หากกองทัพไทยมีกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมินอกจาก รด. แบบสหรัฐฯ เข้ามาเสริมการป้องกันในประเทศของแต่ละเหล่าทัพ เหมาะสมหรือไม่


กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไม่ใช่ทหารอาชีพ พวกเขาเป็นกองกำลังหน่วยพิเศษในระบบกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าการมลรัฐ และสำนักงานกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ National Guard Bureau ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนกลางของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จัดเป็นกองกำลังส่วนหนึ่งของประเทศ ประกอบไปด้วย 2 หน่วยงานหลักคือ กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กองทัพบก (The Army National Guard) และกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ กองทัพอากาศ (Air National Guard) ส่วนสาเหตุที่ไม่มี Navy National Guard กับ Marine National Guard นั้นเพราะตามกฎหมายแห่งสหรัฐอเมริกา หมวดที่ 10 ว่าด้วยเรื่องบทบาทของกองทัพให้กองทัพเรือและเหล่านาวิกโยธินเป็นกองกำลังรบนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มี Navy National Guard กับ Marine National Guard ส่วนเหล่ายามฝั่ง (Coast Guard) ยิ่งไม่ใช่ไปใหญ่

กำลังพลของ National Guard แม้จะถูกฝึกเหมือนทหารทุกอย่าง แบบเดียวกับทหารประจำการ (Active Duty) ในกองทัพบกและกองทัพอากาศสหรัฐฯ และมีระบบอาวุธเหมือนกองทัพ แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาเหล่านั้น “ไม่ใช่ทหารอาชีพ” หรือ ทหารกองประจำการปกติ (ถึงแม้ว่าบางรายจะสมัครใจไปรบนอกประเทศ) ที่ทำงานเต็มเวลา อารมณ์ประมาณเหมือนคนทำงาน Part-Time ซะมากกว่า ไม่ต้องเข้างานเต็มเวลาก็ได้ ด้วยความที่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯไม่ให้ใช้กำลังทหารภายในประเทศ ทำให้ National Guard ขึ้นตรงกับผู้ว่าการรัฐต่างๆ การจะใช้กำลังของ National Guard จะต้องมีการประกาศใช้ State of Emergency มีเหตุจำเป็นที่ต้องเรียกตัวไป (ใช่แล้วครับ จันทร์ถึงศุกร์คุณอาจจะเป็นหมอฟัน ครูสอนคณิตศาสตร์ ช่างซ่อมรถ นายธนาคาร ฟรีแลนซ์ หรืออะไรก็ตาม แต่วันหยุดคุณสามารถเปลี่ยนบทบาทมาเป็นนักบินขับไล่ นักบินเฮลิคอปเตอร์ ทหารราบ ทหารม้า หรือทหารปืนใหญ่ได้ทั้งนั้น)

ซึ่งภารกิจหลักๆ ของ National Guard จึงเป็นการรักษาความสงบและช่วยเหลือด้านความมั่นคงภายในรัฐที่ประจำอยู่เป็นหลัก โดยมีหน้าที่หลักคือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในมลรัฐตามคำสั่งของผู้ว่าการมลรัฐ เช่น การเข้าควบคุมสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน อาทิ การจลาจล การก่อการร้าย และการบรรเทาสาธารณภัยจากภัยพิบัติต่างๆ ส่วนหน้าที่ในระดับชาติ ก็คือการปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อยหลังการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ หรือ ภาวะสงคราม เป็นต้น โดยหน่วยงาน National Guard ทั้งหมดจะขึ้นตรงต่อ National Guard Bureau และขึ้นตรงกับผู้ว่าการรัฐ อีกทีนึง

ที่ผ่านมา กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เคยเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายภายในประเทศมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในปี ค.ศ. 1970 มีการเข้าควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม ที่มหาวิทยาลัยเคนท์สเตท มลรัฐโอไฮโอ เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 4 รายจากการใช้กระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม จากฐานข้อมูลในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิสหรัฐ พบว่า เท่าที่ผ่านมาในรอบกว่า 1 ศตวรรษ เคยมีการใช้อำนาจประธานาธิบดี สั่งการเรียกพลจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าควบคุมเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศสหรัฐประมาณ 12 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสมัยการประท้วงเรียกร้องสิทธิพลเมือง

อาจกล่าวได้ว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ คือกองทหารของมลรัฐและเขตปกครองพิเศษของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและบรรเทาสาธารณะภัยภายในมลรัฐเป็นหลัก ไม่ใช่การทำสงครามกับศัตรูภายนอกประเทศโดยตรง และแม้ว่าจะถูกฝึกหรือให้รับมือกับการจลาจลและประชาชนมาโดยเฉพาะ แต่การที่พวกเขาสามารถใช้อาวุธปราบปรามผู้ชุมนุมหรือใช้อาวุธในการควบคุมสถานการณ์ ก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิตขึ้นได้

บางคนเรียกกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิว่า “ทหารบ้าน” ทำหน้าที่ควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในมลรัฐที่สังกัดอยู่ ส่วนหนึ่งก็เป็นประชาชนคนธรรมดาที่ไปรับการฝึกแล้วมาทำงานในค่ายเป็นบางเวลาเท่านั้น ต่างกับกำลังพลที่ทำเต็มเวลามักจะเป็นนายทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร

หากพิจารณาในโครงสร้างทางทหารของกองทัพบกอเมริกัน กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ( National Guard ) หรือบ้างก็เรียกกันว่า ‘กองกำลังพิทักษ์ชาติ’ มีสถานะเป็นกำลังสำรองในระบบของกองทัพสหรัฐ กองกำลังส่วนนี้อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบโดยตรงของผู้ว่าการรัฐ คือเป็นกำลังพลทหารที่ขึ้นอยู่กับผู้ว่าการรัฐต่างๆ และผู้ว่าในแต่ละรัฐสามารถประกาศระดมพลเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉินได้ตามที่ต้องการ ในส่วนงบประมาณนั้น กองกำลังส่วนนี้ได้รับงบสองทางจากทั้งกระทรวงกลาโหมและจากรัฐนั้นๆ แต่ในกรณีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินขนาดใหญ่ รัฐบาลกลางสามารถใช้อำนาจในการระดมพลของกองกำลังป้องกันชาติ หรือนอกจากนั้นในกรณีพิเศษ ได้เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การช่วยเหลือประชาชน การสนับสนุนกองทัพในด้านต่าง ๆ การฝึกร่วม/ผสมระหว่างประเทศ

โดยสรุปแล้ว กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจะทำหน้าที่ปฏิบัติภารกิจตามที่ผู้ว่าการรัฐหรือประธานาธิบดีกำหนด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภารกิจด้านความมั่นคงต่างๆ ที่จะเป็นหน้าที่ของกองกำลังพิทักษ์รัฐ โดยกำลังพลเป็นพลเรือนที่ทำงานอื่นเต็มเวลาและมารับงานเป็นกองกำลังพิทักษ์รัฐนอกเวลา และจะเข้ารายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ถ้ามีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยผู้ว่าการรัฐหรือประธานาธิบดีมีคำสั่งเรียกระดมพล สำหรับกองทัพสหรัฐนั้นจะรับหน้าที่และภารกิจในการป้องกันประเทศและการรบนอกประเทศเท่านั้น

แม้ว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) จะไม่ได้เป็นทหารเต็มตัวเหมือนทหารประจำการปกติ และถึงแม้กำลังพลบางรายจะสมัครใจไปรบในอัฟกานิสถานและอิรักมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมเสมอ เมื่อประเทศชาติต้องการพวกเขา สมดั่งคำขวัญที่ว่า

“Always Ready, Always There!”

ที่มา
https://www.behindthescene.co/small-narrative-national-guard/

สหรัฐฯ  มี  50  รัฐ  ทหารประจำการประมาณ  3.5  ล้านคน  กำลังสำรองทั้งหมดประมาณ  7.5  ล้านคน  เฉลี่ยรัฐละประมาณ  1.5  แสนคน
ถ้าไทยใช้กำลังสำรองที่เป็นกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิมาเพิ่ม  เท่ากับของ 1 รัฐสหรัฐฯ  ต่อ 1 กองทัพภาคของไทย 
เท่ากับมีกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิภาคละ  1.5  แสนคน  รวมกับกองประจำการภาคละ  9  หมื่นคน  เทียบได้มีสองกองทัพกว่าๆต่อหนึ่งทัพภาค

แต่จริงๆแล้วเรามีกำลังพลสำรองอยู่เดิมประมาณ  12  ล้านคน  หากรวมทุกประเภท  แต่กำลังจะลดลงไปเรื่อยๆ

ปัจจุบันนี้  มีกองทหารประจําการของกองทัพไทยประมาณ  3.5  แสนนาย  ไม่เพียงพอต่อภารกิจของกองทัพ 
ซึ่งหากกองทัพต้องการกําลังทหารมากกว่านี้จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น 
ด้วยเหตุนี้การใช้กําลังพลสํารองจึงเป็นทางออก  โดยมาตรา  15  แห่งพระราชบัญญัติกําลังพลสํารอง  พ.ศ.  2558 

ที่มา

จขกท  คิดว่า  อาสารักษาดินแดนของไทยจากสังกัดกระทรวงมหาดไทย  น่าจะให้โอนมาสังกัดกระทรวงกลาโหมเหมือนสหรัฐฯ
ฝึกแบบรักษาดินแดนของกลาโหม  ดูแล  ทบ  ทอ  จะทำให้มีความสามารถแบบทหารเบื้องต้นแบบ  รด
แต่  รด  เรียนได้แค่มัธยมปลาย  ไม่ก็ต้องรอไปสมัครเกณฑ์ทหารถึงจะได้เรียนรู้วิชาทหาร 

หากกองทัพเปิดรับสมัครฝึกทหารได้ช่วงอายุ 15 - 35  ปี  แล้วประจำการได้ทั้งแบบเต็มเวลา  และ  Part - Time
ประชาชนทุกอาชีพไม่ว่าจะได้เรียน  รด  มาแล้วหรือไม่เคยได้เรียน 
สามารถสมัครรับการฝึกวิชาทหารได้ตามการสมัครใจ  หากมีตำแหน่งว่างที่ต้องการจะฝึกและประจำการ

อีกแบบเรียน รด จบ  สมัครทหารตั้งแต่ 18 ปี  ได้สิทธิเรียน  ป.ตรี  ฟรี  ยกเว้น  แพทย์  ที่จะต้องใช้ทุนของแพทย์ทหาร
รับคำสั่งจากผู้ว่าฯ  ในขั้นต้น  หากมีเหตุการณ์ขนาดใหญ่ให้รับคำสั่งจาก  ผบ สส 

แต่หากเกิดความไม่สงบจากการเมือง  การเรียกระดมพลลักษณะนี้ 
เหมือนเปิดทางให้กำลังสำรอง  ติดอาวุธไปในตัว  อาจเกิดความรุนแรงได้  ทุกท่านคิดเห็นอย่างไรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่