เรื่องสั้น ลมใต้ปีก
“ผมจะเป็นลมใต้ปีกของคุณ”
คำพูดนี้ใครคนหนึ่งเคยพูดกับฉัน
ฉันอยากรู้จริงๆ ว่า
เขาจะรู้ความหมายที่แท้จริงของมันไหม
ลมใต้ปีก…..คำพูดลึกซึ้งกินใจ
ที่เขาเสแสร้งปั้นแต่งขึ้นมา
เพื่อหลอกลวงผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งให้หลงเชื่อ
หลงละเมอเพ้อพกไปกับ คำโป้ปด ตลบตะแลง….
………….
รุ่งเช้า ที่แสนสดใส วันหนึ่งในฤดูหนาว
ในวันนี้ ของน้ำฟ้า
เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุด
ในชีวิต
ในวันนี้ เป็นวันแต่งงานของ
เธอกับ อคิณ หนุ่มหล่อ อนาคตไกล
อดีตพนักงานคนหนึ่งในบริษัทของเธอ
น้ำฟ้ามองย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน
รู้สึกเหมือนไม่นานมานี้
ใช่แล้วเวลาคนมีความสุข เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ
น้ำฟ้าเป็นเจ้าของบริษัท เครื่องสำอางค์ แบรนด์ดัง ถ้าเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
มันเป็นบริษัทที่เธอปลุกปั้นขึ้นมาด้วยสองมือของเธอ
ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว
ถือว่าเธอเป็นนักธุรกิจหญิง
ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เธอทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อบริษัทนี้
แต่มันก็คุ้มค่ากับแรงกายแรงใจ
และเวลาที่เสียไปเป็นอย่างมาก
เมื่อออกดอกออกผล มียอดขายมหาศาล
สร้างกำไรให้เธออย่างมากมาย
จนกระทั่งทุกวันนี้ เธอสามารถเนรมิตทุกอย่าง
ที่อยากได้ด้วยเงิน….
แต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอยังขาดอยู่
สิ่งที่เธอคิดว่ามันสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดใด
ในโลก .....ความรัก….
ความรักที่เธอโหยหามาตลอด
ความรักที่เธอไม่เคยได้รับจากครอบครัวของเธอ
ความรักที่เธอคิดว่า
เธอจะเทิดทูนบูชาเอาไว้เหนือสิ่งอื่นใด
ถ้าเธอได้มันมา
แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็พาเธอมาพบกับ...
อคิณ นักบัญชีหนุ่ม ผู้เข้ามาเติมความฝันในชีวิตให้
ตั้งแต่มีเขาคนนั้น เข้ามาในชีวิต
สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่า นี่แหละ
คือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอ
เขาเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย
เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เขา…เป็นทุกอย่างให้เธอ สนับสนุนเธอในทุกเรื่อง
เขา… คนที่บอกว่า “ผมจะเป็นลมใต้ปีกให้คุณเอง”
ทั้งสองคน ช่วยกันดูแลบริษัท
ประคับประคองอุ้มชู ให้มันเติบโตขึ้น
น้ำฟ้าดูแลด้านบริหาร ส่วนอคิณ ดูแลด้านการเงิน
น้ำฟ้ารู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างมาก
ที่ได้คนที่ดีแสนดี มาดูแลด้านการเงินให้
ด้วยความเชื่อใจและมั่นใจ
เธอปล่อยให้เขามีอำนาจในการตัดสินใจ
ได้ทุกอย่างในบริษัท…
หลังจากคบกันมา 5 ปี คนทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
พิธีมงคลสมรส ที่ยิ่งใหญ่
เป็นที่กล่าวขานกันในวงสังคม
ไม่มีงานไหนจะจัดได้ยิ่งใหญ่เท่านี้อีกแล้ว
สองหนุ่มสาวที่ทุกคนอิจฉา
สองหนุ่มสาวที่แสนมีความสุข
“อคิณ คุณว่าเรามีลูกด้วยกันดีไหม เด็กเล็กๆ น่ารัก”
น้ำฟ้าเอ่ยถามในวันหนึ่ง
“อย่าเลยฟ้า ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ดูแลเด็กน่ะเหนื่อยจะตาย เราอยู่กันสองคน มีความสุขดีอยู่แล้ว อีกอย่างผมไม่อยากแบ่งความรักของคุณให้ใคร “
น้ำฟ้ายิ้มกับคำตอบอย่างมีความสุข
“อคิณ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นตอนเช้า น้ำฟ้าว่าจะเข้าประชุมด้วย”
“ไม่ต้องหรอกครับเจ้าหญิงของผม เดี๋ยวผมเข้าประชุมให้ แล้วจะมารายงาน คุณแค่นั่งสวยๆ รอจะได้ไม่เหนื่อย”
น้ำฟ้ายิ้มกับคำตอบอย่างมีความสุข
“น้ำฟ้าครับ สงกรานต์ปีนี้ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ ผมนัดลูกค้าที่ญี่ปุ่น เลื่อนไม่ได้เลย เค้าไม่ได้หยุดสงกรานต์เหมือนเรา ผมคิดถึงคุณตายเลย ห่างกันตั้ง 4 วัน”
น้ำฟ้ายิ้มกับคำพูดนั้นอย่างมีความสุข
"น้ำฟ้า ผมมีอะไรจะให้ หลับตาสิ"
อคิณ ยื่นกล่องใบเล็กวางลงบนมือน้ำฟ้า
ในนั้นคือแหวนเพชรเม็ดโต
น้ำฟ้ายิ้มกับของขวัญอย่างมีความสุข
ชีวิตเราทำไมมีความสุขอย่างนี้
ความสุขมากมายไม่รู้จักหมดสิ้น
มีสามีแสนดีที่คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลา
ดูแลเราทุกอย่าง
เป็นลมใต้ปีกให้กับเราเสมอมา
แต่แล้ววันหนึ่ง
วันที่ทำให้ชีวิตของน้ำฟ้าเปลี่ยนไป
วันที่ คุณหมอวินิจฉัยว่า
น้ำฟ้าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย
อะไรกันนี่ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
มันเกิดขึ้นโดยที่น้ำฟ้าไม่ทันตั้งตัว
ไม่ได้คิด ไม่ได้วางแผน
สำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
แต่ทว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี
เพราะเธอยังมี อคิณ
“ผมจะดูแลคุณเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ ประคับประคองทะนุถนอมคุณให้ถึงที่สุด คุณต้องอยู่กับผมอีกนาน ผมจะเป็นลมใต้ปีกพยุงคุณ"
น้ำฟ้ายิ้มกับคำพูดนั้นอย่างมีความสุข
และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ
เขาดูแลเธอทุกเรื่อง
ทั้งช่วยบริหารบริษัท
ทั้งช่วยดูแลเธอตอนอยู่ที่บ้าน
ทั้งช่วยดูแลเรื่องในบ้านทุกเรื่อง
ทั้งช่วยทำทุกอย่างยามที่เธอหมดแรง
ทั้งช่วยให้กำลังใจยามที่เธอท้อแท้
เมื่อเธออาการเริ่มหนักจนต้องนอนอยู่ที่เตียง
ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามใจปรารถนา
เขาอีกนั่นแหละที่คอยพยุงเธอ
ทำกิจธุระจำเป็นทั้งหลาย
….ลมใต้ปีกของน้ำฟ้า….
แต่แล้ว….วันนั้นย่อมมาถึง
วันสุดท้ายของชีวิต
วันซึ่งจะมาถึงทุกคนไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง
เพียงแต่สำหรับน้ำฟ้ามันมาถึงเร็ว
เร็วมากเท่านั้นเอง
วันนั้นน้ำฟ้ารู้สึกว่าวิญญาณ
ล่องลอยออกจากร่างที่นอนสงบนิ่ง
อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ขณะลอยขึ้นไป
เธอมองลงมา
อคิณนั่งก้มหน้าจับมือของเธอไว้
ไม่ยอมปล่อย
เขาคงเสียใจมากที่เราสองคน
ต้องจากกันไปตลอดกาล
ขอโทษนะคะ อคิณ
ที่น้ำฟ้าจำเป็นต้องจากมา
น้ำฟ้ามองอย่างเศร้าๆ
ในขณะวิญญาณของเธอลอยสูงขึ้น…
สูงขึ้นไปบนหมู่เมฆ
เธอรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเธอมีการเปลี่ยนแปลง
มันค่อยๆ หดเล็กลงๆๆ จนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือ
ส่วนด้านหลังของเธอมีปีกบางใส งอกออกมา
นี่ฉันกลายเป็นนางฟ้าหรือนี่
ฉันมีปีกบินได้
ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถบินกลับไปอยู่ใกล้ๆ อคิณ
สุดที่รักของฉันได้สินะ
ดีเลย
ฉันจะลงไปปลอบใจเขา
อยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เขา
ว่าแล้วเธอก็รีบบินกลับลงมาที่เดิม
ที่ที่เธอยังเห็น อคิณนั่งอยู่
เธอตั้งใจจะบินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อปลอบใจเขา
แต่ดูเหมือนว่า
เขาจะไม่ได้รับรู้
ต่อการมีอยู่ของนางฟ้าน้ำฟ้าเลยจนนิดเดียว
อคิณ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
โทรไปที่ไหนสักแห่ง
"ฟ้าตายแล้ว ผมเป็นอิสระแล้ว เดี๋ยวเสร็จธุระแล้ว ผมไปหาที่บ้าน คุณกับลูกรออยู่ที่บ้านนะ"
นางฟ้าน้ำฟ้าไม่ได้ยินเสียงตอบจากปลายสาย
แต่ก็พอจะเดาออก
อะไรกันน่ะ
นางฟ้าน้ำฟ้าหยุดชะงักอย่าประหลาดใจ
นางฟ้าตัวน้อย ตามอคิณ
ไปที่บ้านใหญ่โตหลังหนึ่ง
ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้าไป
เขาตรงเข้าสวมกอดหญิงสาวคนหนึ่งด้วยความยินดี
และที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
เป็นเด็กชายอายุราวๆ 10ปีเห็นจะได้
"ต่อไปนี้พ่อมาอยู่ที่นี่ได้ทุกวันแล้ว ดีใจไหมลูก”
เขาพูดกับเด็กชาย
“ครับพ่อ”
เด็กชายตอบกลับอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
อะไรกันนี่ลูกของอคิณ โตขนาดนี้แล้ว
แสดงว่า….เขามีลูกตั้งแต่ก่อนมาทำงานที่บริษัท
ก่อนที่จะมาเจอกับเรา
นางฟ้าน้ำฟ้าคิด
“น้ำฟ้าตายแล้วผมเป็นอิสระแล้ว ที่รัก ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และเราก็รวยแล้วด้วย ผมแอบโอนทุกอย่างเป็นชื่อผมทั่งหมด ตั้งแต่น้ำฟ้าเริ่มป่วย ไม่ต้องห่วง สมบัติทุกอย่างเป็นของผมทั้งหมด”
อคิณพูดกับหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงลิงโลด
ในขณะที่เด็กชายไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วย
“ดีใจไหม ที่รัก ผมนึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้เสียอีก กำลังนึกหาวิธีวางยาอยู่เลย ว่าจะทำยังไงให้ไม่มีใครจับได้ แต่โชคดีเหลือเกิน ดันมาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โชคเข้าข้างเราจริงๆ”
“ตอนที่หมอบอกน่ะ ผมดีใจแทบเก็บอาการไม่อยู่เลย แต่ก็ต้องตีหน้าเศร้าเล่นละครไป”
“แต่จะว่าไปเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะเนี่ย อดทนหลอกยัยนั่นให้หลงรัก 10 ปี ได้สมบัติมาขนาดนี้ คุ้มจริงๆ”
อคิณยังพูดอะไรต่อมิอะไรต่อไปไม่หยุด
แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เพียงพอให้นางฟ้าน้ำฟ้า
รู้ว่าเธอถูกหลอกตั้งแต่แรก
เขาไม่ได้รักเธอ
เขารักเงินของเธอต่างหาก
เขาตั้งใจจะหลอกเธอตั้งแต่แรก
เธอนี่โง่จริงๆ
ทำไมเชื่อเขามาตั้งนาน
ไม่ระแคะระคายอะไรเลย
ไม่เคยคิด ไม่เคยสงสัย
เธอหลงเขาจนไม่สนใจอะไรเลย
ความรักทำให้ตาบอดและยังหูหนวกอีกด้วย
ในตอนนั้น นางฟ้าน้ำฟ้า ไม่ได้ยิน
ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
ร่างเล็กๆ ของเธอ แตกสลาย
หายไปกับสายลมที่พัดผ่านมา
…. ไม่มีอีกแล้ว…. คำว่า…..
ลมใต้ปีกของนางฟ้า
“ลมใต้ปีก… Wind beneath my wings …
ลูกนกที่หัดบิน
แม้อาศัยแรงกระพือปีกของตัวเอง
ก็ไม่เพียงพอ
จึงต้องอาศัยแรงลมช่วย…
…ลม ที่เคลื่อนที่ ดันใต้ปีกลูกนกน้อย
เป็นแรงส่งให้อีกทาง
เรื่องสั้น ลมใต้ปีก
“ผมจะเป็นลมใต้ปีกของคุณ”
คำพูดนี้ใครคนหนึ่งเคยพูดกับฉัน
ฉันอยากรู้จริงๆ ว่า
เขาจะรู้ความหมายที่แท้จริงของมันไหม
ลมใต้ปีก…..คำพูดลึกซึ้งกินใจ
ที่เขาเสแสร้งปั้นแต่งขึ้นมา
เพื่อหลอกลวงผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งให้หลงเชื่อ
หลงละเมอเพ้อพกไปกับ คำโป้ปด ตลบตะแลง….
………….
รุ่งเช้า ที่แสนสดใส วันหนึ่งในฤดูหนาว
ในวันนี้ ของน้ำฟ้า
เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุด
ในชีวิต
ในวันนี้ เป็นวันแต่งงานของ
เธอกับ อคิณ หนุ่มหล่อ อนาคตไกล
อดีตพนักงานคนหนึ่งในบริษัทของเธอ
น้ำฟ้ามองย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน
รู้สึกเหมือนไม่นานมานี้
ใช่แล้วเวลาคนมีความสุข เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ
น้ำฟ้าเป็นเจ้าของบริษัท เครื่องสำอางค์ แบรนด์ดัง ถ้าเอ่ยชื่อผลิตภัณฑ์ขึ้นมา ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
มันเป็นบริษัทที่เธอปลุกปั้นขึ้นมาด้วยสองมือของเธอ
ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว
ถือว่าเธอเป็นนักธุรกิจหญิง
ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เธอทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อบริษัทนี้
แต่มันก็คุ้มค่ากับแรงกายแรงใจ
และเวลาที่เสียไปเป็นอย่างมาก
เมื่อออกดอกออกผล มียอดขายมหาศาล
สร้างกำไรให้เธออย่างมากมาย
จนกระทั่งทุกวันนี้ เธอสามารถเนรมิตทุกอย่าง
ที่อยากได้ด้วยเงิน….
แต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอยังขาดอยู่
สิ่งที่เธอคิดว่ามันสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดใด
ในโลก .....ความรัก….
ความรักที่เธอโหยหามาตลอด
ความรักที่เธอไม่เคยได้รับจากครอบครัวของเธอ
ความรักที่เธอคิดว่า
เธอจะเทิดทูนบูชาเอาไว้เหนือสิ่งอื่นใด
ถ้าเธอได้มันมา
แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็พาเธอมาพบกับ...
อคิณ นักบัญชีหนุ่ม ผู้เข้ามาเติมความฝันในชีวิตให้
ตั้งแต่มีเขาคนนั้น เข้ามาในชีวิต
สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่า นี่แหละ
คือเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอ
เขาเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย
เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เขา…เป็นทุกอย่างให้เธอ สนับสนุนเธอในทุกเรื่อง
เขา… คนที่บอกว่า “ผมจะเป็นลมใต้ปีกให้คุณเอง”
ทั้งสองคน ช่วยกันดูแลบริษัท
ประคับประคองอุ้มชู ให้มันเติบโตขึ้น
น้ำฟ้าดูแลด้านบริหาร ส่วนอคิณ ดูแลด้านการเงิน
น้ำฟ้ารู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างมาก
ที่ได้คนที่ดีแสนดี มาดูแลด้านการเงินให้
ด้วยความเชื่อใจและมั่นใจ
เธอปล่อยให้เขามีอำนาจในการตัดสินใจ
ได้ทุกอย่างในบริษัท…
หลังจากคบกันมา 5 ปี คนทั้งคู่ก็แต่งงานกัน
พิธีมงคลสมรส ที่ยิ่งใหญ่
เป็นที่กล่าวขานกันในวงสังคม
ไม่มีงานไหนจะจัดได้ยิ่งใหญ่เท่านี้อีกแล้ว
สองหนุ่มสาวที่ทุกคนอิจฉา
สองหนุ่มสาวที่แสนมีความสุข
“อคิณ คุณว่าเรามีลูกด้วยกันดีไหม เด็กเล็กๆ น่ารัก”
น้ำฟ้าเอ่ยถามในวันหนึ่ง
“อย่าเลยฟ้า ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อย ดูแลเด็กน่ะเหนื่อยจะตาย เราอยู่กันสองคน มีความสุขดีอยู่แล้ว อีกอย่างผมไม่อยากแบ่งความรักของคุณให้ใคร “
น้ำฟ้ายิ้มกับคำตอบอย่างมีความสุข
“อคิณ วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นตอนเช้า น้ำฟ้าว่าจะเข้าประชุมด้วย”
“ไม่ต้องหรอกครับเจ้าหญิงของผม เดี๋ยวผมเข้าประชุมให้ แล้วจะมารายงาน คุณแค่นั่งสวยๆ รอจะได้ไม่เหนื่อย”
น้ำฟ้ายิ้มกับคำตอบอย่างมีความสุข
“น้ำฟ้าครับ สงกรานต์ปีนี้ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ ผมนัดลูกค้าที่ญี่ปุ่น เลื่อนไม่ได้เลย เค้าไม่ได้หยุดสงกรานต์เหมือนเรา ผมคิดถึงคุณตายเลย ห่างกันตั้ง 4 วัน”
น้ำฟ้ายิ้มกับคำพูดนั้นอย่างมีความสุข
"น้ำฟ้า ผมมีอะไรจะให้ หลับตาสิ"
อคิณ ยื่นกล่องใบเล็กวางลงบนมือน้ำฟ้า
ในนั้นคือแหวนเพชรเม็ดโต
น้ำฟ้ายิ้มกับของขวัญอย่างมีความสุข
ชีวิตเราทำไมมีความสุขอย่างนี้
ความสุขมากมายไม่รู้จักหมดสิ้น
มีสามีแสนดีที่คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลา
ดูแลเราทุกอย่าง
เป็นลมใต้ปีกให้กับเราเสมอมา
แต่แล้ววันหนึ่ง
วันที่ทำให้ชีวิตของน้ำฟ้าเปลี่ยนไป
วันที่ คุณหมอวินิจฉัยว่า
น้ำฟ้าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะสุดท้าย
อะไรกันนี่ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
มันเกิดขึ้นโดยที่น้ำฟ้าไม่ทันตั้งตัว
ไม่ได้คิด ไม่ได้วางแผน
สำหรับสิ่งที่กำลังจะมาถึง
แต่ทว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี
เพราะเธอยังมี อคิณ
“ผมจะดูแลคุณเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ ประคับประคองทะนุถนอมคุณให้ถึงที่สุด คุณต้องอยู่กับผมอีกนาน ผมจะเป็นลมใต้ปีกพยุงคุณ"
น้ำฟ้ายิ้มกับคำพูดนั้นอย่างมีความสุข
และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ
เขาดูแลเธอทุกเรื่อง
ทั้งช่วยบริหารบริษัท
ทั้งช่วยดูแลเธอตอนอยู่ที่บ้าน
ทั้งช่วยดูแลเรื่องในบ้านทุกเรื่อง
ทั้งช่วยทำทุกอย่างยามที่เธอหมดแรง
ทั้งช่วยให้กำลังใจยามที่เธอท้อแท้
เมื่อเธออาการเริ่มหนักจนต้องนอนอยู่ที่เตียง
ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ตามใจปรารถนา
เขาอีกนั่นแหละที่คอยพยุงเธอ
ทำกิจธุระจำเป็นทั้งหลาย
….ลมใต้ปีกของน้ำฟ้า….
แต่แล้ว….วันนั้นย่อมมาถึง
วันสุดท้ายของชีวิต
วันซึ่งจะมาถึงทุกคนไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง
เพียงแต่สำหรับน้ำฟ้ามันมาถึงเร็ว
เร็วมากเท่านั้นเอง
วันนั้นน้ำฟ้ารู้สึกว่าวิญญาณ
ล่องลอยออกจากร่างที่นอนสงบนิ่ง
อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
ขณะลอยขึ้นไป
เธอมองลงมา
อคิณนั่งก้มหน้าจับมือของเธอไว้
ไม่ยอมปล่อย
เขาคงเสียใจมากที่เราสองคน
ต้องจากกันไปตลอดกาล
ขอโทษนะคะ อคิณ
ที่น้ำฟ้าจำเป็นต้องจากมา
น้ำฟ้ามองอย่างเศร้าๆ
ในขณะวิญญาณของเธอลอยสูงขึ้น…
สูงขึ้นไปบนหมู่เมฆ
เธอรู้สึกว่าร่างวิญญาณของเธอมีการเปลี่ยนแปลง
มันค่อยๆ หดเล็กลงๆๆ จนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือ
ส่วนด้านหลังของเธอมีปีกบางใส งอกออกมา
นี่ฉันกลายเป็นนางฟ้าหรือนี่
ฉันมีปีกบินได้
ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถบินกลับไปอยู่ใกล้ๆ อคิณ
สุดที่รักของฉันได้สินะ
ดีเลย
ฉันจะลงไปปลอบใจเขา
อยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้เขา
ว่าแล้วเธอก็รีบบินกลับลงมาที่เดิม
ที่ที่เธอยังเห็น อคิณนั่งอยู่
เธอตั้งใจจะบินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อปลอบใจเขา
แต่ดูเหมือนว่า
เขาจะไม่ได้รับรู้
ต่อการมีอยู่ของนางฟ้าน้ำฟ้าเลยจนนิดเดียว
อคิณ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
โทรไปที่ไหนสักแห่ง
"ฟ้าตายแล้ว ผมเป็นอิสระแล้ว เดี๋ยวเสร็จธุระแล้ว ผมไปหาที่บ้าน คุณกับลูกรออยู่ที่บ้านนะ"
นางฟ้าน้ำฟ้าไม่ได้ยินเสียงตอบจากปลายสาย
แต่ก็พอจะเดาออก
อะไรกันน่ะ
นางฟ้าน้ำฟ้าหยุดชะงักอย่าประหลาดใจ
นางฟ้าตัวน้อย ตามอคิณ
ไปที่บ้านใหญ่โตหลังหนึ่ง
ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้าไป
เขาตรงเข้าสวมกอดหญิงสาวคนหนึ่งด้วยความยินดี
และที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน
เป็นเด็กชายอายุราวๆ 10ปีเห็นจะได้
"ต่อไปนี้พ่อมาอยู่ที่นี่ได้ทุกวันแล้ว ดีใจไหมลูก”
เขาพูดกับเด็กชาย
“ครับพ่อ”
เด็กชายตอบกลับอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
อะไรกันนี่ลูกของอคิณ โตขนาดนี้แล้ว
แสดงว่า….เขามีลูกตั้งแต่ก่อนมาทำงานที่บริษัท
ก่อนที่จะมาเจอกับเรา
นางฟ้าน้ำฟ้าคิด
“น้ำฟ้าตายแล้วผมเป็นอิสระแล้ว ที่รัก ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และเราก็รวยแล้วด้วย ผมแอบโอนทุกอย่างเป็นชื่อผมทั่งหมด ตั้งแต่น้ำฟ้าเริ่มป่วย ไม่ต้องห่วง สมบัติทุกอย่างเป็นของผมทั้งหมด”
อคิณพูดกับหญิงสาวคนนั้นด้วยน้ำเสียงลิงโลด
ในขณะที่เด็กชายไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วย
“ดีใจไหม ที่รัก ผมนึกว่าจะต้องรอนานกว่านี้เสียอีก กำลังนึกหาวิธีวางยาอยู่เลย ว่าจะทำยังไงให้ไม่มีใครจับได้ แต่โชคดีเหลือเกิน ดันมาเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โชคเข้าข้างเราจริงๆ”
“ตอนที่หมอบอกน่ะ ผมดีใจแทบเก็บอาการไม่อยู่เลย แต่ก็ต้องตีหน้าเศร้าเล่นละครไป”
“แต่จะว่าไปเป็นการลงทุนที่คุ้มค่านะเนี่ย อดทนหลอกยัยนั่นให้หลงรัก 10 ปี ได้สมบัติมาขนาดนี้ คุ้มจริงๆ”
อคิณยังพูดอะไรต่อมิอะไรต่อไปไม่หยุด
แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เพียงพอให้นางฟ้าน้ำฟ้า
รู้ว่าเธอถูกหลอกตั้งแต่แรก
เขาไม่ได้รักเธอ
เขารักเงินของเธอต่างหาก
เขาตั้งใจจะหลอกเธอตั้งแต่แรก
เธอนี่โง่จริงๆ
ทำไมเชื่อเขามาตั้งนาน
ไม่ระแคะระคายอะไรเลย
ไม่เคยคิด ไม่เคยสงสัย
เธอหลงเขาจนไม่สนใจอะไรเลย
ความรักทำให้ตาบอดและยังหูหนวกอีกด้วย
ในตอนนั้น นางฟ้าน้ำฟ้า ไม่ได้ยิน
ไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
ร่างเล็กๆ ของเธอ แตกสลาย
หายไปกับสายลมที่พัดผ่านมา
…. ไม่มีอีกแล้ว…. คำว่า…..
ลมใต้ปีกของนางฟ้า
“ลมใต้ปีก… Wind beneath my wings …
ลูกนกที่หัดบิน
แม้อาศัยแรงกระพือปีกของตัวเอง
ก็ไม่เพียงพอ
จึงต้องอาศัยแรงลมช่วย…
…ลม ที่เคลื่อนที่ ดันใต้ปีกลูกนกน้อย
เป็นแรงส่งให้อีกทาง