จิตรวมใหญ่ จิตตกถึงฐาน จิตตกกระแส ในสายวัดป่าพระกรรมฐาน ท่านหมายถึงอะไร???
ท่านหมายถึง การปฏิบัติภาวนาจนจิตหลุดพ้นจากขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณชั่วขณะ จิตกลับสู่สภาวะเดิมแท้ของจิต คือ มีแต่สภาวะรู้เท่านั้น จิตผ่องใสส่องสว่างเป็นประภัสสรท่ามกลางความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ว่างจากความคิดปรุงแต่ง ไร้ความมีตัวตน ไร้กาลเวลา ไร้ความรู้สึกทางกายและลมหายใจทั้งปวง เมื่อจิตถึงสภาวะเดิมแท้หลุดพ้นจากกิเลส อวิชชาและขันธ์ 5 จิตจะมีกำลังมาก บางคนจะอยู่ในสภาวะนี้ 1 ชม. 3 ชม. 6 ชม. 1 วัน 3 วัน 7 วัน (นิโรธสมาบัติ)
จนจิตอิ่มและมีพลังเต็มที่จะถอนออกมาเอง ช่วงเวลานี้จิตจะส่องสว่าง กลางคืนสว่างเหมือนกลางวัน เกิดปีติสุข อย่างเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การเจริญวิปัสสนา คือ การพิจารณาขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดขึ้น ตั้งขึ้น ดับไป จิตเกิดปัญญาเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 หลุดพ้นจากอวิชชา
จิตรวมใหญ่ จิตตกถึงฐาน จิตตกกระแส ในสายวัดป่าพระกรรมฐาน ท่านหมายถึงอะไร???
ท่านหมายถึง การปฏิบัติภาวนาจนจิตหลุดพ้นจากขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณชั่วขณะ จิตกลับสู่สภาวะเดิมแท้ของจิต คือ มีแต่สภาวะรู้เท่านั้น จิตผ่องใสส่องสว่างเป็นประภัสสรท่ามกลางความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ว่างจากความคิดปรุงแต่ง ไร้ความมีตัวตน ไร้กาลเวลา ไร้ความรู้สึกทางกายและลมหายใจทั้งปวง เมื่อจิตถึงสภาวะเดิมแท้หลุดพ้นจากกิเลส อวิชชาและขันธ์ 5 จิตจะมีกำลังมาก บางคนจะอยู่ในสภาวะนี้ 1 ชม. 3 ชม. 6 ชม. 1 วัน 3 วัน 7 วัน (นิโรธสมาบัติ)
จนจิตอิ่มและมีพลังเต็มที่จะถอนออกมาเอง ช่วงเวลานี้จิตจะส่องสว่าง กลางคืนสว่างเหมือนกลางวัน เกิดปีติสุข อย่างเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การเจริญวิปัสสนา คือ การพิจารณาขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดขึ้น ตั้งขึ้น ดับไป จิตเกิดปัญญาเบื่อหน่ายในขันธ์ 5 หลุดพ้นจากอวิชชา