JJNY : สึนามิการเมืองถล่ม│‘ยูโร’ ไม่ปัง ขายเหล้าเบียร์ซึมยาว│จับตาทุเรียนแคดเมียมเวียดนาม│รัสเซียซัดสหรัฐ ยิงไครเมีย

ศิธา ทิวารี xพงศกร รอดชมภู พรรคก้าวไกล 320 เพื่อไทย 70 สึนามิการเมืองถล่ม
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4643940

รายการ มีเรื่องมาเคลียร์ by ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ คุยกับ น.ต.ศิธา ทิวารี นักวิเคราะห์การเมือง และ พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ถึงกรณีการยุบพรรคก้าวไกล มองการเลือกตั้งภายใน 3- 4 ปีข้างหน้า พรรคก้าวไกล จะได้ถึง 320 เสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทย จะเหลือเพียง 70 เสียงเท่านั้น จะถือเป็นสึนามิทางการเมืองหรือไม่?
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 



‘ยูโร2024’ ไม่ปัง ขายเหล้าเบียร์ซึมยาว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4644517

‘ยูโร2024’ ไม่ปัง ขายเหล้าเบียร์ซึมยาว
 
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้อยู่ในช่วงแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 แต่ไม่ได้สร้างการตื่นตัวให้กับตลาดมากนัก ยอดขายเหล้าเบียร์ตกมาอย่างต่อเนื่องร่วม 20% เนื่องจากคนไม่มีเงิน ไม่มีกำลังซื้อของฟุ่มเฟือย ขณะที่สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มอื่นๆที่ไม่ใช่แอลกอฮอลล์ เช่น น้ำอัดลม ก็ไม่มีกิจกรรมรับกับฟุตบอลยูโรเหมือนเมื่อก่อน จึงทำให้บรรยากาศเงียบๆ เนื่องจากต้นทุนสูงทั้งค่าขนส่ง และอื่นๆ ที่เพิ่มขึ้น จึงไม่มีการทุ่มงบทำกิจกรรมในส่วนนี้

นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด จ.อุดรธานี ผู้ค้าส่งรายใหญ่ของจังหวัด กล่าวว่า ขณะนี้กำลังซื้อถดถอยอย่างมาก เงียบมาก เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีฉุดกำลังซื้อ รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆที่สูงขึ้น นโยบายรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นก็ยังไม่มีออกมา ทำให้ยอดขายปี 2566 หายไปประมาณ 1,000 ล้านบาท จากที่เคยมีประมาณปีละ 3,600 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายสินค้าลดลงหมดทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าฟุ่มเฟอย เช่น เหล้า เบียร์ โดยรวมตกลงกว่า 20%
 
เราก็คาดหวังว่าการแข่งขันฟุตบอลยูโรจะทำให้บรรยากาศคึกคัก แต่ก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นอะไรได้มาก อย่างที่อุดรธานี บรรยากาศร้านค้า ผับบาร์ยังเงียบๆ เพราะคนไม่ค่อยมั่นใจเศรษฐกิจ ไม่มีเงิน จะเก็บเงินไว้ใช้อย่างอื่น ไม่ออกมาปาร์ตี้สังสรรค์ดูการแข่งขันฟุตบอลเหมือนเมื่อก่อน” นายมิลินทร์กล่าว

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ด้วยภาวะเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อไม่มี รวมถึงช่วงนี้เป็นโลว์ซีซันของการท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวที่ข้าวสานน้อยลง ดูจากอัตราเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ 50% ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยหายไปถึง 40% แม้มีเทศกาลแข่งขันฟุตบอลยูโรก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดความคึกคักแต่อย่างใด



จับตาทุเรียนแคดเมียมเวียดนาม หวั่นสวมสิทธิไทยทั้งผลสด-แช่แข็งไปจีน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1591725

ทุเรียนใต้เปิดฤดูราคาดิ่งจากสูงสุด 170-175 บาท/กก. เพียง 10 วันเหลือ 120 บาท/กก. ล้งแจงสารพัดปัญหา ชนฤดูร้อนจีนมีผลไม้อื่นขายถูกแย่งพื้นที่-เศรษฐกิจจีนกำลังซื้อไม่ดี-ขายทุเรียนไม่ออก-ปัญหาทุเรียนอ่อน ล่าสุด สวพ.7 ตรวจพบ “ล้งใหญ่” หลายแห่งมีทุเรียนด้อยคุณภาพ ถูกขึ้นบัญชี “ล้งสีแดง 27 ล้ง” ทำชะงักหยุดซื้อ หวั่นผลกระทบทุเรียนเวียดนามเจอแคดเมียมไหลมาสวมสิทธิเป็นทุเรียนไทยส่งออกไปทั้งผลสด-แช่แข็ง ทำผู้ส่งออกหวั่นไทยถูกจีนแบนไปด้วย
 
แหล่งข่าวในวงการทุเรียน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ราคาทุเรียนภาคใต้ดิ่งลงทุกวัน ทั้งที่อยู่ในช่วงต้นฤดู และออกมาปริมาณน้อย จากช่วงเปิดฤดูต้นเดือนมิถุนายน 2567 ราคาหน้าล้ง เกรด AB รับซื้อสูงสุด 170-175 บาท และเริ่มปรับลงมาอยู่ที่ กก.ละ 155-160 บาท ราคาไม่แรงเหมือนทุเรียนภาคตะวันออกช่วงเปิดฤดูที่ขึ้นไปสูงถึง กก.ละ 220-230 บาท และล่าสุดช่วงปลายสัปดาห์ ราคาเกรด AB ลงมาเหลือ 120 บาท/กก. สาเหตุที่ทุเรียนราคาลงมาก เนื่องจาก 

1) ปัญหาทุเรียนอ่อน เนื่องจากช่วงต้นฤดูราคาดี ต่างเร่งตัด และถูกส่งไปตลาดจีน เป็นการทำลายตลาด

2) ช่วงนี้อากาศร้อนตลาดจีนไม่นิยมกินทุเรียน และมีผลไม้อื่น ๆ ออกมาแข่งขัน เช่น ลิ้นจี่ องุ่น ราคาถูกกว่า ทำให้ทุเรียนขายยาก ตลาดระบายไม่ออก ล้งจึงต้องปรับราคารับซื้อตามราคาตลาดปลายทางที่ลดลง กระทบบางล้งที่เหมาราคาไว้ล่วงหน้าต้องเจรจาขอชาวสวนลดราคาลง ล้งทำกำไรยาก จึงกดซื้อราคาต่ำ
 
3) เศรษฐกิจจีนกำลังซื้อไม่ดีนัก แม้คนจีนนิยมกินทุเรียนไทยมากกว่าทุเรียนเวียดนาม แต่ราคาทุเรียนเวียดนามถูกกว่าไทยอยู่ที่ 110-115 บาท/กก. ขณะที่ราคาทุเรียนไทยรับซื้อหน้าล้ง 120 บาท/กก. ยังไม่รวมค่าขนส่งไปจีน ล้งจึงกดราคารับซื้อให้ต่ำลงเป็นระยะ ๆ 

4) ล้งมีต้นทุนสูงขึ้น เพราะช่วงต้นฤดูล้งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออก เพิ่งย้ายมารับซื้อทุเรียนที่ภาคใต้และภาคกลาง เช่น จ.กาญจนบุรี อุตรดิตถ์ ศรีสะเกษ ต้องขนทุเรียนกลับไปบรรจุที่ จ.จันทบุรี 

5) ล้งจำนวนมากประสบภาวะขาดทุนจากทุเรียนภาคตะวันออก จึงเสนอรับซื้อราคาต่ำ ทั้งที่ปริมาณทุเรียนน้อยราคาน่าจะสูง
 
และ 6) ปัญหาล้งขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์ยอดนิยมในตลาดจีน หยุดรับซื้อ เนื่องจากถูกสำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 (สวพ.7) ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสุ่มตรวจสอบคุณภาพทุเรียน เปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้ง พบผลผลิตทุเรียนด้อยคุณภาพในบางลอต จึงจัดอยู่ในกลุ่ม “ล้งสีแดง” 27 ล้ง ซึ่งหลายล้งเป็นล้งขนาดใหญ่ และมีวอลุ่มมาก “หยุดรับซื้อทุเรียน” ทำให้ล้งแข่งขันกันน้อยลง และปกติล้งขนาดใหญ่จะซื้อแพง มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หากหยุดรับซื้อแต่ลูกค้ายังมีความต้องการอยู่อาจจะหันไปหาซื้อทุเรียนเวียดนาม มาเลเซียแทน

ส่วนกรณีจีนตรวจพบทุเรียนเวียดนามมีสารแคดเมียม มีการระงับการนำเข้านั้น ไม่ถึงกับเป็นโอกาสของตลาดทุเรียนไทย แต่มีผลกระทบต่อทุเรียนไทยถูกด่านตรวจอย่างเข้มข้น ทำให้การนำเข้าต้องล่าช้าจาก 7-8 วัน เป็น 10 วัน การใช้เวลานานขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น
 
ทุเรียนอยู่เวียดนามสวมไทยได้

แหล่งข่าวจากวงการทุเรียนภาคใต้ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การที่จีนตรวจพบทุเรียนเวียดนามมีสารแคดเมียมเกินมาตรฐาน และถูกระงับการส่งออกนั้น ปัญหาคือ ทุเรียนภาคใต้ของไทยออกตรงกับทุเรียนหมอนทองเวียดนาม ที่ออกมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป สิ่งที่น่ากลัวคือ อาจจะมีการนำเข้าทุเรียนเวียดนามเข้ามาสวมสิทธิทุเรียนไทยส่งออกไปจีน เพื่อแข่งขันกันทำกำไรส่วนต่าง เพราะราคาทุเรียนเวียดนามต่ำกว่าทุเรียนไทย
 
ในอดีตการนำทุเรียนเวียดนามมาสวมสิทธิไทยเกิดขึ้นนานแล้ว เพราะมีช่องทางกฎหมายให้นำเข้าโรงงานแปรรูปได้ จึงต้องระวังทุเรียนแช่แข็งที่ส่งออก โดยขนส่งจากเวียดนามทางเรือเข้ามากัมพูชาแล้วใช้รถยนต์บรรทุกเข้าสู่ชายแดนไทยด้านตะวันออก
 
แหล่งข่าวจากวงการทุเรียนในภาคตะวันออก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การสวมสิทธิทุเรียนเวียดนามเป็นทุเรียนไทย ได้พัฒนาถึงขั้นที่ไม่ต้องนำทุเรียนเข้ามาบรรจุตู้ในโรงคัดบรรจุที่ไทยแล้ว เอกสารทุกอย่างชิปปิ้งดำเนินการให้ เตรียมรอไว้ที่เวียดนามทั้งหมด สติ๊กเกอร์ติดขั้ว กล่องบรรจุ แม้กระทั่งรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ใช้ระยะเวลาเดินทางสั้นไม่เกิน 3 วัน แต่หากตรวจพบแคดเมียมในนามทุเรียนไทย จะถูกระงับการนำเข้าไปด้วย

ทุเรียนใต้ชนฤดูผลไม้จีนราคาดิ่ง
 
นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด ผู้ส่งออกทุเรียนและผลไม้รายใหญ่ของไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรณีจีนตรวจพบสารแคดเมียมในทุเรียนเวียดนาม ทำให้ทุเรียนภาคใต้ที่กำลังออกได้อานิสงส์ด้านราคาขายเฉลี่ยมากขึ้น เฉพาะช่วงเดือนมิถุนายน เพราะช่วงฤดูกาลทุเรียนภาคใต้ออก เป็นช่วงที่ฤดูกาลผลไม้ภายในประเทศจีนออก ซึ่งราคาผลไม้ในประเทศจีนเป็นปัจจัยสำคัญ อาจส่งผลกระทบต่อราคาขายทุเรียนที่จีนอาจจะไม่ได้สูงขึ้นตามปริมาณทุเรียนที่ลดลง เพราะถ้าราคาสูงเกินไป ผู้บริโภคจะหันไปซื้อผลไม้ชนิดอื่นทดแทน
กรณีมีผู้ประกอบการล้งจีนในเวียดนามโดนแบนเรื่องสารตกค้างแคดเมียม เป็นห่วงว่าจะมีทุเรียนจากพื้นที่เพาะปลูกที่มีปัญหาปนเปื้อนแคดเมียมจะมาสวมสิทธิทุเรียนผลสด และทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็งในนามของประเทศไทยส่งออกไปจีน
 
และหากโดนทางการจีนตรวจพบสารแคดเมียม จะนำไปสู่การตรวจเข้มและห้ามนำเข้าทุเรียนไทยในอนาคตได้

เรื่องสวมสิทธิทุเรียนไทยเกิดขึ้นในสมัยก่อน ที่ทางประเทศจีนจะเปิดให้ทุเรียนเวียดนามเข้าอย่างเสรี แต่หลังจากทุเรียนเวียดนามสามารถส่งผลสดเข้าไปประเทศจีนได้ การสวมสิทธิทุเรียนสดก็ได้หมดไป แต่หวั่นพอเกิดการพบสารแคดเมียมครั้งนี้ ปัญหาการสวมสิทธิอาจจะกลับมาอีกครั้ง” นายณธกฤษกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่