วิโรจน์ ไม่หวั่น ‘ทักษิณ’ ทวงคืนสส.นนทบุรี บอกอย่าไปใส่ใจ คนเลือกคือประชาชน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10000001185
วิโรจน์ ไม่หวั่น ‘ทักษิณ’ ขอทวงคืนสส.เมืองนนท์ บอกอย่าไปใส่ใจเพราะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง-ประชาชนเลือกมาเอง ระบุการตอบโต้กลับที่ดีที่สุดคือมุ่งทำงานต่อ
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2567 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานวันเกิดนายกเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมประกาศเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะขอกวาดสส.นนทบุรี คืนทั้งจังหวัดว่า คนเลือกสส.นนทบุรี ไม่ใช่นาย
ทักษิณ แต่เป็นคนนนทบุรีที่เลือกมา
ดังนั้น จะไปหวั่นไหวกับเรื่องนี้ทำไม เพราะสส.ของเราก็ตั้งใจทำงาน เราโฟกัสกับการทำงานต่อไป นาย
ทักษิณ ไม่มีหน้าที่เลือกสส.นนทบุรี และไม่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่นี้ ตนคิดว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย
“
ตกลงที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน ตอนนี้จะไม่เลี้ยงแล้วหรือ ทุกคนบอกว่า นายทักษิณกลับประเทศไทยเพราะวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่อย่าไปใส่ใจเลย เป็นนายกฯก็ไม่ใช่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ ถือว่าเป็นแค่หนึ่งเสียงจากคนหนึ่ง ที่รักษาอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง” นายวิโรจน์ กล่าว
นาย
วิโรจน์ กล่าวต่อว่า ประชาชนไม่ได้เลือกเพราะนาย
ทักษิณชี้แล้วเลือกตาม ซึ่งนาย
ทักษิณก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพรรค พท. หรือในรัฐบาล อย่าไปใส่ใจเลย เพราะนาย
ทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้ แต่ถ้าเราไปเฝ้าติดตามทุกเมื่อเชื่อวัน งานการก็ไม่ต้องทำกันพอดี
ส่วนที่นาย
ทักษิณ เดินสายลงพื้นที่ โดยเฉพาะจ.ปทุมธานีและนนทุบรี ที่มีสส.ก้าวไกลชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ถือเป็นการส่งสัญญาณ เดินหน้าทวงคืนสส. ให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า กว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังอีกนาน นาย
ทักษิณ อาจลงพื้นที่เพื่อพบเพื่อนเก่า แล้วแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็แค่นั้น หากเรามองว่านาย
ทักษิณ เป็นประชาชนคนหนึ่ง เราก็น้อมรับความคิดเห็น ซึ่งการตอบโต้ที่ดีที่สุด คือการตั้งใจทำงานของเราต่อไป
‘วิโรจน์’ ชี้ ‘ภูมิธรรม’ อย่ากลัวฝ่ายค้านซักฟอกงบ ไม่ต้องจัดองครักษ์ช่วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4627548
‘วิโรจน์’ ชี้ ‘ภูมิธรรม’ อย่ากลัวฝ่ายค้านซักฟอกงบ ไม่ต้องจัดองครักษ์ช่วย
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณฯ ปี 2568 ที่นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าไม่หวั่นไหว ไม่ต้องจัดองครักษ์คอยช่วยรัฐมนตรี พร้อมกับเตือนฝ่ายค้านว่า อย่าใช้เวทีอภิปรายงบ มาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การอภิปรายงบประมาณของ ก.ก. จะโฟกัสที่เนื้อหาสาระ และตัวเลขงบประมาณการเชื่อมโยงข้อมูลอยู่แล้ว แต่จุดที่เราจะเพิ่มในการอภิปรายในครั้งนี้คือการพยายามอภิปรายเพื่อชี้ทิศทางที่จะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ เศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ในการจัดงบประมาณก้อนเดียวกันกับรัฐบาล คือ 3.75 ล้านล้านบาท เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าหาก ก.ก. เป็นรัฐบาลจะจัดสรรงบก้อนนี้แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างไร งบแบบ ก.ก.ดีกว่าหรือไม่ในการแก้ปัญหาโครงสร้างค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะด้านพลังงาน หรือการมาเสริมสวัสดิการก็ดี ตนคิดว่ามันไม่ใช่การติติง แต่คงเป็นไปในลักษณะจะดีกว่าหรือไม่ถ้าให้ ก.ก.เป็นรัฐบาล และจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนครบทุกกลุ่ม ในระยะสั้น กลาง และยาว
นาย
วิโรจน์กล่าวอีกว่า เราอย่ามาติดกับประเด็นที่ว่า ฝ่ายค้านจะใช้การอภิปรายงบ เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมมุติว่าหากการจัดงบไม่น่าไว้วางใจ จะให้พูดว่าไว้วางใจหรือ ต้องถามกับนายภูมิธรรม ว่าหากพบการจัดงบประมาณไม่น่าไว้วางใจ นายภูมิธรรมจะไม่ให้ ส.ส.ตั้งข้อสังเกตให้กับประชาชน เข้ามาร่วมตรวจสอบกับงบประมาณเลยหรือ งบประมาณนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ งบประมาณนี้มาจากภาษีและภาระที่ประชาชนต้องแบกรับจากการกู้หนี้ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ดังนั้น หากเราพบการจัดงบประมาณที่น่าสงสัยในความโปร่งใส ทำไมเราจะพูดในลักษณะไม่ไว้วางใจไม่ได้
“
ใจเขาใจเรา คุณภูมิธรรมกลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ้าง นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ซูเอี๋ยกันหรือ นั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีแล้ว” นาย
วิโรจน์กล่าว
แบงก์ชาติเรียกถกด่วน ค่ายรถ-เช่าซื้อ กำลังซื้อทรุด หนี้พุ่ง หวั่นฉุดศก.
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/404177
แบงก์ชาติ เรียก ค่ายรถและไฟแนนซ์ หารือด่วน 17 มิถุนายนนี้ หลังตลาดรถยนต์ทรุดหนัก กำลังซื้อที่อ่อนแอ หนี้เสียพุ่ง ยอดปฏิเสธสินเชื่อรถใหม่แตะ 20% หวั่นฉุดเศรษฐกิจทรุดทั้งระบบ
โดยนาย
พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส หรือ K-CAR เปิดเผยว่า ได้รับเชิญจากแบงก์ชาติ ให้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายนนี้
ซึ่งคาดว่าจะเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ภาพรวมของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยที่ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งกำลังซื้อและโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เปลี่ยนไป จากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งกำลังส่งผลต่อภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ
โดยปัจจุบันเห็นได้ชัดว่า กำลังซื้อผู้บริโภคหายไป ขณะที่เกณฑ์ติดตามลูกหนี้ก็เข้มงวดเกินไป เช่น กำหนดให้ไฟแนนซ์ติดตามได้วันละครั้ง เสาร์-อาทิตย์ ติดตามไม่ได้ ข้อกำหนดที่ให้ลูกค้าคืนรถได้โดยไม่มีค่าปรับ แถมฟ้องไม่ได้ ทำให้ไฟแนนซ์ตั้งการ์ดสูง จนไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ เพราะกังวลหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถใหม่ ที่พุ่งไปที่ 20% แล้ว ส่วนรถยนต์ใช้แล้วสูงถึง 40% ส่งผลยอดขายรถ 4 เดือนแรก ทำได้แค่ 210,494 คัน ลดลงถึง 23.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
และ ณ วันนี้ ยอดขายรถใหม่ลดลงถึง 40% โดยเฉพาะรถกระบะที่เดือนเมษายน หดตัวถึง 45.94% หนักสุดในรอบ 32 เดือนทำให้ทั้งปีคาดว่าจะทำได้แค่ 6-7 แสนคัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว แถมวันนี้ ซูบารุ-ซูซูกิ ถอนการลงทุนในไทย ประกาศปิดโรงงานเลิกผลิต หวั่นมีตามมาอีกเป็นระลอก หากรัฐบาลไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
ร้อนแล้งจัด! ทุเรียนไทย 2567 ผลผลิตลดลงมากสุดในรอบ 15 ปี
https://www.dailynews.co.th/news/3536249/
วิเคราะห์สถานการณ์ทุเรียนไทย 2567 ผลผลิตลดลง 18% มากที่สุดในรอบ 15 ปี จากความร้อน ภัยแล้ง สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้วิเคราะห์สถานการณ์ทุเรียนไทย 2567 โดยทุเรียนอยู่ในช่วง เม.ย.-ส.ค. ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากราว 86% ของผลผลิตทุเรียนทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้รวมกว่า 95% ของผลผลิตทุเรียนทั้งประเทศ
วิเคราะห์ทุเรียนภาคตะวันออก อาจมีผลผลิตทุเรียนในฤดูลดลง 14%
เริ่มจากทุเรียนในฤดูภาคตะวันออกที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่ เม.ย. ได้เผชิญความร้อนแล้งจากเอลนีโญรุนแรงในช่วงราว 4 เดือนแรกของปี ทำให้ต้นทุเรียนได้รับน้ำฝนในปริมาณที่น้อยลงกว่าปีก่อนโดยเฉพาะใน เม.ย. ที่น้ำฝนน้อยลงอย่างมาก ส่งผลต่อการติดดอกออกผลที่ลดลง/ผลมีน้ำหนักเบา
อย่างไรก็ดี แม้จะมีปริมาณฝนมากขึ้นตั้งแต่ พ.ค. ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่อาจช่วยบรรเทาความเสียหายในระยะเก็บเกี่ยวได้ แต่โดยรวมแล้วทั้งฤดูทุเรียนภาคตะวันออกปี 2567 คาดผลผลิตจะลดลง 14% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 0.65 ล้านตัน
วิเคราะห์ทุเรียนภาคใต้ อาจมีผลผลิตทุเรียนในฤดูลดลง 25%
มองต่อไปในทุเรียนภาคใต้ที่จะออกสู่ตลาดตามมาตั้งแต่ มิ.ย. ก็มีแนวโน้มว่าผลผลิตจะเสียหายมากขึ้นอีกจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากต้องเผชิญปริมาณฝนที่ลดลงจากปีก่อนตลอดช่วงการเจริญเติบโตของทุเรียนตั้งแต่ระยะติดดอกออกผล และยังถูกซ้ำเติมด้วยฝนทิ้งช่วงใน ก.ค. ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นระยะเก็บเกี่ยวอีกด้วย
ทำให้โดยรวมแล้วทั้งฤดูทุเรียนภาคใต้ปี 2567 อาจมีผลผลิตลดลงแรงถึง 25% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 0.31 ล้านตัน
ผลผลิตทุเรียนรวมในฤดูปี 2567 (2 ภาค คือ ภาคตะวันออก และภาคใต้) อาจลดลง 18% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดรวมราว 0.96 ล้านตัน นับเป็นผลผลิตทุเรียนที่ลดลงมากที่สุดในรอบ 15 ปี
ภาพรวมรายได้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในฤดูปี 2567 อาจเพิ่มขึ้นได้เพียง 0.3% จากผลผลิตรวมที่ลดลง 18% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ราคาเฉลี่ยปรับสูงขึ้น 22% แบ่งเป็นรายได้เกษตรกรภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น 4% และรายได้เกษตรกรภาคใต้ลดลง 8%
ทั้งนี้ เป็นรายได้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนที่ยังไม่หักต้นทุนการผลิต โดยมีต้นทุนการผลิตที่สำคัญในการจัดหาน้ำช่วงเอลนีโญ เช่น ต้นทุนการซื้อน้ำมารดต้นทุเรียน เครื่องปั๊มน้ำ/เครื่องสูบน้ำ/สปริงเกลอร์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ซึ่งหากนับรวมต้นทุนการผลิตด้วย ก็จะทำให้รายได้เกษตรกรสุทธิของผู้ปลูกทุเรียนเผชิญแรงกดดันมากยิ่งขึ้น
JJNY : 5in1 วิโรจน์ไม่หวั่น‘ทักษิณ’ │‘วิโรจน์’ชี้อย่ากลัวซักฟอก│แบงก์ชาติเรียกถก│ทุเรียน67 ผลผลิตลดลงมากสุด│ยะไข่เครียด!
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10000001185
วิโรจน์ ไม่หวั่น ‘ทักษิณ’ ขอทวงคืนสส.เมืองนนท์ บอกอย่าไปใส่ใจเพราะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง-ประชาชนเลือกมาเอง ระบุการตอบโต้กลับที่ดีที่สุดคือมุ่งทำงานต่อ
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงานวันเกิดนายกเทศบาลนครนนทบุรี พร้อมประกาศเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทย (พท.) จะขอกวาดสส.นนทบุรี คืนทั้งจังหวัดว่า คนเลือกสส.นนทบุรี ไม่ใช่นายทักษิณ แต่เป็นคนนนทบุรีที่เลือกมา
ดังนั้น จะไปหวั่นไหวกับเรื่องนี้ทำไม เพราะสส.ของเราก็ตั้งใจทำงาน เราโฟกัสกับการทำงานต่อไป นายทักษิณ ไม่มีหน้าที่เลือกสส.นนทบุรี และไม่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่นี้ ตนคิดว่าอย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย
“ตกลงที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยเพื่อเลี้ยงหลาน ตอนนี้จะไม่เลี้ยงแล้วหรือ ทุกคนบอกว่า นายทักษิณกลับประเทศไทยเพราะวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน แต่อย่าไปใส่ใจเลย เป็นนายกฯก็ไม่ใช่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ไม่ใช่ ถือว่าเป็นแค่หนึ่งเสียงจากคนหนึ่ง ที่รักษาอาการเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ยได้อย่างรวดเร็วเท่านั้นเอง” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ประชาชนไม่ได้เลือกเพราะนายทักษิณชี้แล้วเลือกตาม ซึ่งนายทักษิณก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพรรค พท. หรือในรัฐบาล อย่าไปใส่ใจเลย เพราะนายทักษิณก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ก็มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้ แต่ถ้าเราไปเฝ้าติดตามทุกเมื่อเชื่อวัน งานการก็ไม่ต้องทำกันพอดี
ส่วนที่นายทักษิณ เดินสายลงพื้นที่ โดยเฉพาะจ.ปทุมธานีและนนทุบรี ที่มีสส.ก้าวไกลชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ถือเป็นการส่งสัญญาณ เดินหน้าทวงคืนสส. ให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า กว่าจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ยังอีกนาน นายทักษิณ อาจลงพื้นที่เพื่อพบเพื่อนเก่า แล้วแสดงความคิดเห็นทางการเมืองก็แค่นั้น หากเรามองว่านายทักษิณ เป็นประชาชนคนหนึ่ง เราก็น้อมรับความคิดเห็น ซึ่งการตอบโต้ที่ดีที่สุด คือการตั้งใจทำงานของเราต่อไป
‘วิโรจน์’ ชี้ ‘ภูมิธรรม’ อย่ากลัวฝ่ายค้านซักฟอกงบ ไม่ต้องจัดองครักษ์ช่วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4627548
‘วิโรจน์’ ชี้ ‘ภูมิธรรม’ อย่ากลัวฝ่ายค้านซักฟอกงบ ไม่ต้องจัดองครักษ์ช่วย
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณฯ ปี 2568 ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าไม่หวั่นไหว ไม่ต้องจัดองครักษ์คอยช่วยรัฐมนตรี พร้อมกับเตือนฝ่ายค้านว่า อย่าใช้เวทีอภิปรายงบ มาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า การอภิปรายงบประมาณของ ก.ก. จะโฟกัสที่เนื้อหาสาระ และตัวเลขงบประมาณการเชื่อมโยงข้อมูลอยู่แล้ว แต่จุดที่เราจะเพิ่มในการอภิปรายในครั้งนี้คือการพยายามอภิปรายเพื่อชี้ทิศทางที่จะเป็นคุณูปการต่อประเทศชาติ เศรษฐกิจ และปากท้องของประชาชน ในการจัดงบประมาณก้อนเดียวกันกับรัฐบาล คือ 3.75 ล้านล้านบาท เราจะเห็นได้ชัดเจนว่าหาก ก.ก. เป็นรัฐบาลจะจัดสรรงบก้อนนี้แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างไร งบแบบ ก.ก.ดีกว่าหรือไม่ในการแก้ปัญหาโครงสร้างค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะด้านพลังงาน หรือการมาเสริมสวัสดิการก็ดี ตนคิดว่ามันไม่ใช่การติติง แต่คงเป็นไปในลักษณะจะดีกว่าหรือไม่ถ้าให้ ก.ก.เป็นรัฐบาล และจัดสรรงบประมาณที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนครบทุกกลุ่ม ในระยะสั้น กลาง และยาว
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า เราอย่ามาติดกับประเด็นที่ว่า ฝ่ายค้านจะใช้การอภิปรายงบ เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมมุติว่าหากการจัดงบไม่น่าไว้วางใจ จะให้พูดว่าไว้วางใจหรือ ต้องถามกับนายภูมิธรรม ว่าหากพบการจัดงบประมาณไม่น่าไว้วางใจ นายภูมิธรรมจะไม่ให้ ส.ส.ตั้งข้อสังเกตให้กับประชาชน เข้ามาร่วมตรวจสอบกับงบประมาณเลยหรือ งบประมาณนี้เป็นของพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือ งบประมาณนี้มาจากภาษีและภาระที่ประชาชนต้องแบกรับจากการกู้หนี้ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ดังนั้น หากเราพบการจัดงบประมาณที่น่าสงสัยในความโปร่งใส ทำไมเราจะพูดในลักษณะไม่ไว้วางใจไม่ได้
“ใจเขาใจเรา คุณภูมิธรรมกลับมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบ้าง นอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ซูเอี๋ยกันหรือ นั่นคงไม่ใช่หน้าที่ของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีแล้ว” นายวิโรจน์กล่าว
แบงก์ชาติเรียกถกด่วน ค่ายรถ-เช่าซื้อ กำลังซื้อทรุด หนี้พุ่ง หวั่นฉุดศก.
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/404177
แบงก์ชาติ เรียก ค่ายรถและไฟแนนซ์ หารือด่วน 17 มิถุนายนนี้ หลังตลาดรถยนต์ทรุดหนัก กำลังซื้อที่อ่อนแอ หนี้เสียพุ่ง ยอดปฏิเสธสินเชื่อรถใหม่แตะ 20% หวั่นฉุดเศรษฐกิจทรุดทั้งระบบ
โดยนายพิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส หรือ K-CAR เปิดเผยว่า ได้รับเชิญจากแบงก์ชาติ ให้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายนนี้
ซึ่งคาดว่าจะเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ภาพรวมของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยที่ค่อนข้างมีปัญหา ทั้งกำลังซื้อและโครงสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เปลี่ยนไป จากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งกำลังส่งผลต่อภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ
โดยปัจจุบันเห็นได้ชัดว่า กำลังซื้อผู้บริโภคหายไป ขณะที่เกณฑ์ติดตามลูกหนี้ก็เข้มงวดเกินไป เช่น กำหนดให้ไฟแนนซ์ติดตามได้วันละครั้ง เสาร์-อาทิตย์ ติดตามไม่ได้ ข้อกำหนดที่ให้ลูกค้าคืนรถได้โดยไม่มีค่าปรับ แถมฟ้องไม่ได้ ทำให้ไฟแนนซ์ตั้งการ์ดสูง จนไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ เพราะกังวลหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น ส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถใหม่ ที่พุ่งไปที่ 20% แล้ว ส่วนรถยนต์ใช้แล้วสูงถึง 40% ส่งผลยอดขายรถ 4 เดือนแรก ทำได้แค่ 210,494 คัน ลดลงถึง 23.90% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
และ ณ วันนี้ ยอดขายรถใหม่ลดลงถึง 40% โดยเฉพาะรถกระบะที่เดือนเมษายน หดตัวถึง 45.94% หนักสุดในรอบ 32 เดือนทำให้ทั้งปีคาดว่าจะทำได้แค่ 6-7 แสนคัน ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว แถมวันนี้ ซูบารุ-ซูซูกิ ถอนการลงทุนในไทย ประกาศปิดโรงงานเลิกผลิต หวั่นมีตามมาอีกเป็นระลอก หากรัฐบาลไม่ยื่นมือช่วยเหลือ
ร้อนแล้งจัด! ทุเรียนไทย 2567 ผลผลิตลดลงมากสุดในรอบ 15 ปี
https://www.dailynews.co.th/news/3536249/
วิเคราะห์สถานการณ์ทุเรียนไทย 2567 ผลผลิตลดลง 18% มากที่สุดในรอบ 15 ปี จากความร้อน ภัยแล้ง สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ได้วิเคราะห์สถานการณ์ทุเรียนไทย 2567 โดยทุเรียนอยู่ในช่วง เม.ย.-ส.ค. ที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากราว 86% ของผลผลิตทุเรียนทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้รวมกว่า 95% ของผลผลิตทุเรียนทั้งประเทศ
วิเคราะห์ทุเรียนภาคตะวันออก อาจมีผลผลิตทุเรียนในฤดูลดลง 14%
เริ่มจากทุเรียนในฤดูภาคตะวันออกที่จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่ เม.ย. ได้เผชิญความร้อนแล้งจากเอลนีโญรุนแรงในช่วงราว 4 เดือนแรกของปี ทำให้ต้นทุเรียนได้รับน้ำฝนในปริมาณที่น้อยลงกว่าปีก่อนโดยเฉพาะใน เม.ย. ที่น้ำฝนน้อยลงอย่างมาก ส่งผลต่อการติดดอกออกผลที่ลดลง/ผลมีน้ำหนักเบา
อย่างไรก็ดี แม้จะมีปริมาณฝนมากขึ้นตั้งแต่ พ.ค. ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่อาจช่วยบรรเทาความเสียหายในระยะเก็บเกี่ยวได้ แต่โดยรวมแล้วทั้งฤดูทุเรียนภาคตะวันออกปี 2567 คาดผลผลิตจะลดลง 14% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 0.65 ล้านตัน
วิเคราะห์ทุเรียนภาคใต้ อาจมีผลผลิตทุเรียนในฤดูลดลง 25%
มองต่อไปในทุเรียนภาคใต้ที่จะออกสู่ตลาดตามมาตั้งแต่ มิ.ย. ก็มีแนวโน้มว่าผลผลิตจะเสียหายมากขึ้นอีกจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เนื่องจากต้องเผชิญปริมาณฝนที่ลดลงจากปีก่อนตลอดช่วงการเจริญเติบโตของทุเรียนตั้งแต่ระยะติดดอกออกผล และยังถูกซ้ำเติมด้วยฝนทิ้งช่วงใน ก.ค. ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งเป็นระยะเก็บเกี่ยวอีกด้วย
ทำให้โดยรวมแล้วทั้งฤดูทุเรียนภาคใต้ปี 2567 อาจมีผลผลิตลดลงแรงถึง 25% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดราว 0.31 ล้านตัน
ผลผลิตทุเรียนรวมในฤดูปี 2567 (2 ภาค คือ ภาคตะวันออก และภาคใต้) อาจลดลง 18% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือมีผลผลิตออกสู่ตลาดรวมราว 0.96 ล้านตัน นับเป็นผลผลิตทุเรียนที่ลดลงมากที่สุดในรอบ 15 ปี
ภาพรวมรายได้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในฤดูปี 2567 อาจเพิ่มขึ้นได้เพียง 0.3% จากผลผลิตรวมที่ลดลง 18% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ราคาเฉลี่ยปรับสูงขึ้น 22% แบ่งเป็นรายได้เกษตรกรภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น 4% และรายได้เกษตรกรภาคใต้ลดลง 8%
ทั้งนี้ เป็นรายได้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนที่ยังไม่หักต้นทุนการผลิต โดยมีต้นทุนการผลิตที่สำคัญในการจัดหาน้ำช่วงเอลนีโญ เช่น ต้นทุนการซื้อน้ำมารดต้นทุเรียน เครื่องปั๊มน้ำ/เครื่องสูบน้ำ/สปริงเกลอร์ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ซึ่งหากนับรวมต้นทุนการผลิตด้วย ก็จะทำให้รายได้เกษตรกรสุทธิของผู้ปลูกทุเรียนเผชิญแรงกดดันมากยิ่งขึ้น