิงถึงในพยานหลักฐานที่มีการส่งเข้าสู่สำนวนแล้ว ที่ไม่มีการยื่นเข้ามาด้วย แต่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน
หมาย ศ. จากคดีก่อนหน้านี้ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการไต่สวนในข้อเท็จจริงที่อ้างถึงพยานหลักฐานและเอกสารดังกล่าวเลย ซึ่งทำให้พรรคก้าวไกลไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ ในแง่ข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในเอกสารเหล่านี้ ดังนั้น เมื่อคดีก่อนหน้านี้เราขาดโอกาส โดยเป็นการฟังความข้างเดียว และเป็นเอกสารที่มาจากหน่วยงานความมั่นคง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นการกล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลมีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในหลายกรณี
โดยในคำร้องที่สองนี้ เราได้โต้แย้ง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับฟังพยานหลักฐานเอกสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเห็น หรือการให้ข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จ รวมถึงขอให้การมีการไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่มีการถูกกล่าวอ้างในเอกสารด้วย
ส่วนจะมีการฟ้องร้องหรือแจ้ง ม.157 กลับหรือไม่ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ใช่ประเด็น ในตอนนี้เราต้องโต้แย้งและค้าน เพื่อให้ศาลมีการเปิดไต่สวน
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดให้มีการไต่สวน พรรคก้าวไกลจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญมีดุลพินิจที่จะเปิดไต่สวนหรือไม่ก็ได้ จะไต่สวนอย่างไรก็ได้ หรือจะเรียกพยานคนไหนก็ได้ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยเบ็ดเสร็จ เพียงแต่เราหวังว่า เพื่อให้การพิจารณาคดีในครั้งนี้ ซึ่งมีโทษรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตพรรคการเมือง ควรจะมีการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงโต้เถียงโต้แย้งกันในข้อกฎหมายอย่างเต็มที่รอบด้านสมบูรณ์ถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้ได้สัดส่วนกับข้อกล่าวหาที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคและตัดสินกรรมการบริหารพรรค ย้ำว่า เป็นคนละมาตรฐานกับคดีก่อนหน้านี้ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ดำเนินการไต่สวน เราก็ทำอะไรไม่ได้
ส่วน กกต.จะสามารถโต้แย้งเช่นเดียวกับที่พรรคก้าวไกลโต้แย้งได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และไม่ทราบว่าหลังจากวันนี้ไป ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำโต้แย้งของเราอย่างไร คงต้องรอการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คิดว่าด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลที่เราอธิบายไปนั้น ก็หวังว่าจะมีน้ำหนักและเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีมากพอ
ส่วนกรณีที่ศาลเคยออกมาห้ามไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ นาย
ชัยธวัชชี้ว่า การแถลงในครั้งนี้ของตน ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญใดๆ ทั้งสิ้น ตนแค่แถลงความคืบหน้าว่า เราพบอะไรในการตรวจพยานหลักฐาน และวันนี้ทำไมจึงไปยื่นคำร้องโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานแค่นั้น และคิดว่าคงไม่ได้ไปกับกระทำการในสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เตือนไว้
ส่วนพรรคก้าวไกลจะสามารถชี้แจงอย่างไรว่าไม่ได้ล้มล้างการปกครอง นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า จริงๆ เราชี้แจงไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งก็อยู่ในคำแถลงครั้งแรกของนายพิธาด้วย แต่เนื่องจากมีหลายประเด็นเลยไม่ได้ลงรายละเอียด อีกทั้งคำชี้แจงของพรรคก็ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะไปแล้ว สิ่งสำคัญคือเราหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้มีการไต่สวนก่อนที่จะมีการวินิจฉัย
เกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ หลากเข้าสู่นาข้าว ฝนตกหนักข้ามวันข้ามคืน
https://www.matichon.co.th/region/news_4684524
นที่ตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 14 กรกฏาคม 67 ต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำรับปริมาณน้ำไว้ไม่ไหวเกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลไหลหลากเข้าสู่นาข้าวที่อยู่ด้านล่างพื้นที่ความเสียหายเบื้องต้น 4 ตำบลในอำเภอบรบือได้แก่ ตำบลโนนราษีตำบลหนองม่วง ตำบลกำพี้ และตำบลยาง อ.บรบือ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ ต.โนนราษี อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ชาวบ้านหลายหมู่บ้านเดินทางมาสังเกตการณ์ที่อ่างเก็บน้ำหลังจากที่ทราบข่าวอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำเกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่มีพื้นที่ต่ำกว่าอ่างเก็บน้ำ ซึ่งปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลได้เข้าท่วมไร่นาของประชาชนรวมแล้วหลายพันไร่ ซึ่งชาวบ้านที่มาสังเกตการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
นาง
ฉวี สำราญสุข ชาวบ้านฮ่องน้อยหมู่ 7 ตำบลกำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองมีที่นา 5 ไร่ถูกน้ำท่วมทั้งหมดซึ่งจะปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกรงว่าน้ำจะท่วมในหมู่บ้านจึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านมา 5-6 คนมาดูน้ำว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็เป็นกังวลว่าปริมาณน้ำจะยังไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากยังคงมีน้ำไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ตนเองเกิดมาได้ 58 ปียังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นาของเพื่อนบ้านมี 30 ไร่กับ 15 ไร่ก็ถูกน้ำท่วมทั้งหมด หากปริมาณน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นก็อาจส่งผลให้น้ำท่วมหมู่บ้านได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาดูแลชาวบ้านด้วย
ด้านนาง
วันเกตุลดา สุระป้อง ผู้ใหญ่บ้านบ่อหลุบ หมู่ 9 ตำบลโนนราษี อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า พบอ่างเก็บน้ำมีรอยรั่วขนาดใหญ่เมื่อช่วงเช้าวันนี้จึงได้แจ้งให้ลูกบ้านว่าห้ามใช้เส้นทางสัญจรเนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านและนักเรียนจะต้องใช้สัญจรเข้าไปยังในตัวอำเภอบรบือและเด็กๆเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร หากจะต้องไปทำงานที่ตัวอำเภอบรบือจะต้องใช้เส้นทางอื่นอ้อมไประยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ทราบว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงไปส่งผลให้หลายพื้นที่ในตำบลใกล้เคียงก็ถูกน้ำท่วมแล้ว หากไม่เร่งดำเนินการซ่อมแซมหมู่บ้านก็อาจจะกลายเป็นเกาะกลางน้ำ เบื้องต้นได้แจ้งให้ลูกบ้านอยู่ในพื้นที่เพราะเกรงว่าหากออกมาจะเกิดอันตรายได้
ด้านนายนาย
ชลศักดิ์ สุขขี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานมหาสารคาม กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ มีความจุ 5.08 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำ 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 58% ของความจุอ่าง ได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุม มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างถึง 145 มิลลิเมตร ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณน้ำ 116 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความจุอ่าง
ซึ่งจากภาพที่สื่อออกไปทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ว่าอ่างมีรอยรั่ว ข้อเท็จจริง คือ ชลประทานได้รับงบประมาณปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น จากเดิมมีช่องขนาด 4×4 เมตร จะขยายให้เป็น 6×6 เมตร นั่นหมายความว่าเราจะสามารถระบายน้ำออกจากวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้ทำนบดินปิดกั้นทางน้ำ เพื่อที่จะทำการก่อสร้าง แต่ด้วยฝนที่ตกลงมามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จึงล้นตัวทำนบดินชั่วคราวที่กั้นน้ำไว้ ทำให้มีพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรได้ผลกระทบ 3 ตำบล พื้นที่นาข้าวประมาณ 3,000 ไร่ โดยโครงการชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำรายชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังว่าระดับน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือมีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ปริมาณน้ำเริ่มลดลง ทางชลประทานก็จะดำเนินการปิดทำนบดินเพื่อให้กระทบกับชาวบ้านน้อยที่สุด
ในการดำเนินการซ่อมแซมก็จะต้องดูระดับน้ำว่าระดับน้ำเริ่มลดลงหรือทรงตัว ก็จะปิดทำนบชั่วคราว โดยการใช้แกรเบียล และบิ๊กแบค เพื่อไม่ให้น้ำไหลลงไปที่พื้นที่ด้านล่าง
ขอให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอบรบือที่อยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ อย่าได้ตื่นตระหนก เนื่องจากไม่ใช่ระบบของอ่างเก็บน้ำขาด ซึ่งได้รายงานให้กับจังหวัดและหน่วยงานที่กรมชลได้ทราบแล้ว อ่างเก็บน้ำไม่ได้แตก เป็นทำนบดินชั่วคราวมีน้ำล้น.
เพจดังปูดมีข่าวใหญ่ บริษัทดังเรียกพนง.เซ็น ‘เลิกจ้าง’ ปิดกิจการถาวร ย้ายไปเวียดนาม
https://www.matichon.co.th/social/news_4684114
เพจดังปูดมีข่าวใหญ่ บริษัทดังเรียกพนง.เซ็น ‘เลิกจ้าง’ ปิดกิจการถาวร ย้ายไปเวียดนาม
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กนิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ซึ่งมีผู้ติดตาม 6.4 แสนคน ได้ระบุว่า
“รอฟังข่าวใหญ่ บริษัทเรียกพนักงานมา เซ็นสัญญาเลิกจ้าง ก่อนจะประกาศปิดกิจการในไทยถาวร วันนี้ ย้ายฐานผลิตไปที่เวียดนาม เป็นกำลังใจให้กับพนักงานทุกๆ คนนะครับ”
JJNY : 5in1 ชัยธวัชแนะนำแกนนำ│ก้าวไกลส่งคำโต้แย้งเพิ่ม│เกิดรอยรั่ว อ่างเก็บน้ำ│เพจดังปูดมีข่าวใหญ่│ฝนตกหนักตอนกลางจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4684420
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรับประทานอาหารเย็นของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ที่มีการร้องเพลง “เราและนาย” โดย นายชัยธวัช ยิ้ม หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่ตามเลย”
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่โซเชียลนำภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำท่ารูปหัวใจกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในงานเลี้ยงดินเนอร์ ไปเทียบกับภาพ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทำท่ารูปหัวใจประกบมือกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชัยธวัชกล่าวว่า “ได้ดูข้างหลังหรือเปล่าครับ อย่าดูแต่ข้างหน้า ให้ดูข้างหลังด้วย”
ก้าวไกล ส่งคำโต้แย้งเพิ่ม คดียุบพรรค ยันกกต.ฟังความข้างเดียว หวังศาลเปิดไต่สวน ให้โอกาสสู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4684385
‘ชัยธวัช’ แถลงคืบหน้าคดียุบ ‘ก้าวไกล’ เผยวันนี้ส่งคำร้องเพิ่มเติมโต้แย้งพยานหลักฐาน ย้ำ กกต. ดำเนินการโดยมิชอบ ฟังความข้างเดียว หวังศาล รธน. เปิดไต่สวน เรียกตนเองพร้อม ‘ศ.ดร.สุรพล’ เข้าให้การ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าคดียุบพรรคก้าวไกล ภายหลังสองฝ่าย ทั้งผู้ร้อง ซึ่งคือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ถูกร้อง หรือคือพรรคก้าวไกล ได้ตรวจพยานหลักฐานแล้วว่า วันนี้พรรคก้าวไกลได้ส่งทีมกฎหมายไปส่งเอกสารคำร้องสองฉบับต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยทั้งสองคำร้องนี้ เป็นคำร้องเพื่อโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานที่มีการตรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งเป็นสองส่วนสำคัญ
ส่วนแรก หมาย ร. เป็นการโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานของผู้ร้อง หรือ กกต. ที่ยื่นคำร้องในสำนวน และส่วนที่สอง หมาย ศ. เป็นการโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้นำเข้ามาสู่สำนวน โดยเป็นเอกสารที่เคยถูกใช้ในคดีก่อนหน้านี้ หรือในคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พรรคก้าวไกลและนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยุติการกระทำ
หมาย ร. เนื่องจากเมื่อเราตรวจเอกสารหลักฐานของ กกต. แล้วพบว่า ตามเอกสารหลักฐานของ กกต. เอง ชี้ชัดให้เห็นว่า กระบวนการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน เราจึงมีการแย้งไป เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนในประเด็นที่เราโต้แย้ง รวมถึงเรียกพยานเข้าไต่สวนตามประเด็นที่ได้โต้แย้ง ทั้งตนเอง และ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน รวมถึงได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสารเพิ่มเติมจาก กกต. ซึ่งถูกอ้างอิงถึงในพยานหลักฐานที่มีการส่งเข้าสู่สำนวนแล้ว ที่ไม่มีการยื่นเข้ามาด้วย แต่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน
หมาย ศ. จากคดีก่อนหน้านี้ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการไต่สวนในข้อเท็จจริงที่อ้างถึงพยานหลักฐานและเอกสารดังกล่าวเลย ซึ่งทำให้พรรคก้าวไกลไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ ในแง่ข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในเอกสารเหล่านี้ ดังนั้น เมื่อคดีก่อนหน้านี้เราขาดโอกาส โดยเป็นการฟังความข้างเดียว และเป็นเอกสารที่มาจากหน่วยงานความมั่นคง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นการกล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลมีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในหลายกรณี
โดยในคำร้องที่สองนี้ เราได้โต้แย้ง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับฟังพยานหลักฐานเอกสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเห็น หรือการให้ข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จ รวมถึงขอให้การมีการไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่มีการถูกกล่าวอ้างในเอกสารด้วย
ส่วนจะมีการฟ้องร้องหรือแจ้ง ม.157 กลับหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ใช่ประเด็น ในตอนนี้เราต้องโต้แย้งและค้าน เพื่อให้ศาลมีการเปิดไต่สวน
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดให้มีการไต่สวน พรรคก้าวไกลจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญมีดุลพินิจที่จะเปิดไต่สวนหรือไม่ก็ได้ จะไต่สวนอย่างไรก็ได้ หรือจะเรียกพยานคนไหนก็ได้ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยเบ็ดเสร็จ เพียงแต่เราหวังว่า เพื่อให้การพิจารณาคดีในครั้งนี้ ซึ่งมีโทษรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิตพรรคการเมือง ควรจะมีการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงโต้เถียงโต้แย้งกันในข้อกฎหมายอย่างเต็มที่รอบด้านสมบูรณ์ถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้ได้สัดส่วนกับข้อกล่าวหาที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคและตัดสินกรรมการบริหารพรรค ย้ำว่า เป็นคนละมาตรฐานกับคดีก่อนหน้านี้ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ดำเนินการไต่สวน เราก็ทำอะไรไม่ได้
ส่วน กกต.จะสามารถโต้แย้งเช่นเดียวกับที่พรรคก้าวไกลโต้แย้งได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และไม่ทราบว่าหลังจากวันนี้ไป ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำโต้แย้งของเราอย่างไร คงต้องรอการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คิดว่าด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลที่เราอธิบายไปนั้น ก็หวังว่าจะมีน้ำหนักและเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีมากพอ
ส่วนกรณีที่ศาลเคยออกมาห้ามไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ นายชัยธวัชชี้ว่า การแถลงในครั้งนี้ของตน ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญใดๆ ทั้งสิ้น ตนแค่แถลงความคืบหน้าว่า เราพบอะไรในการตรวจพยานหลักฐาน และวันนี้ทำไมจึงไปยื่นคำร้องโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานแค่นั้น และคิดว่าคงไม่ได้ไปกับกระทำการในสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เตือนไว้
ส่วนพรรคก้าวไกลจะสามารถชี้แจงอย่างไรว่าไม่ได้ล้มล้างการปกครอง นายชัยธวัชกล่าวว่า จริงๆ เราชี้แจงไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งก็อยู่ในคำแถลงครั้งแรกของนายพิธาด้วย แต่เนื่องจากมีหลายประเด็นเลยไม่ได้ลงรายละเอียด อีกทั้งคำชี้แจงของพรรคก็ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะไปแล้ว สิ่งสำคัญคือเราหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้มีการไต่สวนก่อนที่จะมีการวินิจฉัย
เกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ หลากเข้าสู่นาข้าว ฝนตกหนักข้ามวันข้ามคืน
https://www.matichon.co.th/region/news_4684524
นที่ตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 14 กรกฏาคม 67 ต่อเนื่องจนถึงตอนนี้ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำรับปริมาณน้ำไว้ไม่ไหวเกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ ส่งผลให้ปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลไหลหลากเข้าสู่นาข้าวที่อยู่ด้านล่างพื้นที่ความเสียหายเบื้องต้น 4 ตำบลในอำเภอบรบือได้แก่ ตำบลโนนราษีตำบลหนองม่วง ตำบลกำพี้ และตำบลยาง อ.บรบือ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ ต.โนนราษี อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ชาวบ้านหลายหมู่บ้านเดินทางมาสังเกตการณ์ที่อ่างเก็บน้ำหลังจากที่ทราบข่าวอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำเกิดรอยรั่วขนาดใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่มีพื้นที่ต่ำกว่าอ่างเก็บน้ำ ซึ่งปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลได้เข้าท่วมไร่นาของประชาชนรวมแล้วหลายพันไร่ ซึ่งชาวบ้านที่มาสังเกตการณ์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
นางฉวี สำราญสุข ชาวบ้านฮ่องน้อยหมู่ 7 ตำบลกำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองมีที่นา 5 ไร่ถูกน้ำท่วมทั้งหมดซึ่งจะปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกรงว่าน้ำจะท่วมในหมู่บ้านจึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านมา 5-6 คนมาดูน้ำว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็เป็นกังวลว่าปริมาณน้ำจะยังไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากยังคงมีน้ำไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ตนเองเกิดมาได้ 58 ปียังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน นาของเพื่อนบ้านมี 30 ไร่กับ 15 ไร่ก็ถูกน้ำท่วมทั้งหมด หากปริมาณน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นก็อาจส่งผลให้น้ำท่วมหมู่บ้านได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาดูแลชาวบ้านด้วย
ด้านนางวันเกตุลดา สุระป้อง ผู้ใหญ่บ้านบ่อหลุบ หมู่ 9 ตำบลโนนราษี อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า พบอ่างเก็บน้ำมีรอยรั่วขนาดใหญ่เมื่อช่วงเช้าวันนี้จึงได้แจ้งให้ลูกบ้านว่าห้ามใช้เส้นทางสัญจรเนื่องจากเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านและนักเรียนจะต้องใช้สัญจรเข้าไปยังในตัวอำเภอบรบือและเด็กๆเดินทางมาเรียนที่โรงเรียนบ้านโคกกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร หากจะต้องไปทำงานที่ตัวอำเภอบรบือจะต้องใช้เส้นทางอื่นอ้อมไประยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ตอนนี้ทราบว่าปริมาณน้ำที่ไหลลงไปส่งผลให้หลายพื้นที่ในตำบลใกล้เคียงก็ถูกน้ำท่วมแล้ว หากไม่เร่งดำเนินการซ่อมแซมหมู่บ้านก็อาจจะกลายเป็นเกาะกลางน้ำ เบื้องต้นได้แจ้งให้ลูกบ้านอยู่ในพื้นที่เพราะเกรงว่าหากออกมาจะเกิดอันตรายได้
ด้านนายนายชลศักดิ์ สุขขี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานมหาสารคาม กล่าวว่า อ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ มีความจุ 5.08 ล้านลูกบาศก์เมตร เนื่องจากวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา อ่างเก็บน้ำมีปริมาณน้ำ 2.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 58% ของความจุอ่าง ได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุม มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างถึง 145 มิลลิเมตร ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่าง 3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นปริมาณน้ำ 116 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความจุอ่าง
ซึ่งจากภาพที่สื่อออกไปทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ว่าอ่างมีรอยรั่ว ข้อเท็จจริง คือ ชลประทานได้รับงบประมาณปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้น จากเดิมมีช่องขนาด 4×4 เมตร จะขยายให้เป็น 6×6 เมตร นั่นหมายความว่าเราจะสามารถระบายน้ำออกจากวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็น 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งได้ทำนบดินปิดกั้นทางน้ำ เพื่อที่จะทำการก่อสร้าง แต่ด้วยฝนที่ตกลงมามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จึงล้นตัวทำนบดินชั่วคราวที่กั้นน้ำไว้ ทำให้มีพื้นที่นาข้าวของเกษตรกรได้ผลกระทบ 3 ตำบล พื้นที่นาข้าวประมาณ 3,000 ไร่ โดยโครงการชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำรายชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังว่าระดับน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นหรือมีแนวโน้มลดลง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม ปริมาณน้ำเริ่มลดลง ทางชลประทานก็จะดำเนินการปิดทำนบดินเพื่อให้กระทบกับชาวบ้านน้อยที่สุด
ในการดำเนินการซ่อมแซมก็จะต้องดูระดับน้ำว่าระดับน้ำเริ่มลดลงหรือทรงตัว ก็จะปิดทำนบชั่วคราว โดยการใช้แกรเบียล และบิ๊กแบค เพื่อไม่ให้น้ำไหลลงไปที่พื้นที่ด้านล่าง
ขอให้พี่น้องประชาชนชาวอำเภอบรบือที่อยู่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยเชียงคำ อย่าได้ตื่นตระหนก เนื่องจากไม่ใช่ระบบของอ่างเก็บน้ำขาด ซึ่งได้รายงานให้กับจังหวัดและหน่วยงานที่กรมชลได้ทราบแล้ว อ่างเก็บน้ำไม่ได้แตก เป็นทำนบดินชั่วคราวมีน้ำล้น.
เพจดังปูดมีข่าวใหญ่ บริษัทดังเรียกพนง.เซ็น ‘เลิกจ้าง’ ปิดกิจการถาวร ย้ายไปเวียดนาม
https://www.matichon.co.th/social/news_4684114
เพจดังปูดมีข่าวใหญ่ บริษัทดังเรียกพนง.เซ็น ‘เลิกจ้าง’ ปิดกิจการถาวร ย้ายไปเวียดนาม
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กนิวส์ชลบุรี-ระยอง ออนไลน์ ซึ่งมีผู้ติดตาม 6.4 แสนคน ได้ระบุว่า
“รอฟังข่าวใหญ่ บริษัทเรียกพนักงานมา เซ็นสัญญาเลิกจ้าง ก่อนจะประกาศปิดกิจการในไทยถาวร วันนี้ ย้ายฐานผลิตไปที่เวียดนาม เป็นกำลังใจให้กับพนักงานทุกๆ คนนะครับ”