พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "เราย่อมกล่าวว่า กรรมย่อมเกิดขึ้นด้วยเจตนาเป็นเหตุ" แต่ท่านก็ไม่ได้บอกว่า "กรรมย่อมไม่เกิดขึ้นด้วยไม่เจตนา" หมายความว่าถ้าไม่เจตนาในกรรมนั้นก็จะไม่เป็นบาปอย่างนั้นหรือ
ตัวอย่าง
ขณะที่เราทำกับข้าวอยู่ เราสาดน้ำร้อนๆในกระทะ หรือในหม้อทิ้งออกไปนอกหน้าตาครัว ปรากฏว่ามี หมู หมา กา ไก่ สัตว์อื่นๆ นอนหรืออยู่บริเวณนั้น ส่งผลให้สัตว์เหล่านั้นถูกน้ำร้อนลวกตัว เป็นแผลผุพอง เปื่อยเน่าตามมา ในเมื่อเราไม่ได้เจตนาเช่นนี้แล้ว
คำถามคือ เราจะยังต้องบาปอยู่มั้ย? และถ้าบาปต้องได้รับผลกรรมอย่างไร?
ส่วนตัวจขกท.
มองว่าแม้ไม่เจตนาก็ย่อมบาปได้ ตรงนี้จขกท.ตัดสินจากอะไร ก็ตัดสินจากการที่พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ให้พวกเราชาวพุทธมีสองสิ่งนี้อยู่กับตัวตลอดเวลานั่นก็คือ สติและการตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เพราะถ้าเรามีสติและตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เราก็จะไม่เผลอทำอกุศลกรรม อันเป็นกรรมให้เกิดบาปได้นั่นเอง
หรือท่านอื่นมองว่าอย่างไรกันเล่า
ไม่เจตนาเบียดเบียนจะเป็นบาปกรรมมั้ย
ตัวอย่าง
ขณะที่เราทำกับข้าวอยู่ เราสาดน้ำร้อนๆในกระทะ หรือในหม้อทิ้งออกไปนอกหน้าตาครัว ปรากฏว่ามี หมู หมา กา ไก่ สัตว์อื่นๆ นอนหรืออยู่บริเวณนั้น ส่งผลให้สัตว์เหล่านั้นถูกน้ำร้อนลวกตัว เป็นแผลผุพอง เปื่อยเน่าตามมา ในเมื่อเราไม่ได้เจตนาเช่นนี้แล้ว
คำถามคือ เราจะยังต้องบาปอยู่มั้ย? และถ้าบาปต้องได้รับผลกรรมอย่างไร?
ส่วนตัวจขกท.
มองว่าแม้ไม่เจตนาก็ย่อมบาปได้ ตรงนี้จขกท.ตัดสินจากอะไร ก็ตัดสินจากการที่พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำอยู่เสมอว่า ให้พวกเราชาวพุทธมีสองสิ่งนี้อยู่กับตัวตลอดเวลานั่นก็คือ สติและการตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เพราะถ้าเรามีสติและตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท เราก็จะไม่เผลอทำอกุศลกรรม อันเป็นกรรมให้เกิดบาปได้นั่นเอง
หรือท่านอื่นมองว่าอย่างไรกันเล่า