เกณฑ์ Uptick ของตลาดหลักทรัพย์ วันแรกหยุดเลือดไหล นักทุนต่างชาติ พลิกซื้อหุ้นไทย วันแรก 337 ล้านบาท หลังขาย 27 วันติดรวม 5.16 หมื่นล้าน
วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี รายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในวันแรกของเดือน ก.ค. 2567 พบว่า
ปิดตลาดเย็น ปรับตัวลดลง 1.61 จุด หรือติดลบ 0.12% หลุดระดับ 1,300 จุด ปิดที่บริเวณ 1,299.35 จุด สวนทางกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเหนือที่ปรับขึ้นโดยส่วนใหญ่ แม้วันนี้เป็นวันแรกของมาตรการ Uptick แต่ตลาดรอดูประเด็นการเมืองในประเทศ 3 ก.ค. การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล
โดยวันนี้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 209 บริษัท จำนวนหุ้นปรับลง 268 บริษัท) โดยเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนีหลัก ๆ นำโดยกลุ่ม ICT (ADVANC, TRUE) กลุ่มเครื่องดื่ม OSP กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP) ฯลฯ กลุ่มที่กดดัชนีหลัก ๆ คือ กลุ่มขนส่ง AOT กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH ฯลฯ
โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ 1. OSP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.61% จากเหตุผล
1. ยอดขายในเครื่องดื่มชูกำลังเติบโต QOQ ในไตรมาส 2/2567 ซึ่งบอกเป็นนัยว่ามีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น 2. มูลค่าซื้อขาย PER24F ราว 22.9 เท่า อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย -1.5 S.D.
3. หุ้นเครื่องดื่มมักเคลื่อนไหว Outperform ช่วงฟุตบอลยูโร 2024 ยังคงคำแนะนำซื้อ OSP ราคาเป้าหมายที่ 26 บาท
2. CKP ทรงตัวแต่ Outperform ตลาด หุ้นปรับขึ้นระหว่างวัน มีปัจจัยบวกจากปริมาณฝนที่สูงขึ้น ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะลานีญาในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. และ ต่อเนื่องไปเดือน ม.ค.- มี.ค. 2568
โดยเฉพาะเดือน ก.ค.นี้คาดว่าจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ (เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปี 2534-2563 และยังคงเป็น Top pick หุ้น CKP ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท จากปัจจัยบวกระยะสั้น งบไตรมาส 2 แกร่ง
3.กลุ่มธนาคาร BBL +1.15%, SCB +0.49% และ TTB +0.58% มีจิตวิทยาบวกจากทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ อิง อายุ 10 ปี ปรับขึ้นแรง 10 bps อยู่ที่ 4.39% สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยกลุ่มธนาคารฝ่ายวิจัยได้เริ่มพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดกำไรสุทธิกลุ่มที่ 5.09 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% YOY และ 7% QOQ คงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL และคง KTB และ TTB เป็น Top Pick ของกลุ่ม
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุนอิสร เปิดเผยว่า ผลจากมาตรการ Uptick หยุดเลือดไหลวันแรก การซื้อขายเหลือ 2.97 หมื่นล้านบาทต่ำที่สุดตั้งแต่สงกรานต์ และต่างชาติซื้อสุทธิ 337 ล้านบาท เป็นครั้งแรกหลังจากขายมา 27 วันติดรวม 5.16 หมื่นล้านบาท ต้องรอดูเปอร์เซนต์ โปรแกรมเทรดดิ้งและ broker ranking จะเปลี่ยนไปอย่างไร
โดยถ้า Uptick จะเห็นผลคือ 1. มูลค่าซื้อขายต้องน้อยลง วันนี้น้อยลง 30% 2. สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเทรดน้อยลง วันนี้เหลือ 44% จาก 55% 3. เปอร์เซนต์โปรแกรมเทรด ต้องน้อยลง อันนี้ยังไม่รู้
4. ส่วนแบ่ง Broker share ต้องลดลง อันนี้ก็ยังไม่รู้ 5. ชอร์ตเซลต้องลดลงจากเดิมมากกว่า 80% ซึ่งอันนี้ก็ยังไม่รู้ ทุกอย่างต้องลดลงต่อเนื่องก่อนจะนิ่งเสถียร...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/finance/news-1598040
เกณฑ์ Uptick วันแรกหยุดเลือดไหล ต่างชาติพลิกซื้อหุ้นไทย 337 ล้าน หลังขาย 27 วันติด
วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี รายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในวันแรกของเดือน ก.ค. 2567 พบว่า
ปิดตลาดเย็น ปรับตัวลดลง 1.61 จุด หรือติดลบ 0.12% หลุดระดับ 1,300 จุด ปิดที่บริเวณ 1,299.35 จุด สวนทางกับตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเหนือที่ปรับขึ้นโดยส่วนใหญ่ แม้วันนี้เป็นวันแรกของมาตรการ Uptick แต่ตลาดรอดูประเด็นการเมืองในประเทศ 3 ก.ค. การพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล
โดยวันนี้มูลค่าการซื้อขายโดยรวมอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 209 บริษัท จำนวนหุ้นปรับลง 268 บริษัท) โดยเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นหนุนดัชนีหลัก ๆ นำโดยกลุ่ม ICT (ADVANC, TRUE) กลุ่มเครื่องดื่ม OSP กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP) ฯลฯ กลุ่มที่กดดัชนีหลัก ๆ คือ กลุ่มขนส่ง AOT กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH ฯลฯ
โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ 1. OSP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.61% จากเหตุผล
1. ยอดขายในเครื่องดื่มชูกำลังเติบโต QOQ ในไตรมาส 2/2567 ซึ่งบอกเป็นนัยว่ามีมาร์เก็ตแชร์มากขึ้น 2. มูลค่าซื้อขาย PER24F ราว 22.9 เท่า อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย -1.5 S.D.
3. หุ้นเครื่องดื่มมักเคลื่อนไหว Outperform ช่วงฟุตบอลยูโร 2024 ยังคงคำแนะนำซื้อ OSP ราคาเป้าหมายที่ 26 บาท
2. CKP ทรงตัวแต่ Outperform ตลาด หุ้นปรับขึ้นระหว่างวัน มีปัจจัยบวกจากปริมาณฝนที่สูงขึ้น ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะลานีญาในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. และ ต่อเนื่องไปเดือน ม.ค.- มี.ค. 2568
โดยเฉพาะเดือน ก.ค.นี้คาดว่าจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ (เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปี 2534-2563 และยังคงเป็น Top pick หุ้น CKP ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท จากปัจจัยบวกระยะสั้น งบไตรมาส 2 แกร่ง
3.กลุ่มธนาคาร BBL +1.15%, SCB +0.49% และ TTB +0.58% มีจิตวิทยาบวกจากทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐที่ปรับขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ อิง อายุ 10 ปี ปรับขึ้นแรง 10 bps อยู่ที่ 4.39% สูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยกลุ่มธนาคารฝ่ายวิจัยได้เริ่มพรีวิวผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดกำไรสุทธิกลุ่มที่ 5.09 หมื่นล้านบาท ลดลง 3% YOY และ 7% QOQ คงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL และคง KTB และ TTB เป็น Top Pick ของกลุ่ม
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุนอิสร เปิดเผยว่า ผลจากมาตรการ Uptick หยุดเลือดไหลวันแรก การซื้อขายเหลือ 2.97 หมื่นล้านบาทต่ำที่สุดตั้งแต่สงกรานต์ และต่างชาติซื้อสุทธิ 337 ล้านบาท เป็นครั้งแรกหลังจากขายมา 27 วันติดรวม 5.16 หมื่นล้านบาท ต้องรอดูเปอร์เซนต์ โปรแกรมเทรดดิ้งและ broker ranking จะเปลี่ยนไปอย่างไร
โดยถ้า Uptick จะเห็นผลคือ 1. มูลค่าซื้อขายต้องน้อยลง วันนี้น้อยลง 30% 2. สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเทรดน้อยลง วันนี้เหลือ 44% จาก 55% 3. เปอร์เซนต์โปรแกรมเทรด ต้องน้อยลง อันนี้ยังไม่รู้
4. ส่วนแบ่ง Broker share ต้องลดลง อันนี้ก็ยังไม่รู้ 5. ชอร์ตเซลต้องลดลงจากเดิมมากกว่า 80% ซึ่งอันนี้ก็ยังไม่รู้ ทุกอย่างต้องลดลงต่อเนื่องก่อนจะนิ่งเสถียร...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1598040