นันทนา นำทีมกลุ่มพันธุ์ใหม่รายงานตัว พร้อมส่งชิง 3 เก้าอี้ จ่อแก้ รธน. รื้อกติกาเลือก ส.ว.
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4681795
‘นันทนา’ นำทีม ‘ส.ว.พันธุ์ใหม่’ ชูป้ายตบเท้ารายงานตัว ลั่นพร้อมส่งชิง 3 เก้าอี้ อึกอัก ‘บุญส่ง’ อยู่ในกลุ่มหรือไม่ เฉไฉตอบสู้กลุ่มบ้านใหญ่สายสีน้ำเงิน ย้ำหนุนโควต้าสตรี 1 ตำแหน่ง เล็งแก้ รธน.-ทับลาน-ช่วยเหลือเด็กได้รับการประกันตัว
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่รัฐสภา น.ส.
นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. พร้อมด้วย ส.ว.คนอื่นๆ อาทิ นาย
เทวฤทธิ์ มณีฉาย, นาย
พรชัย วิทยเลิศพันธุ์, นาย
สุนทร พฤกษพิพัฒน์, นาย
นรเศรษฐ์ ปรัชญากร น.ส.
มณีรัตน์ เขมะวงศ์ เดินมารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาวุฒิสภาพร้อมกัน
น.ส.
นันทนาให้สัมภาษณ์ก่อนรายงานตัว กรณีจำนวนสมาชิกกลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ว่า กลุ่มของเรามีอยู่ประมาณ 30 คน ซึ่งทยอยรายงานตัวไปก่อนหน้านี้แล้วตามความสะดวกของแต่ละคน ส่วนจุดยืนของกลุ่มนั้น เรายึดแนวทางเสรีนิยมก้าวหน้า มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็น ส.ว.รุ่นใหม่ที่เป็นของประชาชนและรับใช้ประชาชน
เมื่อถามว่า จะสู้กับ ส.ว.กลุ่มบ้านใหญ่อย่างไร น.ส.
นันทนากล่าวว่า เราคงไม่สู้แบบนั้น แต่ด้วยอุดมการณ์ที่เรารวมตัวกันตั้งแต่ตอนต้น และทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาคือผู้รอด เราจะร่วมมือกับ ส.ว.ท่านอื่น เพื่อกอบกู้ ส.ว. โดยงานแรกจะที่จะเริ่มคือกติกาการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่ประชาชนรู้สึกว่าไม่ปกติ และเรียกได้ว่าเป็นกติกาที่วิปริต โดยเริ่มต้นจากสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดการได้มาซึ่ง ส.ว. อีกทั้งผลักดันปัญหาของประชาชน เช่น ปัญหาเรื่องทับลาน ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรณีของเยาวชนถูกจองจำโดยไม่ได้รับการประกันตัว เราจะต้องรีบผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
น.ส.
นันทนาเปิดเผยด้วยว่า แม้กลุ่มพันธุ์ใหม่จะมีจำนวน ส.ว.ไม่มาก แต่จะแสดงคุณภาพ ศักยภาพให้ทุกคนเห็น และเรามีความคิดจะส่งชิงทั้ง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ รองประธานวุฒิวุฒิสภาคนที่ 2 แต่ยังขอเก็บชื่อไว้เป็นความลับจนเกือบใกล้ๆ ที่จะมีการประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกจึงจะเปิดเผยอีกครั้ง
ถามอีกว่า คาดว่าจะได้รับการเลือกจาก ส.ว.ท่านอื่นหรือไม่ น.ส.
นันทนากล่าวว่า เชื่อว่าคุณภาพและศักยภาพ และเราจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ เชื่อว่าจะได้รับเสียงสนับสนุน
ถามถึงโควต้าในสัดส่วนสตรี น.ส.
นันทนากล่าวว่า เห็นด้วยและสนับสนุนให้มีสัดส่วนสตรีเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับผู้หญิงมีพื้นที่ในทางการเมือง
ถามต่อว่าใน 3 ตำแหน่งนี้ส่วนตัวสนใจชิงตำแหน่งใดหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า แล้วแต่สมาชิก
เมื่อถามถึงจำนวนสมาชิกในกลุ่มมีความเป็นเอกภาพ หรือในอนาคตจะมีการเพิ่ม-ลดอย่างไร น.ส.
นันทนากล่าวว่า จะเพิ่มหรือจะลดไม่ทราบเช่นกัน แต่กลุ่มเราอยู่ด้วยจุดยืนและอุดมการณ์ ไม่ได้จัดการในรูปแบบบริษัท
ถามว่า นาย
บุญส่ง น้อยโสภณ ส.ว. ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ใหม่ใช่หรือไม่ น.ส.
นันทนากล่าวว่า เป็นพันธมิตรของเรา เมื่อถามย้ำว่า แปลว่าไม่อยู่ใช่หรือไม่ เพราะเป็นเพียงพันธมิตร น.ส.
นันทนากล่าวว่า เรารวมกันมาตั้งแต่ต้น แต่คนที่จะเข้าร่วมเข้ามาในทิศทางและจุดยืนที่สอดคล้องกัน
ถามต่อว่า นาย
บุญส่งเข้าๆ ออกๆ กลุ่มพันธุ์ใหม่หรือไม่ น.ส.
นันทนากล่าวว่า ไม่แน่ใจเช่นกัน เราอาจมองว่าการเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งจะมีกลุ่มที่เป็นกลุ่มสารตั้งต้น เป็นกลุ่มที่เข้ามาร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์
เมื่อถามว่า มองการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุฒิการศึกษาของ ส.ว.อย่างไร น.ส.
นันทนากล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ส.ว.เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ ซึ่ง กกต.รับรองเป็นเบื้องต้น แต่โดยภายหลังยังสามารถสอยได้ ซึ่งบุคคลทั่วไปก็สามารถส่งหลักฐานการตรวจสอบเข้าไปยัง กกต.ได้อยู่
เคาะวันประชุมนัดแรก เลือกประธาน-รองปธ.วุฒิฯ 23 ก.ค. เปิด 3 รายชื่อผู้อาวุโสทำหน้าที่ชั่วคราว
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4681719
เคาะวันประชุมนัดแรก เลือกประธาน-รองปธ.วุฒิฯ 23 ก.ค. เปิด 3 รายชื่อผู้อาวุโสทำหน้าที่ชั่วคราว
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 15 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา น.ส.
นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีส.ว.มาแสดงตนแล้ว 198 คนซึ่งคาดว่าอีก 2คน จะมาแสดงตนในช่วงบ่าย
สำหรับการนัดการประชุมครั้งแรกตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2562 ข้อ5 กำหนดว่า ในการเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาครั้งแรก ให้เลขาธิการวุฒิสภาเชิญสมาชิกผู้มีอายุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมวุฒิสภาเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาผู้มีอายุสูงสุดเรียงตามลำดับ 3 ลำดับแรก ได้แก่
1.พลตำรวจโท
ยุทธนา ไทยภักดี อายุ 78 ปี
2.นาย
แล ดิลกวิทยรัตน์ซึ่งมีอายุ 77 ปี
3.นาย
บุญส่ง น้อยโสภณ ซึ่งมีอายุ 75 ปี
เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องยืนยันมติและส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 9
น.ส.
นภาภรณ์ กล่าวว่า เมื่อสมาชิกวุฒิสภามารายงานตัวครบ 200 คนแล้ว การนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เลขาธิการวุฒิสภาจะเป็นผู้นัดประชุม ซึ่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ15 กำหนดว่า การนัดประชุมวุฒิสภาต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ดังนั้น วันประชุมวุฒิสภาที่มีความเหมาะสมที่จะนัดเป็นครั้งแรก คือ วันที่ 23 ก.ค. เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาแล้ว จึงจะมีการนัดประชุมวุฒิสภาครั้งต่อไปได้ โดยประธานวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้มีคำสั่งนัดประชุม ซึ่งคาดว่าระยะเวลาเร็วสุดคือ วันที่ 30 ก.ค. 67
น.ส.
นภาภรณ์ กล่าวว่า สำหรับวาระการประชุมวุฒิสภานัดแรก จะประกอบด้วย
1. เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
1.1 รับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
1.2 รับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (บัญชีสำรอง)
1.3 สมาชิกวุฒิสภากล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา115 ของรัฐธรรมนูญ
2.เลือกประธานวุฒิสภา
3.เลือกรองประธานวุฒิสภา
'อ.อ๊อด วีรชัย' ร้อง อว. ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ หมอเกศสมาชิกวุฒิสภา
https://siamrath.co.th/n/550945
'อ.อ๊อด วีรชัย'พร้อมทีมงานยื่นหนังสือร้อง อว. ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของหมอเกศสมาชิกวุฒิสภา หวั่นสังคมสับสน และขัดต่อหลักกฎหมาย เตรียมเดินหน้าเอาผิด หากพบ สว.ได้ตำแหน่งวิชาการมาโดยมิชอบ
วันนี้ (15 ก.ค. 67) รศ.ดร.
วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี ม.เกษตรศาสตร์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา และทีมงาน เดินทางมาที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถ.ศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือให้กับนาย
วันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เพื่อให้ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของ พญ.
เกศกมล เนื่องจากทําให้สังคมสับสนว่า เป็นการได้ตําแหน่งมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือ เป็นเพียงการเทียบ วุฒิจากสถาบันเทียบวุฒิที่ต่างประเทศคือ บริษัท California University FCE ซึ่งไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา ดังนั้นการกล่าวอ้างในการแถลงข่าวที่นําตําแหน่ง ศาสตราจารย์ ดังกล่าวมาใช้นําหน้าชื่อ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นํามาซึ่งการ เข้าใจผิดของสังคมในวงกว้าง เพราะทางสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่ได้รับรองสถานะ รวมถึงอาจขัดต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ด้วย
เหตุสําคัญ อีก ประการหนึ่ง คือ ตําแหน่งทางวิชาการระดับ "
ศาสตราจารย์" ในประเทศไทย หลังจากผ่านการ ประเมินผลงานวิชาการโดยเข้มงวดแล้ว จะต้องได้รับการพิจารณาเห็นชอบจาก สภามหาวิทยาลัย แต่ละแห่งแล้วนําความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระชาชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศแต่งตั้งใน ราชกิจจานุเบกษา ให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบสถานะใน ตําแหน่ง ศาสตราจารย์ บุคคลนั้นจึงจะสามารถใช้ประกอบคํานําหน้าชื่อได้ถูกต้องตามกฏหมาย ดังนั้น กรณีนี้ ที่มีบุคคลแอบอ้างได้ใช้คําในต่าแหน่ง "
ศาสตราจารย์" เพื่อสื่อต่อสาธารณะให้ประชาชนคนไทย เกิดความเข้าใจ ว่า "
มีตําแหน่งทางวิชาการ ระดับ ศาสตราจารย์" อันเป็นการกระทําที่หมิ่นต่อ สถานะตําแหน่งทางวิชาการ จึงขอให้ทางกระทรวง อว.ในฐานะผู้ดูแลและรับผิดชอบโดยตรง เร่งตรวจสอบเพื่อดํารงไว้ซึ่งความถูกต้องและแจ้งให้สาธารณะชนทราบต่อไป
ทั้งนี้ อ.
อ๊อด ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม สำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่ผ่านการเทียบลักษณะนี้ก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีคนเทียบเอาวุฒิ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการทำธุรกิจและสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง แต่มองว่าหากจะนำตำแหน่งทางวิชาการไปใช้ในระบบราชการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน
ส่วนกรณีที่ว่า หลังจากนี้หากพบว่าตำแหน่งวิชาการได้มาโดยมิชอบ และนำมาใช้ในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจะเดินหน้าเอาผิดและให้ผลจากตำแหน่งหรือไม่ อ.
อ๊อดก็บอกว่า ตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นตอนการรายงานตัว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่รัฐสภาพิจารณา อีกทั้งทราบว่ามีคนร้องเรียน กกต. ไปแล้ว ซึ่งตนเองขอรอดูผลการตรวจสอบก่อนถ้าเกิดบุคคลนี้หลุดเข้าไปนั่งในตำแหน่ง สว.จริง ก็จะเดินหน้าเอาผิดอีกที ส่วนที่ฝั่งทนายความของ สว.ที่ถูกร้องเรียนขู่ฟ้องปิดปากคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม อ.อ๊อดบอกว่าภายในอาทิตย์นี้ตัวเองจะไปยื่นให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของทนายคนดังกล่าวด้วยเนื่องจากมีพฤติกรรมยุยงให้เกิดเป็นคดีความ
พร้อมฝากไปถึงคณะกรรมการมรรยาท สภาทนายความให้พิจารณาสองคดีที่ตัวเองเคยร้องเรียนก่อนหน้านี้ด้วย
ขณะที่ ศ.ดร.
ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ศาสตราจารย์ ตำแหน่งศาตราจารย์ระดับ 11 คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ข้อมูลว่า ตามปกติแล้วคนที่จะได้ตำแหน่งวิชาการศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาจารย์มาก่อน จากนั้นก็จะมีลำดับขั้นตอน ทั้งการเรียนการสอนยื่นผลงาน ทำวิจัย ทำหนังสือตีพิมพ์ ระดับนานาชาติ รวมถึงต้องมีคณะกรรมการประเมินอย่างเข้มข้น อย่างตัวเองใช้เวลาถึง 7ปี ถึงจะได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์ พอเห็นข่าวก็รู้สึกบั่นทอนจิตใจจึงขอวิงวอนให้ทางกระทรวงออกมาตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านนาย
วันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับเรื่องไว้ในเบื้องต้น พร้อมกับกล่าวว่า ในส่วนของการให้ตำแหน่งทางวิชาการที่ได้มาจากประเทศต่างๆจะมีระบบที่ต่างกัน ในส่วนแวดวงทางวิชาการ จะมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ได้รับตำแหน่งทางสิชาการจากต่างประเทศมาก็จะมาขอเทียบตำแหน่งกับทางกระทรวงก็มีหลักเกณฑ์อยู่ เมื่อได้รับการเทียบแล้วถึงจะไปดำเนินการตามกระบวนการคือจะได้รับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยทั่วไป ส่วนเรื่องของการให้ใช้ชื่อตำแหน่งทางวิชาการ หากได้มาถูกต้องก็มีสิทธิใช้ชื่อได้ แต่ถ้าจะมาขอเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษา อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็จะต้องมีขั้นตอนในการเทียบ เพื่อเข้ารับการรับรองและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงจะต้องมีผลงานวิชาการ และได้รับการตีพิมพ์ในต่างประเทศและมีการอ้างอิงที่ชัดเจนด้วย
JJNY : นันทนานำทีมกลุ่มพันธุ์ใหม่│เคาะวันประชุมเลือกประธาน-รองปธ.วุฒิฯ│'อ.อ๊อด'ร้องสอบหมอเกศ│สหรัฐพบคนติดไข้หวัดนก 4 ราย
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4681795
‘นันทนา’ นำทีม ‘ส.ว.พันธุ์ใหม่’ ชูป้ายตบเท้ารายงานตัว ลั่นพร้อมส่งชิง 3 เก้าอี้ อึกอัก ‘บุญส่ง’ อยู่ในกลุ่มหรือไม่ เฉไฉตอบสู้กลุ่มบ้านใหญ่สายสีน้ำเงิน ย้ำหนุนโควต้าสตรี 1 ตำแหน่ง เล็งแก้ รธน.-ทับลาน-ช่วยเหลือเด็กได้รับการประกันตัว
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. พร้อมด้วย ส.ว.คนอื่นๆ อาทิ นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย, นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์, นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์, นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร น.ส.มณีรัตน์ เขมะวงศ์ เดินมารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาวุฒิสภาพร้อมกัน
น.ส.นันทนาให้สัมภาษณ์ก่อนรายงานตัว กรณีจำนวนสมาชิกกลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ว่า กลุ่มของเรามีอยู่ประมาณ 30 คน ซึ่งทยอยรายงานตัวไปก่อนหน้านี้แล้วตามความสะดวกของแต่ละคน ส่วนจุดยืนของกลุ่มนั้น เรายึดแนวทางเสรีนิยมก้าวหน้า มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็น ส.ว.รุ่นใหม่ที่เป็นของประชาชนและรับใช้ประชาชน
เมื่อถามว่า จะสู้กับ ส.ว.กลุ่มบ้านใหญ่อย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า เราคงไม่สู้แบบนั้น แต่ด้วยอุดมการณ์ที่เรารวมตัวกันตั้งแต่ตอนต้น และทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาคือผู้รอด เราจะร่วมมือกับ ส.ว.ท่านอื่น เพื่อกอบกู้ ส.ว. โดยงานแรกจะที่จะเริ่มคือกติกาการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่ประชาชนรู้สึกว่าไม่ปกติ และเรียกได้ว่าเป็นกติกาที่วิปริต โดยเริ่มต้นจากสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดการได้มาซึ่ง ส.ว. อีกทั้งผลักดันปัญหาของประชาชน เช่น ปัญหาเรื่องทับลาน ความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกรณีของเยาวชนถูกจองจำโดยไม่ได้รับการประกันตัว เราจะต้องรีบผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
น.ส.นันทนาเปิดเผยด้วยว่า แม้กลุ่มพันธุ์ใหม่จะมีจำนวน ส.ว.ไม่มาก แต่จะแสดงคุณภาพ ศักยภาพให้ทุกคนเห็น และเรามีความคิดจะส่งชิงทั้ง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และ รองประธานวุฒิวุฒิสภาคนที่ 2 แต่ยังขอเก็บชื่อไว้เป็นความลับจนเกือบใกล้ๆ ที่จะมีการประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกจึงจะเปิดเผยอีกครั้ง
ถามอีกว่า คาดว่าจะได้รับการเลือกจาก ส.ว.ท่านอื่นหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า เชื่อว่าคุณภาพและศักยภาพ และเราจะมีการแสดงวิสัยทัศน์ เชื่อว่าจะได้รับเสียงสนับสนุน
ถามถึงโควต้าในสัดส่วนสตรี น.ส.นันทนากล่าวว่า เห็นด้วยและสนับสนุนให้มีสัดส่วนสตรีเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับผู้หญิงมีพื้นที่ในทางการเมือง
ถามต่อว่าใน 3 ตำแหน่งนี้ส่วนตัวสนใจชิงตำแหน่งใดหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า แล้วแต่สมาชิก
เมื่อถามถึงจำนวนสมาชิกในกลุ่มมีความเป็นเอกภาพ หรือในอนาคตจะมีการเพิ่ม-ลดอย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า จะเพิ่มหรือจะลดไม่ทราบเช่นกัน แต่กลุ่มเราอยู่ด้วยจุดยืนและอุดมการณ์ ไม่ได้จัดการในรูปแบบบริษัท
ถามว่า นายบุญส่ง น้อยโสภณ ส.ว. ถือเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธุ์ใหม่ใช่หรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า เป็นพันธมิตรของเรา เมื่อถามย้ำว่า แปลว่าไม่อยู่ใช่หรือไม่ เพราะเป็นเพียงพันธมิตร น.ส.นันทนากล่าวว่า เรารวมกันมาตั้งแต่ต้น แต่คนที่จะเข้าร่วมเข้ามาในทิศทางและจุดยืนที่สอดคล้องกัน
ถามต่อว่า นายบุญส่งเข้าๆ ออกๆ กลุ่มพันธุ์ใหม่หรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า ไม่แน่ใจเช่นกัน เราอาจมองว่าการเข้ามาในกลุ่ม ซึ่งจะมีกลุ่มที่เป็นกลุ่มสารตั้งต้น เป็นกลุ่มที่เข้ามาร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์
เมื่อถามว่า มองการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องวุฒิการศึกษาของ ส.ว.อย่างไร น.ส.นันทนากล่าวว่า ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ส.ว.เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมตรวจสอบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ ซึ่ง กกต.รับรองเป็นเบื้องต้น แต่โดยภายหลังยังสามารถสอยได้ ซึ่งบุคคลทั่วไปก็สามารถส่งหลักฐานการตรวจสอบเข้าไปยัง กกต.ได้อยู่
เคาะวันประชุมนัดแรก เลือกประธาน-รองปธ.วุฒิฯ 23 ก.ค. เปิด 3 รายชื่อผู้อาวุโสทำหน้าที่ชั่วคราว
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4681719
เคาะวันประชุมนัดแรก เลือกประธาน-รองปธ.วุฒิฯ 23 ก.ค. เปิด 3 รายชื่อผู้อาวุโสทำหน้าที่ชั่วคราว
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 15 ก.ค. 2567 ที่รัฐสภา น.ส.นภาภรณ์ ใจสัจจะ เลขาธิการวุฒิสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้มีส.ว.มาแสดงตนแล้ว 198 คนซึ่งคาดว่าอีก 2คน จะมาแสดงตนในช่วงบ่าย
สำหรับการนัดการประชุมครั้งแรกตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.2562 ข้อ5 กำหนดว่า ในการเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาครั้งแรก ให้เลขาธิการวุฒิสภาเชิญสมาชิกผู้มีอายุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมวุฒิสภาเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาผู้มีอายุสูงสุดเรียงตามลำดับ 3 ลำดับแรก ได้แก่
1.พลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี อายุ 78 ปี
2.นายแล ดิลกวิทยรัตน์ซึ่งมีอายุ 77 ปี
3.นายบุญส่ง น้อยโสภณ ซึ่งมีอายุ 75 ปี
เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะต้องยืนยันมติและส่งเรื่องไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไปตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 9
น.ส.นภาภรณ์ กล่าวว่า เมื่อสมาชิกวุฒิสภามารายงานตัวครบ 200 คนแล้ว การนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เลขาธิการวุฒิสภาจะเป็นผู้นัดประชุม ซึ่งข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ15 กำหนดว่า การนัดประชุมวุฒิสภาต้องนัดประชุมล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน ดังนั้น วันประชุมวุฒิสภาที่มีความเหมาะสมที่จะนัดเป็นครั้งแรก คือ วันที่ 23 ก.ค. เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาแล้ว จึงจะมีการนัดประชุมวุฒิสภาครั้งต่อไปได้ โดยประธานวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้มีคำสั่งนัดประชุม ซึ่งคาดว่าระยะเวลาเร็วสุดคือ วันที่ 30 ก.ค. 67
น.ส.นภาภรณ์ กล่าวว่า สำหรับวาระการประชุมวุฒิสภานัดแรก จะประกอบด้วย
1. เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม
1.1 รับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
1.2 รับทราบประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (บัญชีสำรอง)
1.3 สมาชิกวุฒิสภากล่าวปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ ตามมาตรา115 ของรัฐธรรมนูญ
2.เลือกประธานวุฒิสภา
3.เลือกรองประธานวุฒิสภา
'อ.อ๊อด วีรชัย' ร้อง อว. ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ หมอเกศสมาชิกวุฒิสภา
https://siamrath.co.th/n/550945
'อ.อ๊อด วีรชัย'พร้อมทีมงานยื่นหนังสือร้อง อว. ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของหมอเกศสมาชิกวุฒิสภา หวั่นสังคมสับสน และขัดต่อหลักกฎหมาย เตรียมเดินหน้าเอาผิด หากพบ สว.ได้ตำแหน่งวิชาการมาโดยมิชอบ
วันนี้ (15 ก.ค. 67) รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี ม.เกษตรศาสตร์ ในฐานะเลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษา และทีมงาน เดินทางมาที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ถ.ศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือให้กับนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เพื่อให้ตรวจสอบการใช้ตำแหน่งศาสตราจารย์ ของ พญ.เกศกมล เนื่องจากทําให้สังคมสับสนว่า เป็นการได้ตําแหน่งมาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือ เป็นเพียงการเทียบ วุฒิจากสถาบันเทียบวุฒิที่ต่างประเทศคือ บริษัท California University FCE ซึ่งไม่ใช่สถาบันอุดมศึกษา ดังนั้นการกล่าวอ้างในการแถลงข่าวที่นําตําแหน่ง ศาสตราจารย์ ดังกล่าวมาใช้นําหน้าชื่อ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นํามาซึ่งการ เข้าใจผิดของสังคมในวงกว้าง เพราะทางสำนักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่ได้รับรองสถานะ รวมถึงอาจขัดต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ด้วย
เหตุสําคัญ อีก ประการหนึ่ง คือ ตําแหน่งทางวิชาการระดับ "ศาสตราจารย์" ในประเทศไทย หลังจากผ่านการ ประเมินผลงานวิชาการโดยเข้มงวดแล้ว จะต้องได้รับการพิจารณาเห็นชอบจาก สภามหาวิทยาลัย แต่ละแห่งแล้วนําความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระชาชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ประกาศแต่งตั้งใน ราชกิจจานุเบกษา ให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบสถานะใน ตําแหน่ง ศาสตราจารย์ บุคคลนั้นจึงจะสามารถใช้ประกอบคํานําหน้าชื่อได้ถูกต้องตามกฏหมาย ดังนั้น กรณีนี้ ที่มีบุคคลแอบอ้างได้ใช้คําในต่าแหน่ง "ศาสตราจารย์" เพื่อสื่อต่อสาธารณะให้ประชาชนคนไทย เกิดความเข้าใจ ว่า "มีตําแหน่งทางวิชาการ ระดับ ศาสตราจารย์" อันเป็นการกระทําที่หมิ่นต่อ สถานะตําแหน่งทางวิชาการ จึงขอให้ทางกระทรวง อว.ในฐานะผู้ดูแลและรับผิดชอบโดยตรง เร่งตรวจสอบเพื่อดํารงไว้ซึ่งความถูกต้องและแจ้งให้สาธารณะชนทราบต่อไป
ทั้งนี้ อ.อ๊อด ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม สำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ ที่ผ่านการเทียบลักษณะนี้ก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีคนเทียบเอาวุฒิ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะของการทำธุรกิจและสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเอง แต่มองว่าหากจะนำตำแหน่งทางวิชาการไปใช้ในระบบราชการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าจะมีปัญหาตามมาแน่นอน
ส่วนกรณีที่ว่า หลังจากนี้หากพบว่าตำแหน่งวิชาการได้มาโดยมิชอบ และนำมาใช้ในการสรรหาสมาชิกวุฒิสภาจะเดินหน้าเอาผิดและให้ผลจากตำแหน่งหรือไม่ อ.อ๊อดก็บอกว่า ตอนนี้เพิ่งอยู่ในขั้นตอนการรายงานตัว ซึ่งหลังจากนี้ก็จะเข้าสู่รัฐสภาพิจารณา อีกทั้งทราบว่ามีคนร้องเรียน กกต. ไปแล้ว ซึ่งตนเองขอรอดูผลการตรวจสอบก่อนถ้าเกิดบุคคลนี้หลุดเข้าไปนั่งในตำแหน่ง สว.จริง ก็จะเดินหน้าเอาผิดอีกที ส่วนที่ฝั่งทนายความของ สว.ที่ถูกร้องเรียนขู่ฟ้องปิดปากคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม อ.อ๊อดบอกว่าภายในอาทิตย์นี้ตัวเองจะไปยื่นให้ตรวจสอบมรรยาททนายความของทนายคนดังกล่าวด้วยเนื่องจากมีพฤติกรรมยุยงให้เกิดเป็นคดีความ
พร้อมฝากไปถึงคณะกรรมการมรรยาท สภาทนายความให้พิจารณาสองคดีที่ตัวเองเคยร้องเรียนก่อนหน้านี้ด้วย
ขณะที่ ศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ศาสตราจารย์ ตำแหน่งศาตราจารย์ระดับ 11 คณะพัฒนาสังคมและยุทธศาสตร์การบริหาร ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ให้ข้อมูลว่า ตามปกติแล้วคนที่จะได้ตำแหน่งวิชาการศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาจารย์มาก่อน จากนั้นก็จะมีลำดับขั้นตอน ทั้งการเรียนการสอนยื่นผลงาน ทำวิจัย ทำหนังสือตีพิมพ์ ระดับนานาชาติ รวมถึงต้องมีคณะกรรมการประเมินอย่างเข้มข้น อย่างตัวเองใช้เวลาถึง 7ปี ถึงจะได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นศาสตราจารย์ พอเห็นข่าวก็รู้สึกบั่นทอนจิตใจจึงขอวิงวอนให้ทางกระทรวงออกมาตรวจสอบเรื่องนี้
ด้านนายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับเรื่องไว้ในเบื้องต้น พร้อมกับกล่าวว่า ในส่วนของการให้ตำแหน่งทางวิชาการที่ได้มาจากประเทศต่างๆจะมีระบบที่ต่างกัน ในส่วนแวดวงทางวิชาการ จะมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ได้รับตำแหน่งทางสิชาการจากต่างประเทศมาก็จะมาขอเทียบตำแหน่งกับทางกระทรวงก็มีหลักเกณฑ์อยู่ เมื่อได้รับการเทียบแล้วถึงจะไปดำเนินการตามกระบวนการคือจะได้รับเงินประจำตำแหน่ง ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยทั่วไป ส่วนเรื่องของการให้ใช้ชื่อตำแหน่งทางวิชาการ หากได้มาถูกต้องก็มีสิทธิใช้ชื่อได้ แต่ถ้าจะมาขอเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษา อย่างอาจารย์มหาวิทยาลัย ก็จะต้องมีขั้นตอนในการเทียบ เพื่อเข้ารับการรับรองและดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงจะต้องมีผลงานวิชาการ และได้รับการตีพิมพ์ในต่างประเทศและมีการอ้างอิงที่ชัดเจนด้วย