สื่อนอก ตีข่าว บุ้ง ทะลุวัง นักเคลื่อนไหวชาวไทย เสียชีวิตขณะถูกคุมขัง คณะทูต หลายชาติ ร่วมอาลัย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4575878
 
 
สื่อนอก ตีข่าว บุ้ง ทะลุวัง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทย เสียชีวิตขณะถูกคุมขัง คณะทูต หลายชาติ ร่วมโพสต์อาลัย
 
จากกรณี นางสาวเนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง เสียชีวิตเมื่อเวลา 11.22 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม หลังหัวใจหยุดเต้น หมอปั๊มหัวใจ เร่งนำตัวส่งไปรักษายังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ โดยถูกคุมขังเป็นเวลา 110 วัน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศต่างรายงานข่าวการเสียชีวิตของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทยที่เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว
รอยเตอร์ รายงานข่าวดังกล่าวว่า นักเคลื่อนไหวชาวไทยเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง และรายงานว่าเธอยังมีคดีอยู่อีก 7 คดี และระบุว่า นับแต่ปี 2563 มีผู้ต้องข้อหา ม.112 จำนวน 272 ราย โดยจำนวนนี้ 17 ราย ถูกจำคุกระหว่างรอพิจารณาคดี
 
ขณะที่ นิตยสาร ไทมส์ ลงข่าวดังกล่าวเป็นข่าวขนาดยาว ระบุว่า นักเคลื่อนไหวชาวไทย ที่ถูกควบคุมตัว เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้น หลังอดอาหารมานานหลายเดือน ทั้งระบุว่า เธออดอาหารเพื่อประท้วงระบบยุติธรรมในประเทศ และการจำคุกผู้เห็นต่างทางการเมือง การเสียชีวิตของเธอ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการปฏิบัติต่อนักเคลื่อนไหว ทั้งยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ บุ้งเคยอดอาหารเป็นเวลากว่า 60 วัน ทำให้เกิดความกังวลจากกลุ่มสิทธิระหว่างประเทศ และยังมีนักเคลื่อนไหวอีก 2 คน ที่ได้อดอาหารประท้วงเป็นเวลากว่า 50 วัน

นอกจากนี้ ยังมี เดอะ สเตรท ไทมส์ สื่อสิงคโปร์, เอพี และวอชิงตัน โพสต์ ที่รายงานการเสียชีวิตของบุ้ง นักกิจกรรม ซึ่งอดอาหารประท้วงกระบวนการยุติธรรมด้วย

นอกจากสื่อต่างประเทศที่รายงานข่าวดังกล่าวแล้ว สถานเอกอัครราชทูต หน่วยงานระหว่างประเทศ และเหล่าทูตในประเทศไทย ยังได้โพสต์โซเชียลมีเดียอาลัยการเสียชีวิตดังกล่าว
 
โรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความลงในเอ็กซ์ว่า “เราเสียใจที่ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตอันน่าเศร้าของ บุ้ง เนติพร เสน่ห์สังคม และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและมิตรสหายของเธอ”

ขณะที่ มาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ก็ได้ออกมาโพสต์เอ็กซ์ว่า รู้สึกเสียใจมาก ที่ได้ยินข่าวการจากไปของ บุ้ง เนติพร ในวันนี้
 
ด้าน ซีบีย์ เดอ การ์ทีเย ดีฟว์ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย ได้โพสต์เอ็กซ์ว่า รู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของนักเคลื่อนไหว เนติพร ซึ่งรู้จักกันในนามว่า บุ้ง ขอไว้อาลัยไปพร้อมกับครอบครัว และคนที่รักของเธอ

เดวิด ดาลี เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ก็ได้แสดงความเสียใจกับการจากไปของบุ้งเช่นกัน
 
แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์เอ็กซ์ อาลัย ว่า การเสียชีวิตอันน่าสลดใจของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเยาวชนคนหนึ่ง ระหว่างถูกควบคุมตัว ก่อนการพิจารณาคดี โดยไม่มีการประกันตัว หลังจากอดอาหารประท้วงเป็นเวลานาน ฉันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และเพื่อนของเธอ ความปรารถนาของฉันคือ ความขัดแย้งทางการเมืองจะต้องไม่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ขมขื่นและรุนแรงเช่นนี้
 
ทั้งนี้ ยังมี แร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย, นายยอน ทัวร์กอร์ด เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย , นายแพทริก เฮมเมอร์ เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย และ ยูริ ยาร์วิอะโฮ ได้ปฏิบัติหน้าที่เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย และ สถานทูตสวีเดน ออกมาโพสต์แสดงความเสียใจเช่นกัน

---

พนิดา ยกกรณี บุ้งเสียชีวิต สะท้อนรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา ‘นิติรัฐ-นิติธรรม’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4575712

’พนิดา‘ ชี้ กรณี ‘บุ้ง ทะลุวัง‘ เสียชีวิต เป็นเครื่องประจักษ์ สะท้อน ’รัฐบาล‘ ไม่จริงจัง-จริงใจ แก้ปัญหา ‘นิติรัฐ-นิติธรรม’ ขอ อย่าพายเรือวนในอ่าง ‘กมธ.นิรโทษกรรมฯ’ นานเกินไป

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม  หรือ บุ้ง ทะลุวัง นักกิจกรรม และผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีทำโพลเรื่องขบวนเสด็จฯ ซึ่งได้อดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และยุติการคุมขังผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมือง จะเหมือนเป็นการตอกย้ำให้ควรต้องมีการนิรโทษกรรมความผิด ม.112 หรือไม่ ว่า นี่เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าถ้ารัฐบาลเองมีเป้าประสงค์จริงจังที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนิติรัฐนิติธรรมอย่างที่พูดไว้จริงๆ เรื่องนี้ควรจะมีการพิจารณากันได้แล้ว
 
“มันพายเรือวนอยู่ในอ่างของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมนาน จนไม่ได้มีข้อสรุปอะไรออกมา ผู้ถูกฝากขังยังไม่ได้ถูกพิพากษาจนถึงที่สุดว่ามีความผิดเลย ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักกฎหมาย แต่เขาไม่มีโอกาสได้รับการประกันตัว และการอดอาหารเพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวครั้งนี้ก็เป็นอาวุธเดียวที่เขามี จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 4 เดือนแล้ว ที่รัฐบาลใหม่ไม่พูดถึง ไม่มีเจตจำนง และไม่มีการกระทำใดๆ ออกมา ตอนแรกเราเข้าใจว่ายังเป็นช่วงที่เพิ่งเข้ามา เพิ่งได้รับตำแหน่ง ยังขยักขย่อน แต่มันทิ้งช่วงนานไปแล้ว“ น.ส.พนิดากล่าว
 
น.ส.พนิดากล่าวต่อว่า ในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่ผ่านมา เราก็ได้มีการฝากข้อสังเกตไปแล้ว
ว่า Presumption of innocence เป็นหลักการ และสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญที่ถูกรับรองตามกติกาสากล ซึ่งเราเองก็เซ็นและเห็นชอบร่วมกันกับนานาอารยประเทศ
 
“สุดท้ายแล้ว คุณก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธินี้จริงๆ ไม่ได้ยินเสียงของคนที่เรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ แล้วยังไม่มีการกระทำอะไรเลย เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณบอกว่าคุณตั้งใจจะฟื้นฟูนิติธรรมในไทย โดยการเห็นชอบให้ตั้ง กมธ.นิรโทษกรรมฯ ซึ่งอยู่ที่ปลายทาง แต่ต้นทางคนที่กำลังอดอาหาร เรียกร้องสิทธิประกันตัว คุณยังไม่พิจารณาเลย จนวันนี้เกิดการสูญเสียขึ้น“ น.ส.พนิดากล่าว
 
น.ส.พนิดากล่าวว่า นี่เป็นเพียงหนึ่งกรณีที่มีการอดอาหารประท้วงเรียกร้องสิทธิประกันตัว ยังมีอีก 2-3 คนที่ยังอดอาหารประท้วงอยู่ในเรือนจำ คุณจะจัดการอย่างไร คุณจะรอให้เกิดอะไรขึ้นอีก

”วันนี้เป็นทั้งความรู้สึกเสียใจและคับแค้นใจ เนื่องจากคนที่ออกมาแสดงออกทางความคิด ซึ่งแต่ละคนก็มีมุมมองต่อบุ้งแตกต่างกันไป และไม่ว่าคุณจะมองในกรณีนี้อย่างไร เขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ นอกเหนือไปจากการคิดต่างจากรัฐเลย นักโทษทางความคิดที่ถูกจองจำอยู่ในตอนนี้ ถามว่าเขาถูกตัดสินหรือยัง ก็ไม่ แต่เขาถูกจองจำ และเขาเรียกร้องสิทธิประกันตัว จนสุดท้ายแลกด้วยชีวิต ก็เป็นประจักษ์พยานแล้วว่า เขาใช้อาวุธที่มีสู้จนหมดจริงๆ“ น.ส.พนิดากล่าว
 
น.ส.พนิดากล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลควรฟื้นฟูเรื่องนิติรัฐนิติธรรมอย่างจริงจัง และจริงใจจริงๆ แม้จะสายเกินไปมากแล้ว แต่ก็ควรจะทำ ย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ทำให้เราสูญเสียมาแล้วหลายชีวิต

---

 
มาม่า-ฟู้ดแลนด์ สะท้อนขึ้นค่าแรง 400 ทั่วไทย รายใหญ่ไม่น่าห่วงเท่ารายเล็ก
https://www.matichon.co.th/economy/news_4575932

มาม่า-ฟู้ดแลนด์ สะท้อนขึ้นค่าแรง 400 ทั่วไทย รายใหญ่ไม่น่าห่วงเท่ารายเล็ก
 
วันที่ 14 พฤษภาคม นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา”มาม่า” เปิดเผยถึง กรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่ค่อยน่าห่วงเท่ากับผู้ประกอบการรายเล็กหรือเอสเอ็มอี เนื่องจากเชื่อว่ามีการปรับตัวได้อยู่แล้ว ในส่วนของบริษัทถือว่ามีผลต่อการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปน้อยมากประมาณ 1% ไม่เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การขอปรับขึ้นราคาต่อกรมการค้าภายใน
 
นายพันธ์กล่าวว่า ขณะเดียวกันในการปรับขึ้น ทางรัฐบาลมีการทยอยประกาศออกมา จึงทำให้ผู้ประกอบการยังมีเวลาในการปรับตัว ทั้งนี้บริษัทมีการปรับขึ้นค่าแรงให้กับพนักงานในเดือนมกราคมของทุกปีอยู่แล้ว โดยเฉลี่ยปีละ 5-6 บาท
 
“ค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้น มองว่าการขึ้นค่าแรงจะช่วยให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น กระทบกับบริษัทเพียงเล็กน้อย เพราะปัจจุบันค่าแรงเป็นต้นทุนทางตรงในการผลิตของบริษัทเพียง 10% หากปรับค่าแรงขึ้น 10-15% จะกระทบต้นทุนบริษัทแค่ 1% เราต้องเพิ่ม สปีดการผลิต ลดการสูญเสีย เช่น ปัจจุบันเราผลิตบะหมี่แบบซองและถ้วยอยู่ที่วันละ 7 ล้าน จะเพิ่มเป็นวันละ 8 ล้าน โดยที่คนไม่ได้เพิ่ม เท่ากับค่าแรงต่อการผลิตไม่มีผล”นายพันธ์กล่าว
 
นายอธิพล ตีระสงกรานต์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด กล่าวว่า
 
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้น 400 บาททั่วประเทศนั้น ไม่ส่งผลต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากได้ปรับขึ้นให้กับพนักงานไปตั้งแต่ปลายปี 2566 และสูงกว่า 400 บาทไปแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีวิกฤตเรื่องต้นทุน ฟู้ดแลนด์จะยังตรึงราคาสินค้าไว้ให้นานที่สุด เพื่อช่วยผู้บริโภค