คนไทยแห่เที่ยวจีน “ควอลิตี้เอ็กซ์เพรส-ยูนิไทย” เผยเอเย่นต์หนีตลาดญี่ปุ่น-เกาหลี แห่ขายทัวร์เที่ยวจีน ชี้ราคาดี ตลาดใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ลั่นขายกันอีก 10 ปีไม่มีหมด ญี่ปุ่นปลายทางอันดับ 1 ของคนไทยต้นทุนสูง เดินทางง่าย หนุนคนไทยเที่ยวเอง ขณะที่เกาหลี “ผีน้อย” ยังหลอน หนุนตัวเลขไทยเที่ยวจีนปีนี้พุ่งทะลุ 9 แสนคน มั่นใจปีหน้าพุ่ง 1.2 ล้านคนเทียบชั้นญี่ปุ่น
นายธนพล ชีวรัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด และเจ้าของบริษัท แตงโมทัวร์ จำกัด บริษัทขายแพ็กเกจทัวร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศรายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมของตลาดคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ (Outbound) ว่า ขณะตลาดจีนมีความคึกคักและหวือหวามาก โดยพบว่านับตั้งแต่รัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้มาตรการวีซ่าฟรีระหว่างกันเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัททัวร์หันไปขายแพ็กเกจเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ราคาดี-แพ็กเกจหลากหลาย
โดยนอกจากเรื่องมาตรการวีซ่าฟรีที่ทำให้การวางแผนการเดินทางง่ายขึ้นแล้ว ตลาดจีนยังมีปัจจัยบวกอีกมาก ทั้งราคาแพ็กเกจทัวร์ที่สอดรับกับกำลังซื้อของคนไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 20,000-30,000 บาทต่อทริป 4 วัน 3 คืน และ 5 วัน 4 คืน และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและกระจายอยู่ในเกือบทุกเมือง ทำให้บริษัททัวร์สามารถออกแบบแพ็กเกจการขายโปรแกรมทัวร์ได้หลากหลาย มีสร้างทางเลือกให้คนไทยได้มากขึ้น
ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดนักเดินทางกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ตลาดญี่ปุ่นค่อนข้างนิ่ง แม้จะได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นในช่วงหลังโควิดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ทั้งโรงแรมที่พัก อาหาร การขนส่ง ทำให้ราคาแพ็กเกจทัวร์ปรับตัวสูงขึ้น บวกกับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นสะดวกและปลอดภัย ทำให้คนไทยหันไปนิยมเดินทางด้วยตัวเองแทน
ขายอีก 10 ปีก็ยังไม่หมด
นายธนพลกล่าวว่า จีนเป็นตลาดการท่องเที่ยวใหม่และมีขนาดที่ใหญ่มาก โดยในช่วงที่มีการปิดประเทศเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น รัฐบาลจีนได้ลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ พร้อมยกระดับแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ให้มีสีสันมากขึ้น ปัจจุบันพื้นที่หลายมณฑลในจีนได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยอย่างมาก อาทิ เสฉวน ยูนนาน ปักกิ่ง หูหนาน เซี่ยงไฮ้ คุณหมิง ฯลฯ จึงเชื่อว่าจีนคือตลาดศักยภาพที่มีขนาดใหญ่มากสำหรับตลาดเอาต์บาวนด์คนไทย
“ตอนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่คนไทยให้ความสนใจ เช่น อุทยานแห่งชาติจิ๋วจ้ายโกว หุบเขามังกรเหลือง ภูเขาสี่ดรุณี ภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองโบราณลี่เจียง แชงกรี-ลา อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เขาเทียนเหมือนซาน หุบเขาอวตาร ฯลฯ แค่แหล่งท่องเที่ยวในจีนผมว่าอีก 10 ปีก็ยังขายกันไม่หมด และคนไทยก็ยังเที่ยวไม่ครบ” นายธนพลกล่าว
แค่หมื่นกว่าบาทก็ไปเที่ยวได้
สอดรับกับนางบูรณี วีระภุชงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิไทย แทรเวล จำกัด ผู้ประกอบการทัวร์รายใหญ่ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้แพ็กเกจทัวร์เที่ยวจีนได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยมากขึ้น ปริมาณการขายก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเนื่องจากแพ็กเกจทัวร์จีนมีราคาไม่สูงมากนัก มีเงินเพียงแค่หมื่นกว่าบาท หรือ 2 หมื่นต้น ๆ ก็สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวได้แล้ว
“ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา บรรยากาศการขายแพ็กเกจทัวร์จีนคึกคักมาก ของบริษัท ยูนิไทยฯเราเองก็มีโปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลายเมือง ทั้งในระดับราคาหมื่นกว่าบาทไปจนถึง 2-3 หมื่นบาท” นางบูรณีกล่าวและว่า สำหรับตลาดญี่ปุ่นนั้น ปีนี้การขายก็ยังได้เรื่อย ๆ แต่ไม่หวือหวาแล้ว เนื่องจากบริษัททัวร์เอาโควตาตั๋วโดยสารเครื่องบินมาน้อยลง ซึ่งอาจทำให้จำนวนแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นปีนี้มีปริมาณลดลง
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมปีนี้ตลาดญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ของตลาดเอาต์บาวนด์คนไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมมานานในกลุ่มคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดินทางซ้ำ ทำให้หันไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น
อานิสงส์คนไทยแบนเกาหลี
ด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) และเจ้าของบริษัท กังวาล ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดเอาต์บาวนด์ (คนไทยเที่ยวต่างประเทศ) ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ในภาวะทรง ๆ ขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ค่อยดี และราคาขายแพ็กเกจทัวร์ในบางตลาดยังอยู่ในระดับสูง
“ญี่ปุ่นที่เราคาดว่าจะหวือหวา เพราะค่าเงินเยนที่อ่อนค่า แต่ก็ไม่ดีนักในฟากของกรุ๊ปทัวร์ เพราะค่าครองชีพของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง ทำให้ค่าโรงแรมที่พักสูงไปด้วย แต่ตลาดที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนคือจีน เพราะข้อจำกัดต่าง ๆ ลดลง โดยเฉพาะเรื่องวีซ่า ทำให้คนไทยเดินทางสะดวกขึ้น ทำให้ตลาดจีนเด้งมาเป็นตลาดขาขึ้น” นายเจริญกล่าวและว่า
ประกอบกับที่ผ่านมาคนไทยไปเที่ยวเกาหลีลดลง เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ยังใช้ระบบลงทะเบียนผ่าน K-ETA คัดกรองนักท่องเที่ยว และแก้ปัญหาคนหลบเข้าไปทำงาน หรือ “ผีน้อย” ทำให้คนที่ต้องการไปท่องเที่ยวจริงวางแผนการเดินทางยากขึ้น ซึ่งบางกรณีผ่านระบบลงทะเบียนแล้วแต่ไปถึง ตม.เกาหลีก็ยังไม่อนุญาตให้เข้าเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจีนคือหนึ่งในตัวเลือกเช่นกัน
คาดไทยเที่ยวจีนปีนี้แตะ 9 แสนคน
นายเจริญกล่าวด้วยว่า ภาพรวมตลาดเอาต์บาวนด์ หรือคนไทยเที่ยวต่างประเทศปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 7-8 ล้านคน ยังต่ำกว่าปี 2562 ช่วงก่อนวิกฤตโควิดที่มีประมาณ 11-12 ล้านคน โดยประเมินว่าจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ยังเป็นญี่ปุ่นประมาณ 1.2-1.3 ล้านคน
ส่วนตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนในปีนี้นั้น คาดว่าจะอยู่ในระดับ 9 แสน-1 ล้านคน สูงกว่าปี 2562 ช่วงก่อนวิกฤตโควิดที่มีประมาณ 6.9 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และคาดว่าเพิ่มได้ถึงราว 1.2 ล้านคนได้ในปี 2568 เทียบชั้นหรือใกล้เคียงกับตลาดญี่ปุ่น...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/tourism/news-1601484
ไทยแห่เที่ยวจีน เมินญี่ปุ่นแพง-แบนเกาหลี...
นายธนพล ชีวรัตนพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด และเจ้าของบริษัท แตงโมทัวร์ จำกัด บริษัทขายแพ็กเกจทัวร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศรายใหญ่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมของตลาดคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ (Outbound) ว่า ขณะตลาดจีนมีความคึกคักและหวือหวามาก โดยพบว่านับตั้งแต่รัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้มาตรการวีซ่าฟรีระหว่างกันเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัททัวร์หันไปขายแพ็กเกจเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ราคาดี-แพ็กเกจหลากหลาย
โดยนอกจากเรื่องมาตรการวีซ่าฟรีที่ทำให้การวางแผนการเดินทางง่ายขึ้นแล้ว ตลาดจีนยังมีปัจจัยบวกอีกมาก ทั้งราคาแพ็กเกจทัวร์ที่สอดรับกับกำลังซื้อของคนไทย โดยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 20,000-30,000 บาทต่อทริป 4 วัน 3 คืน และ 5 วัน 4 คืน และสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและกระจายอยู่ในเกือบทุกเมือง ทำให้บริษัททัวร์สามารถออกแบบแพ็กเกจการขายโปรแกรมทัวร์ได้หลากหลาย มีสร้างทางเลือกให้คนไทยได้มากขึ้น
ประกอบกับที่ผ่านมาตลาดนักเดินทางกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ตลาดญี่ปุ่นค่อนข้างนิ่ง แม้จะได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นในช่วงหลังโควิดเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ทั้งโรงแรมที่พัก อาหาร การขนส่ง ทำให้ราคาแพ็กเกจทัวร์ปรับตัวสูงขึ้น บวกกับการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นสะดวกและปลอดภัย ทำให้คนไทยหันไปนิยมเดินทางด้วยตัวเองแทน
ขายอีก 10 ปีก็ยังไม่หมด
นายธนพลกล่าวว่า จีนเป็นตลาดการท่องเที่ยวใหม่และมีขนาดที่ใหญ่มาก โดยในช่วงที่มีการปิดประเทศเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น รัฐบาลจีนได้ลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ พร้อมยกระดับแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่ให้มีสีสันมากขึ้น ปัจจุบันพื้นที่หลายมณฑลในจีนได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยอย่างมาก อาทิ เสฉวน ยูนนาน ปักกิ่ง หูหนาน เซี่ยงไฮ้ คุณหมิง ฯลฯ จึงเชื่อว่าจีนคือตลาดศักยภาพที่มีขนาดใหญ่มากสำหรับตลาดเอาต์บาวนด์คนไทย
“ตอนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่คนไทยให้ความสนใจ เช่น อุทยานแห่งชาติจิ๋วจ้ายโกว หุบเขามังกรเหลือง ภูเขาสี่ดรุณี ภูเขาหิมะมังกรหยก เมืองโบราณลี่เจียง แชงกรี-ลา อุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย เขาเทียนเหมือนซาน หุบเขาอวตาร ฯลฯ แค่แหล่งท่องเที่ยวในจีนผมว่าอีก 10 ปีก็ยังขายกันไม่หมด และคนไทยก็ยังเที่ยวไม่ครบ” นายธนพลกล่าว
แค่หมื่นกว่าบาทก็ไปเที่ยวได้
สอดรับกับนางบูรณี วีระภุชงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิไทย แทรเวล จำกัด ผู้ประกอบการทัวร์รายใหญ่ที่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้แพ็กเกจทัวร์เที่ยวจีนได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยมากขึ้น ปริมาณการขายก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเนื่องจากแพ็กเกจทัวร์จีนมีราคาไม่สูงมากนัก มีเงินเพียงแค่หมื่นกว่าบาท หรือ 2 หมื่นต้น ๆ ก็สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวได้แล้ว
“ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา บรรยากาศการขายแพ็กเกจทัวร์จีนคึกคักมาก ของบริษัท ยูนิไทยฯเราเองก็มีโปรแกรมท่องเที่ยวที่หลากหลายเมือง ทั้งในระดับราคาหมื่นกว่าบาทไปจนถึง 2-3 หมื่นบาท” นางบูรณีกล่าวและว่า สำหรับตลาดญี่ปุ่นนั้น ปีนี้การขายก็ยังได้เรื่อย ๆ แต่ไม่หวือหวาแล้ว เนื่องจากบริษัททัวร์เอาโควตาตั๋วโดยสารเครื่องบินมาน้อยลง ซึ่งอาจทำให้จำนวนแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่นปีนี้มีปริมาณลดลง
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมปีนี้ตลาดญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ของตลาดเอาต์บาวนด์คนไทย เนื่องจากเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมมานานในกลุ่มคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดินทางซ้ำ ทำให้หันไปเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น
อานิสงส์คนไทยแบนเกาหลี
ด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) และเจ้าของบริษัท กังวาล ฮอลิเดย์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดเอาต์บาวนด์ (คนไทยเที่ยวต่างประเทศ) ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอยู่ในภาวะทรง ๆ ขยายตัวไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศไม่ค่อยดี และราคาขายแพ็กเกจทัวร์ในบางตลาดยังอยู่ในระดับสูง
“ญี่ปุ่นที่เราคาดว่าจะหวือหวา เพราะค่าเงินเยนที่อ่อนค่า แต่ก็ไม่ดีนักในฟากของกรุ๊ปทัวร์ เพราะค่าครองชีพของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นค่อนข้างสูง ทำให้ค่าโรงแรมที่พักสูงไปด้วย แต่ตลาดที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนคือจีน เพราะข้อจำกัดต่าง ๆ ลดลง โดยเฉพาะเรื่องวีซ่า ทำให้คนไทยเดินทางสะดวกขึ้น ทำให้ตลาดจีนเด้งมาเป็นตลาดขาขึ้น” นายเจริญกล่าวและว่า
ประกอบกับที่ผ่านมาคนไทยไปเที่ยวเกาหลีลดลง เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ยังใช้ระบบลงทะเบียนผ่าน K-ETA คัดกรองนักท่องเที่ยว และแก้ปัญหาคนหลบเข้าไปทำงาน หรือ “ผีน้อย” ทำให้คนที่ต้องการไปท่องเที่ยวจริงวางแผนการเดินทางยากขึ้น ซึ่งบางกรณีผ่านระบบลงทะเบียนแล้วแต่ไปถึง ตม.เกาหลีก็ยังไม่อนุญาตให้เข้าเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจีนคือหนึ่งในตัวเลือกเช่นกัน
คาดไทยเที่ยวจีนปีนี้แตะ 9 แสนคน
นายเจริญกล่าวด้วยว่า ภาพรวมตลาดเอาต์บาวนด์ หรือคนไทยเที่ยวต่างประเทศปีนี้น่าจะอยู่ในระดับ 7-8 ล้านคน ยังต่ำกว่าปี 2562 ช่วงก่อนวิกฤตโควิดที่มีประมาณ 11-12 ล้านคน โดยประเมินว่าจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ยังเป็นญี่ปุ่นประมาณ 1.2-1.3 ล้านคน
ส่วนตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างชัดเจนในปีนี้นั้น คาดว่าจะอยู่ในระดับ 9 แสน-1 ล้านคน สูงกว่าปี 2562 ช่วงก่อนวิกฤตโควิดที่มีประมาณ 6.9 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และคาดว่าเพิ่มได้ถึงราว 1.2 ล้านคนได้ในปี 2568 เทียบชั้นหรือใกล้เคียงกับตลาดญี่ปุ่น...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/tourism/news-1601484