ในความเข้าใจของตัวเองก็คือว่า มันมีสภาวะหรือว่าธรรมชาติอยู่ 2 ธรรมชาติ
ธรรมชาติหนึ่งเรียกว่า สภาวะที่จิตมันเกิด คือเมื่อเกิดการหลงจิตเกิดแล้ว สเต็ปต่อไปก็คือไหลไปปรุงต่อหรือทำตามความเคยชินเดิมๆ ยาวย๊าวยาว (อันนี้จำได้ว่าเป็นคำสอนของหลวงพ่อเยื้อนท่านกล่าวสอนไว้ คือพอหลงส่งจิตออกนิดเดียวก็ปรุงไปยาวย๊าวยาวเลย เห็นภาพเลย) บาลีเรียกว่า #สังขตธรรม ธรรมชาตินี้เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับเป็นธรรมดา เกิดแล้วดับๆ มีสภาพเป็นไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ส่วนอีกธรรมชาติหนึ่งก็คือธรรมชาติที่จิตมันไม่เกิด จิตไม่เกิดมันเป็นธรรมชาติเดิมๆก่อนที่มันจะมีการหลงมีตัวมีตนไปปรุงอะไรเป็นอะไรเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ธรรมชาตินี้บางทีท่านก็เรียกว่ามันเป็นความว่าง เป็นอนัตตา เป็นธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่งอะไรหรือไม่อาจปรุงแต่งอะไรได้ ไม่มีเกิดมีดับ บาลีท่านเรียกว่า #อสังขตธรรม
ทีนี้เมื่อจิตมันหลงเกิดและหลงปรุงแต่งต่อออกไปยาวย๊าวยาวดังที่กล่าวมา ทั้งสองท่านก็เลยสอนให้เจริญสติให้ทันให้เห็นตามความเป็นจริงตั้งแต่มันเริ่มจะก่อตัวเป็นจิตเกิดอาการออกไปเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเห็นความหลงทันขนาดนั้น ก็หายหลง ความหลงก็จะดับไปโดยปริยาย ก็จะกลับไปสู่สภาพปกติ สภาพว่าง สภาพก่อนการหลงมีตัวมีตนหลงเข้าไปปรุงแต่งอะไรๆดังเดิม หลวงพ่อเยื้อนท่านก็เลยว่า อยู่ตรงนั้นมันไม่สามารถปรุงแต่งอะไรได้เลย หลวงพ่อกล้วยท่านเรียกว่าทรงอยู่กับความว่าง ที่สุดท่านก็ให้ทิ้งทั้งหมด วางทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ได้มีตัวเราเข้าไปเป็นอะไรทั้งนั้น จบ
วิธี ดับ จิตหลง แบบบ้านๆ
ธรรมชาติหนึ่งเรียกว่า สภาวะที่จิตมันเกิด คือเมื่อเกิดการหลงจิตเกิดแล้ว สเต็ปต่อไปก็คือไหลไปปรุงต่อหรือทำตามความเคยชินเดิมๆ ยาวย๊าวยาว (อันนี้จำได้ว่าเป็นคำสอนของหลวงพ่อเยื้อนท่านกล่าวสอนไว้ คือพอหลงส่งจิตออกนิดเดียวก็ปรุงไปยาวย๊าวยาวเลย เห็นภาพเลย) บาลีเรียกว่า #สังขตธรรม ธรรมชาตินี้เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับเป็นธรรมดา เกิดแล้วดับๆ มีสภาพเป็นไตรลักษณ์ คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ส่วนอีกธรรมชาติหนึ่งก็คือธรรมชาติที่จิตมันไม่เกิด จิตไม่เกิดมันเป็นธรรมชาติเดิมๆก่อนที่มันจะมีการหลงมีตัวมีตนไปปรุงอะไรเป็นอะไรเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ธรรมชาตินี้บางทีท่านก็เรียกว่ามันเป็นความว่าง เป็นอนัตตา เป็นธรรมชาติที่ไม่มีการปรุงแต่งอะไรหรือไม่อาจปรุงแต่งอะไรได้ ไม่มีเกิดมีดับ บาลีท่านเรียกว่า #อสังขตธรรม
ทีนี้เมื่อจิตมันหลงเกิดและหลงปรุงแต่งต่อออกไปยาวย๊าวยาวดังที่กล่าวมา ทั้งสองท่านก็เลยสอนให้เจริญสติให้ทันให้เห็นตามความเป็นจริงตั้งแต่มันเริ่มจะก่อตัวเป็นจิตเกิดอาการออกไปเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเห็นความหลงทันขนาดนั้น ก็หายหลง ความหลงก็จะดับไปโดยปริยาย ก็จะกลับไปสู่สภาพปกติ สภาพว่าง สภาพก่อนการหลงมีตัวมีตนหลงเข้าไปปรุงแต่งอะไรๆดังเดิม หลวงพ่อเยื้อนท่านก็เลยว่า อยู่ตรงนั้นมันไม่สามารถปรุงแต่งอะไรได้เลย หลวงพ่อกล้วยท่านเรียกว่าทรงอยู่กับความว่าง ที่สุดท่านก็ให้ทิ้งทั้งหมด วางทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ได้มีตัวเราเข้าไปเป็นอะไรทั้งนั้น จบ