“เสียงสะอื้นกลืนทุกข์” จากบุคลากรสาย สนับสนุนด้านการศึกษา 38ค(2) เขตพื้นที่ฯ


“เสียงสะอื้นกลืนทุกข์” จากบุคลากรสาย
สนับสนุนด้านการศึกษา 38ค(2) เขตพื้นที่ฯ
 
จดหมายระบายความในใจจาก บุคลากร 38ค(2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ในฐานะบุคลากร สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาสาเป็นตัวแทนระบายความทุกข์ที่แบกรับ เนื่องจาก ถูกกำหนดกรอบ โดย ก.ค.ศ. ให้เป็นบุคลากร ชั้น 2 ไร้ทั้งเงินค่าวิทยฐานะและความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน ทั้ง ๆ ที่มีภารกิจเป็น บุคลากรสายสนับสนุนด้านการศึกษา ที่อยู่ภายใต้ร่มธงกระทรวงศึกษาธิการ  
 
จดหมายนี้ มาถึง สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์ EDUNEWSSIAM เพื่อสื่อสารไปถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ  เลขาธิการ ก.ค.ศ. ได้โปรดพิจารณา  
 
...ผมเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่บนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กว่า 15,000 คน 245 เขตทั่วประเทศ ที่ทำงานด้านการศึกษาทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องที่ กระทรวงศึกษาธิการมอบนโยบาย ให้สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐานสู่การปฏิบัติ ส่งต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลงสู่สถานศึกษา
 
ผมจำภาพแห่งความประทับใจได้ดีว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาเป็นประธานเปิดการประชุมที่แกรนด์บอลรูม อารีนา ที่ได้กล่าวถึงนโยบายลดภาระครู ลดภาระผู้ปกครอง กับผู้บริหารกระทรวงศึกษา และ ผู้บริหารสถานศึกษา ตลอดครูสายผู้สอนว่า... นโยบายนี้จะสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม จะต้องมี ครู และ บุคลากรสายสนับสนุนด้านการศึกษาเข้าร่วม ซึ่งผมชื่นชมว่า เป็นนโยบายที่ดี
 
ขออนุญาตย้อนไปเมื่อปี 2518 กระทรวงศึกษาธิการก็เคยดำเนินนโยบายลดภาระครูและปรากฎผลมาแล้วเพียงช่วงระยะหนึ่ง เช่น การมีครูสายสนับสนุนประจำสำนักงาน หรือ โรงเรียน ที่คอยบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งทำให้ครูไม่ต้องรับภาระ
 
ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้กระบวนการเรียนการสอนของครูได้ทำหน้าที่เป็นไปอย่างราบรื่น และ ช่วยในการจัดการทรัพยากร การบริหารจัดการห้องเรียน และการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ สนับสนุนให้ครูและนักเรียนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล ทำให้ครูมีเวลามุ่งเน้นไปที่การสอนและพัฒนาผู้เรียนได้มากขึ้น
 
อาทิ การปฏิบัติงานสารบรรณ ทำหน้าที่ด้านธุรการ การจัดซื้อจัดจ้าง งานช่วยอำนวยการ งานอาคารสถานที่ งานประชาสัมพันธ์ เผยแพร่กิจการ ผลงาน และ บริการข้อมูลข่าวสาร ประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอก ที่มิใช่งานของส่วนราชการใดโดยเฉพาะ หรือที่ได้รับมอบหมาย เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมการเรียนที่ดี
 
ดังนั้น บุคลากรสายสนับสนุนการศึกษา คือบุคคลที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืองานของครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาสายอื่นจัดการทรัพยากร บริหารจัดการห้องเรียน และการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ล้วนทำให้สถานศึกษาสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น  ช่วยในการ การ ทำให้ครูมีเวลามุ่งเน้นไปที่การสอนและพัฒนาผู้เรียนได้มากขึ้น
                  
แต่ในปัจจุบัน ปรากฏว่า บุคลากรสายสนับสนุนการศึกษา จำนวนประมาณกว่า 15000 คน ยังต้องมีภาระทำเรื่องด่วนด้านทั้งการศึกษาตามนโยบายของรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ ที่สั่งการมอบหมาย ประเมินครู ประเมินผู้บริหารสถานศึกษา การรับนักเรียน โอเน็ต PIZA  รายงานกระทรวง-สพฐ. สอบวินัยครู ผู้ บริหาร ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
 
ถูกกำหนดกรอบโดย ก.ค.ศ. ตั้งใจหรืออาจมิตั้งใจให้บุคลากรสายสนับสนุนการศึกษา ในสังกัด สพฐ.เป็นบุคลากร ชั้น 2 ก็ได้ จึงให้มีสถานะภาพจะให้เป็นข้าราชการครูแบบครึ่งๆ กลางที่ใช้กฎ ระเบียบ กพ.โดยอนุโลม
 
แต่เมื่อจะปรับตำแหน่ง เงินเดือน กลับไม่ใช้แท่งเดียวกันกับข้าราชการครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  
 
จึงส่งผลให้ เจ้าหน้าที่บนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 9 กลุ่ม หน่วยงาน คุณวุฒิ ประสบการณ์ ระดับปริญญาตรี โท เอก มีความเหลื่อมล้ำ อย่างชัดเจน 
 
แม้แต่ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการ ครูชำนาญการ ยังได้รับค่าวิทยฐานะ 3500 บาท, ครูชำนาญการพิเศษ 5600x2 ,ผู้บริหารสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 5600x2  ,ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 9900x2
 
ขณะเดียวกัน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 38ค(2) ระดับชำนาญการพิเศษ ได้ยังได้รับ 3500 บาท ซึ่งเมื่อรวมถึงระดับ ผอ.กลุ่มในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ก.ค.ศ.มีเจตนาให้ 38ค(2) เป็นบุคลากร ชั้น 2 ของกระทรวงศึกษาธิการ
 
ต่างจากตำรวจ ไม่ว่าสายจราจร ปราบปราม สืบสวน หรืออยู่ฝ่ายอำนวยการ ทุกคน คือตำรวจ ล้วนมีสิทธิเป็นผู้กำกับสถานี ตามกำลังความรู้ ความสามารถของตนเอง
 
แต่กระทรวงศึกษา สร้างคนให้เป็นคน โดยเฉพาะ ก.ค.ศ กลับสร้างความเหลื่อมล้ำกับคนในกระทรวงเดียวกัน โดยสร้างความเจ็บปวดให้บุคลากร 38ค.(2) เกษียณแล้วเกษียณเล่า เปรียบได้กับการขึ้นยอดตาล แต่ไม่มีลูกตาลให้กิน  
                         
245 เขตพื้นที่การศึกษา มีบุคลากรมากว่า 15000 คน เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการศึกษา โดยมีบุคลากรในสำนักงานเขตพื้นที่ 9 กลุ่มงาน มากกว่า 70 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยขาดขวัญกำลังใจ ที่ไม่เหลียวแล
 
มิหนำซ้ำ กคศ.ผู้กำหนดอัตรากำลัง ขาดความจริงใจ มองเพียงแค่ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เท่านั้น ควรคิดในมุมกลับว่า หากขาดกำลังคนที่ปฏิบัติหน้าที่บนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่มีความเชียวชาญ ในแต่ละกลุ่มงาน การศึกษาจะเดินไปในทิศทางใด
 
พวกเรา จึงวิงวอนขอความเมตตา จากท่านรัฐมนตรีว่าการฯและขอแรงสนับสนุนจากท่านเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ด้วยความเคารพ ขอได้โปรดช่วยหาทางพิจารณาให้ บุคลากร 38 ค(2) ได้หลุดพ้นจากหลุมดำ ที่ก.ค.ศ.ขุดฝังเอาไว้  ด้วยการให้เติบโตใช้แท่งเงินเดือนเดียวกันกับ ข้าราชการครู
 
ซึ่งการเติบโตเป็นไปตามกำลังความสามารถของบุคคล ไม่ต้องมีเพดานกดทับ จนไร้สิ้นความหวังแห่งการเติบโตในชีวิตราชการ
 
ด้วยความเคารพ
นายประกอบ  จันทร์ประโคน                                            
บุคลากร 38ค(2) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
 
 #กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าว edunewssiam ได้ที่นี่ 
https://www.facebook.com/edunewssiamfanpage
 

“เสียงสะอื้นกลืนทุกข์” จากบุคลากรสาย 
สนับสนุนด้านการศึกษา 38ค(2) เขตพื้นที่ฯ https://www.edunewssiam.com/th/articles/293534
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่