‘พิธา’ ฝากราชทัณฑ์ 5 ข้อ ‘ถอนฟืนจากกองไฟ’ อ.ธิดากระซิบ ปากหอยปากปูไม่ต้องไปสนใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583493
‘พิธา’ ลั่น เตือนไปแล้วหลายครั้ง ฝากนายกฯ-ราชทัณฑ์ 5 ข้อ ‘ถอนฟืนจากกองไฟ’ ย้ำคนรุ่นใหม่ อิสระทางความคิด ‘ไม่มีใครชักจูงได้’ – อ.ธิดากระซิบ ปากหอยปากปูไม่ต้องไปสนใจ
สืบเนื่องการเสียชีวิตของ น.ส.
เนติพร หรือ
บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ซึ่งอดอาหารประท้วง หลังถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการวิกฤตหัวใจหยุดเต้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ได้ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต (CPR) แต่ไม่เป็นผลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 11.22 น. วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นั้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ศาลา 7 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การสวดพระอภิธรรมและพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.
เนติพร เสน่ห์สังคม คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย เต็มไปด้วยครอบครัว ญาติ มิตรสหาย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ของ น.ส.
เนติพร ตลอดจนนักกิจกรรมและประชาชน ที่ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและส่งพวงหรีดอย่างล้นหลาม
เวลา 19.22 น. นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตแคนดิเดตนายกฯ เดินทางมาถึง พร้อมร่วมเขียนข้อความว่า ‘
ขอให้ดวงวิญญาณของคุณเนติพร ไปสู่สุคติในที่ๆ มีนิติรัฐ นิติธรรม และความเท่าเทียมกัน’
ทั้งนี้ เวลา 20.00 น. ก่อน นาย
พิธาเดินทางกลับ นางธิดาและ นพ.
เหวง เดินเข้ามากุมมือ พร้อมกล่าวกับนาย
พิธา ใจความว่า บุ้งคือผู้พลีชีพเพื่ออุดมการณ์ ตนก็หวังให้คนรุ่นใหม่มารับภารกิจต่อ ในการคืนความยุติธรมม ใครจะมาแช่งชักหักกระดูกไม่ต้องไปสนใจ ที่อยากบอกเพราะอาจารย์สู้มาก่อนแล้ว
“
ขอให้โชคดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข ก็คือทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แล้วสิ่งนี้มันจะอยู่กับเรา และมันจะช่วยเรา เพราะชีวิตไม่มีอะไรสำคัญเท่าความสุข และความสุขก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขที่เราได้ทำให้กับคนส่วนใหญ่ นี่คือบทเรียนของอาจารย์ คนปากหอยปากปู ไม่ต้องไปสนใจ” นาง
ธิดากล่าว
โดย นาย
พิธากล่าวกับ นางธิดาว่า ‘รับทราบครับ’ ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณนาง
ธิดา
ด้าน นพ.
เหวงกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้สู้ต่อไป เพื่อประชาชน
โดยก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ นายพิธาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การเรียกร้องของ น.ส.เนติพร คงไม่สูญเปล่าแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการสู้คดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติในระบอบประชาธิปไตยที่มี นิติรัฐ นิติธรรม โดยตนพยายามเตือนไปยังผู้มีอำนาจมาหลายครั้งแล้ว
“
จำได้ว่าช่วงเวลานี้ เมื่อช่วงปีที่แล้วที่ดินแดง ตอนที่จะปิดเลือกตั้ง ผมได้บอกว่าอย่าฆ่าอนาคต เพราะว่าถ้าเราทำให้ประเทศชาติมีระบบ นิติฐ นิติธรรม มีศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์ของทุกสถาบันหรือชาติ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการยุติธรรม กองทัพ รัฐบาล หรือรัฐสภา ก็จะช่วยกันหาทางออกในสิ่งที่เราอาจจะคิดเห็นตรงกัน และทำให้ไม่ต้องมีคดีทางการเมืองต่อมา
และก็ไม่ต้องกดดันหรือว่าบีบคั้นจนกระทั่งทำให้คนรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ก็มี ต่ำกว่า 30 ก็มีต้องเลือกในการที่จะสู้วิธีนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราทำให้ประเทศของเราที่มีระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ประมุข สามารถที่จะมีเรื่องของ นิติรัฐ นิติธรรม และศรัทธา เราคงไม่ต้องผลักคนให้ออกไปจากแต่ละหน่วยงานในรัฐไทย เพียงแต่ว่าเขาแค่มีความคิดที่แตกต่างไปจากสิ่งที่รัฐต้องการให้เชื่อแบบนั้น ฉะนั้นเรื่องนี้ได้เตือนไปแล้วหลายครั้งทั้งในสภาฯ” นาย
พิธากล่าว
นาย
พิธากล่าวต่อว่า ปีที่แล้วก็พูดแบบนี้ว่า อย่าฆ่าอนาคตเพราะยังไงเขาก็เป็นอนาคตของพวกเรา ต้องหาวิธีในการพูดคุยโดยเริ่มต้นจาก นิติรัฐ นิติธรรม
“
ซึ่งตรงนี้ผมมีข้อเรียกร้องอยู่สัก 5 ข้อ ไปที่ราชทัณฑ์เลยว่า 1.ความโปร่งใส ข้อเท็จจริง และมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยคืออะไร 2.กลับไปที่ต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรมคือ ตำรวจ ซึ่งเรื่องของคดีไม่คดีพวกนี้รัฐบาล นายกรัฐมนตรีเป็นคนคุมตำรวจโดยตรง น่าจะมีวิธีที่จะมาพูดคุยกันได้
3.เรียกร้องไปยังอัยการ 4.ในชั้นศาล เราแยกกันระหว่าง บริหาร ศาล และ สภาฯ ไม่สามารถที่จะเกี่ยวข้องกันได้
“แต่ผมคิดว่าประมุขของศาลฏีกา อย่างนายกรัฐมนตรี ถ้าเรามีนโยบายในเรื่องนี้ น่าจะถอนฟืนออกจากกองไฟ และทำให้เรื่องนี้มันทุเลาลงได้”
5.การนิรโทษกรรม “ข้อสุดท้ายเป็นปลายน้ำแล้ว ควรที่จะรีบทำออกมาได้แล้ว มันเป็นเวลานานแล้วที่ต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะความเห็นทางการเมือง และอายุต่ำลงเรื่อยๆ ตรงนี้คงไม่เป็นผลดีกับสถาบันไหนเลยในประเทศไทย นั่นคือสาเหตุที่เราอยากจะเอาเรื่องนี้เข้าไปคุยกันในสภาอย่างมีวุฒิภาวะ ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย และไม่ต้องบีบใครให้ออกไปสู้ด้วยชีวิตของตัวเองอย่างที่ คุณเนติพรต้องทำ” นาย
พิธากล่าว
นาย
พิธากล่าวต่อว่า สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ ตนคิดว่าคนที่มีอำนาจ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องเข้าใจว่าคนรุ่นนี้ไม่เหมือนกับคนรุ่นก่อน เขามีอิสระทางความคิดไม่สามารถที่จะมีใครชักจูงหรือชี้นำอะไรได้
“
ถ้าเกิดชักจูงได้ในช่วงรัฐประหารที่ผ่านมา ค่านิยม 12 ประการป่านนี้คงจะเข้าไปอยู่ในหัวพวกเขาแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าคนรุ่นสมัยนี้ เสรีชน สมัยนี้มีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง คราวนี้เมื่อมีอิสระขึ้นมา วิธีที่จะทำให้ชาติเป็นชาติ และสามารถอยู่ด้วยกันได้ถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อไม่ให้มันสุดโต่งจนเกินไป มันจะบริหารจัดการอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจทุกคน รวมถึงผมที่เป็นนักการเมืองอยู่ในสภาด้วย” นาย
พิธากล่าว
เมื่อถูกถามถึงกรณีของ น.ส.
ทานตะวัน ว่าควรจะมีการประกันตัวหรือไม่ เพราะอาจเกิดกรณีซ้ำรอยน.ส.
เนติพร ?
นาย
พิธากล่าวว่า ให้สันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ทานตะวันหรือใคร เพราะว่าทุกคนควรมีสิทธิในการต่อสู้และสิทธิในการประกันตัว
หัวใจเสรีกระหึ่ม ‘สมยศ’ ลั่น 24 พ.ค.เจอกัน ยธ.-เปิด จม.น.ศ.เกาหลี เดือดปม ‘บุ้ง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583376
หัวใจเสรีกระหึ่ม ‘สมยศ’ ลั่น 24 พ.ค.นี้เจอกัน ยธ.-เปิดจดหมาย 3 ข้อเรียกร้องจาก น.ศ.เกาหลี เดือดดาล ปม ‘บุ้งสิ้นลม’ ไม่ได้สิทธิประกัน
สืบเนื่องการเสียชีวิตของ น.ส.
เนติพร หรือ
บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ซึ่งอดอาหารประท้วง หลังถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการวิกฤตหัวใจหยุดเต้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ได้ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต (CPR) แต่ไม่เป็นผลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 11.22 น. วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นั้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ศาลา 7 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การสวดพระอภิธรรมและพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.
เนติพร คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย เต็มไปด้วยครอบครัว ญาติ มิตรสหาย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ของ น.ส.
เนติพร ตลอดจนนักกิจกรรมและประชาชน ที่ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและส่งพวงหรีดอย่างล้นหลาม
บรรยากาศเวลา 16.27 น. นาย
สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมด้วย น.ส.
ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และนาย
เจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เดินทางมาถึง พร้อมเผยว่า สิ่งที่นำมาด้วยคือข้อเรียกร้องจาก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และสารจากสมาคมนักศึกษาไทย ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ร่วมยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง
นาย
สมยศกล่าวว่า วันนี้มีสารจากนักศึกษามหาวิทยาลัยเกาหลี ซึ่งส่งมาเรียกร้องต่อเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.
เนติพร เป็นภาษาอังกฤษ แต่จะให้ตัวแทนอ่านเป็นภาษาไทย และอยากจะเสริมเรื่องคดีทางการเมืองที่ผ่านมา
“
ถ้าใครไปเปิดคดีอากง ก็สิ้นชีวิตอย่างปริศนา ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คนที่ 2 คือหมอหยอง ซึ่งเป็นปริศนา น่าจะเป็นหลักฐานหนึ่ง ที่เชื่อมมาถึงปัจจุบันนี้ได้ด้วยว่า ราชทัณฑ์มีเจตนาบางประการที่จะไม่รักษาชีวิตคนเหล่านี้ไว้ มีเรื่องราวที่เป็นปริศนาหลายอย่าง รวมไปถึง พลโท มนัส คงแป้น ด้วย ในคดีค้ามนุษย์ ที่พูดเพราะว่า ผมเคยติดคุกมาก่อน เลยได้รับรู้เรื่องราวของกรณีเหล่านี้” นายสมยศกล่าว
นาย
สมยศกล่าวอีกว่า วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00 -12.00 น. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ที่กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งมีทั้งเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีผู้ที่เกี่ยวข้องกับความตายของ น.ส.
เนติพร ตามที่ทนายความได้พูดไปแล้ว ข้อที่ 2 จะเป็นเรื่อง ‘
การปล่อยตัวนักโทษการเมืองและนิรโทษกรรมประชาชน’ ข้อที่ 3 คือ ‘
ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม’
“
3 ข้อนี้เป็นเจตนารมณ์ของ บุ้ง เนติพร ที่เคลื่อนไหวก่อนสิ้นชีวิต เราจะนำข้อเรียกร้องนี้ไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านด้วย“ นายสมยศกล่าว
จากนั้น เยาวชนหญิง เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของน.ส.
เนติพร กล่าวข้อเรียกร้องและคำไว้อาลัยในจดหมายจากกลุ่ม Korean Young Generation สภานักศึกษา คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ และโรงเรียนประชาธิปไตยไร้พรมแดนในมหาวิทยาลัย Sungkanghoe ประเทศเกาหลีใต้
โดยหัวข้อของจดหมาย คือ ‘
ความเดือดดาลต่อนักเคลื่อนไหวเยาวชนชาวไทย นางสาวเนติพร’ ซึ่งมีข้อความในจดหมาย ดังนี้
“นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม นักเคลื่อนไหวผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพทางความคิดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ในด้านสิทธิมนุษยชน เธอได้เสียชีวิตลงในวันที่ 14 พฤษภาคมระหว่างการอดอาหารประท้วงในคุก ซึ่งเธอถูกจำคุกในข้อหาดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้าย (ม.112) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทั่วโลกถือว่ามีความกดสิทธิกดเสียงเป็นอย่างมาก
เธออายุเพียงแค่ 28 ปี เราต้องไม่ละทิ้งความเดือดร้อนต่อการใช้กฎหมายในไทย ของหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งทำให้เธอต้องเสียชีวิตลง เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สังคมไทยล้มเหลวในการปกป้องเธอ สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยนั้นไร้ซึ่งพรมแดน
พวกเรากลุ่ม Korean Young Generation ขอเป็นส่วนหนึ่งในการไว้อาลัยต่อการตายของ น.ส.เนติพร และสนับสนุนการประท้วงเคลื่อนไหวอันกล้าหาญของเยาวชนไทย เพื่อมุ่งไปให้ถึงเป้าหมายที่น.ส.เนติพรใฝ่ฝันไว้ โดยพวกเรามีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. ขอให้ลงโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของ น.ส.เนติพร
2. ขอยุติการดำเนินคดีทั้งหมด และขอให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด
3. ขอให้เลิกบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และยกเลิกมาตรา 112
จดหมายนี้เขียนขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2024 โดยสภานักศึกษา คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Sungkanghoe โรงเรียนประชาธิปไตยไร้พรมแดนในมหาวิทยาลัย Sungkanghoe และสภานักศึกษาในคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกาหลี” เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของ น.ส.
เนติพร กล่าว
บรรยากาศเวลา 18.40 น. พระสงฆ์ 4 รูปเข้าสู่ศาลา 7 ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชารัตนตรัย กล่าวอาราธนาศีล ก่อนเริ่มสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ หลังสวดพระอภิธรรมแล้วเสร็จ พระสงฆ์กล่าวคำแสดงธรรมเทศนา เนื้อหากล่าวถึงสัจธรรมของชีวิต รวมถึงเน้นย้ำว่าความสามัคคี คือลาภอันประเสริฐ เป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ
JJNY : ‘พิธา’ ฝากราชทัณฑ์ 5 ข้อ│‘สมยศ’ ลั่น 24 พ.ค.เจอกัน ยธ.│กลุ่มชาวนา-รถบรรทุกโอด!│อาระกันอ้าง ยึดเมืองในรัฐยะไข่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583493
‘พิธา’ ลั่น เตือนไปแล้วหลายครั้ง ฝากนายกฯ-ราชทัณฑ์ 5 ข้อ ‘ถอนฟืนจากกองไฟ’ ย้ำคนรุ่นใหม่ อิสระทางความคิด ‘ไม่มีใครชักจูงได้’ – อ.ธิดากระซิบ ปากหอยปากปูไม่ต้องไปสนใจ
สืบเนื่องการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ซึ่งอดอาหารประท้วง หลังถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการวิกฤตหัวใจหยุดเต้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ได้ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต (CPR) แต่ไม่เป็นผลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 11.22 น. วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นั้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ศาลา 7 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การสวดพระอภิธรรมและพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย เต็มไปด้วยครอบครัว ญาติ มิตรสหาย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ของ น.ส.เนติพร ตลอดจนนักกิจกรรมและประชาชน ที่ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและส่งพวงหรีดอย่างล้นหลาม
เวลา 19.22 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตแคนดิเดตนายกฯ เดินทางมาถึง พร้อมร่วมเขียนข้อความว่า ‘ขอให้ดวงวิญญาณของคุณเนติพร ไปสู่สุคติในที่ๆ มีนิติรัฐ นิติธรรม และความเท่าเทียมกัน’
ทั้งนี้ เวลา 20.00 น. ก่อน นายพิธาเดินทางกลับ นางธิดาและ นพ.เหวง เดินเข้ามากุมมือ พร้อมกล่าวกับนายพิธา ใจความว่า บุ้งคือผู้พลีชีพเพื่ออุดมการณ์ ตนก็หวังให้คนรุ่นใหม่มารับภารกิจต่อ ในการคืนความยุติธรมม ใครจะมาแช่งชักหักกระดูกไม่ต้องไปสนใจ ที่อยากบอกเพราะอาจารย์สู้มาก่อนแล้ว
“ขอให้โชคดี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต สิ่งที่จะทำให้เรามีความสุข ก็คือทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม แล้วสิ่งนี้มันจะอยู่กับเรา และมันจะช่วยเรา เพราะชีวิตไม่มีอะไรสำคัญเท่าความสุข และความสุขก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขที่เราได้ทำให้กับคนส่วนใหญ่ นี่คือบทเรียนของอาจารย์ คนปากหอยปากปู ไม่ต้องไปสนใจ” นางธิดากล่าว
โดย นายพิธากล่าวกับ นางธิดาว่า ‘รับทราบครับ’ ก่อนยกมือไหว้ขอบคุณนางธิดา
ด้าน นพ.เหวงกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้สู้ต่อไป เพื่อประชาชน
โดยก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ นายพิธาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การเรียกร้องของ น.ส.เนติพร คงไม่สูญเปล่าแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของสิทธิในการประกันตัว สิทธิในการสู้คดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติในระบอบประชาธิปไตยที่มี นิติรัฐ นิติธรรม โดยตนพยายามเตือนไปยังผู้มีอำนาจมาหลายครั้งแล้ว
“จำได้ว่าช่วงเวลานี้ เมื่อช่วงปีที่แล้วที่ดินแดง ตอนที่จะปิดเลือกตั้ง ผมได้บอกว่าอย่าฆ่าอนาคต เพราะว่าถ้าเราทำให้ประเทศชาติมีระบบ นิติฐ นิติธรรม มีศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว ความสัมพันธ์ของทุกสถาบันหรือชาติ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการยุติธรรม กองทัพ รัฐบาล หรือรัฐสภา ก็จะช่วยกันหาทางออกในสิ่งที่เราอาจจะคิดเห็นตรงกัน และทำให้ไม่ต้องมีคดีทางการเมืองต่อมา
และก็ไม่ต้องกดดันหรือว่าบีบคั้นจนกระทั่งทำให้คนรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ก็มี ต่ำกว่า 30 ก็มีต้องเลือกในการที่จะสู้วิธีนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าเราทำให้ประเทศของเราที่มีระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์ประมุข สามารถที่จะมีเรื่องของ นิติรัฐ นิติธรรม และศรัทธา เราคงไม่ต้องผลักคนให้ออกไปจากแต่ละหน่วยงานในรัฐไทย เพียงแต่ว่าเขาแค่มีความคิดที่แตกต่างไปจากสิ่งที่รัฐต้องการให้เชื่อแบบนั้น ฉะนั้นเรื่องนี้ได้เตือนไปแล้วหลายครั้งทั้งในสภาฯ” นายพิธากล่าว
นายพิธากล่าวต่อว่า ปีที่แล้วก็พูดแบบนี้ว่า อย่าฆ่าอนาคตเพราะยังไงเขาก็เป็นอนาคตของพวกเรา ต้องหาวิธีในการพูดคุยโดยเริ่มต้นจาก นิติรัฐ นิติธรรม
“ซึ่งตรงนี้ผมมีข้อเรียกร้องอยู่สัก 5 ข้อ ไปที่ราชทัณฑ์เลยว่า 1.ความโปร่งใส ข้อเท็จจริง และมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยคืออะไร 2.กลับไปที่ต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรมคือ ตำรวจ ซึ่งเรื่องของคดีไม่คดีพวกนี้รัฐบาล นายกรัฐมนตรีเป็นคนคุมตำรวจโดยตรง น่าจะมีวิธีที่จะมาพูดคุยกันได้
3.เรียกร้องไปยังอัยการ 4.ในชั้นศาล เราแยกกันระหว่าง บริหาร ศาล และ สภาฯ ไม่สามารถที่จะเกี่ยวข้องกันได้
“แต่ผมคิดว่าประมุขของศาลฏีกา อย่างนายกรัฐมนตรี ถ้าเรามีนโยบายในเรื่องนี้ น่าจะถอนฟืนออกจากกองไฟ และทำให้เรื่องนี้มันทุเลาลงได้”
5.การนิรโทษกรรม “ข้อสุดท้ายเป็นปลายน้ำแล้ว ควรที่จะรีบทำออกมาได้แล้ว มันเป็นเวลานานแล้วที่ต้องมีคนบาดเจ็บล้มตาย เพียงเพราะความเห็นทางการเมือง และอายุต่ำลงเรื่อยๆ ตรงนี้คงไม่เป็นผลดีกับสถาบันไหนเลยในประเทศไทย นั่นคือสาเหตุที่เราอยากจะเอาเรื่องนี้เข้าไปคุยกันในสภาอย่างมีวุฒิภาวะ ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย และไม่ต้องบีบใครให้ออกไปสู้ด้วยชีวิตของตัวเองอย่างที่ คุณเนติพรต้องทำ” นายพิธากล่าว
นายพิธากล่าวต่อว่า สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ ตนคิดว่าคนที่มีอำนาจ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องเข้าใจว่าคนรุ่นนี้ไม่เหมือนกับคนรุ่นก่อน เขามีอิสระทางความคิดไม่สามารถที่จะมีใครชักจูงหรือชี้นำอะไรได้
“ถ้าเกิดชักจูงได้ในช่วงรัฐประหารที่ผ่านมา ค่านิยม 12 ประการป่านนี้คงจะเข้าไปอยู่ในหัวพวกเขาแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าคนรุ่นสมัยนี้ เสรีชน สมัยนี้มีความคิดเป็นอิสระของตัวเอง คราวนี้เมื่อมีอิสระขึ้นมา วิธีที่จะทำให้ชาติเป็นชาติ และสามารถอยู่ด้วยกันได้ถึงแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อไม่ให้มันสุดโต่งจนเกินไป มันจะบริหารจัดการอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้มีอำนาจทุกคน รวมถึงผมที่เป็นนักการเมืองอยู่ในสภาด้วย” นายพิธากล่าว
เมื่อถูกถามถึงกรณีของ น.ส.ทานตะวัน ว่าควรจะมีการประกันตัวหรือไม่ เพราะอาจเกิดกรณีซ้ำรอยน.ส.เนติพร ?
นายพิธากล่าวว่า ให้สันนิษฐานไปก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ทานตะวันหรือใคร เพราะว่าทุกคนควรมีสิทธิในการต่อสู้และสิทธิในการประกันตัว
หัวใจเสรีกระหึ่ม ‘สมยศ’ ลั่น 24 พ.ค.เจอกัน ยธ.-เปิด จม.น.ศ.เกาหลี เดือดปม ‘บุ้ง’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583376
หัวใจเสรีกระหึ่ม ‘สมยศ’ ลั่น 24 พ.ค.นี้เจอกัน ยธ.-เปิดจดหมาย 3 ข้อเรียกร้องจาก น.ศ.เกาหลี เดือดดาล ปม ‘บุ้งสิ้นลม’ ไม่ได้สิทธิประกัน
สืบเนื่องการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ซึ่งอดอาหารประท้วง หลังถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา กระทั่งมีอาการวิกฤตหัวใจหยุดเต้น จึงต้องส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี โดยแพทย์ได้ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต (CPR) แต่ไม่เป็นผลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อเวลา 11.22 น. วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นั้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ศาลา 7 วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การสวดพระอภิธรรมและพิธีฌาปนกิจศพ น.ส.เนติพร คืนที่ 3 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย เต็มไปด้วยครอบครัว ญาติ มิตรสหาย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ของ น.ส.เนติพร ตลอดจนนักกิจกรรมและประชาชน ที่ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและส่งพวงหรีดอย่างล้นหลาม
บรรยากาศเวลา 16.27 น. นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมด้วย น.ส.ธนพร วิจันทร์ แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และนายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี เดินทางมาถึง พร้อมเผยว่า สิ่งที่นำมาด้วยคือข้อเรียกร้องจาก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และสารจากสมาคมนักศึกษาไทย ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ที่ร่วมยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง
นายสมยศกล่าวว่า วันนี้มีสารจากนักศึกษามหาวิทยาลัยเกาหลี ซึ่งส่งมาเรียกร้องต่อเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เป็นภาษาอังกฤษ แต่จะให้ตัวแทนอ่านเป็นภาษาไทย และอยากจะเสริมเรื่องคดีทางการเมืองที่ผ่านมา
“ถ้าใครไปเปิดคดีอากง ก็สิ้นชีวิตอย่างปริศนา ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ คนที่ 2 คือหมอหยอง ซึ่งเป็นปริศนา น่าจะเป็นหลักฐานหนึ่ง ที่เชื่อมมาถึงปัจจุบันนี้ได้ด้วยว่า ราชทัณฑ์มีเจตนาบางประการที่จะไม่รักษาชีวิตคนเหล่านี้ไว้ มีเรื่องราวที่เป็นปริศนาหลายอย่าง รวมไปถึง พลโท มนัส คงแป้น ด้วย ในคดีค้ามนุษย์ ที่พูดเพราะว่า ผมเคยติดคุกมาก่อน เลยได้รับรู้เรื่องราวของกรณีเหล่านี้” นายสมยศกล่าว
นายสมยศกล่าวอีกว่า วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ เวลา 10.00 -12.00 น. กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ที่กระทรวงยุติธรรม
ซึ่งมีทั้งเรื่องสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีผู้ที่เกี่ยวข้องกับความตายของ น.ส.เนติพร ตามที่ทนายความได้พูดไปแล้ว ข้อที่ 2 จะเป็นเรื่อง ‘การปล่อยตัวนักโทษการเมืองและนิรโทษกรรมประชาชน’ ข้อที่ 3 คือ ‘ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม’
“3 ข้อนี้เป็นเจตนารมณ์ของ บุ้ง เนติพร ที่เคลื่อนไหวก่อนสิ้นชีวิต เราจะนำข้อเรียกร้องนี้ไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านด้วย“ นายสมยศกล่าว
จากนั้น เยาวชนหญิง เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของน.ส.เนติพร กล่าวข้อเรียกร้องและคำไว้อาลัยในจดหมายจากกลุ่ม Korean Young Generation สภานักศึกษา คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ และโรงเรียนประชาธิปไตยไร้พรมแดนในมหาวิทยาลัย Sungkanghoe ประเทศเกาหลีใต้
โดยหัวข้อของจดหมาย คือ ‘ความเดือดดาลต่อนักเคลื่อนไหวเยาวชนชาวไทย นางสาวเนติพร’ ซึ่งมีข้อความในจดหมาย ดังนี้
“นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม นักเคลื่อนไหวผู้ซึ่งต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพทางความคิดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ในด้านสิทธิมนุษยชน เธอได้เสียชีวิตลงในวันที่ 14 พฤษภาคมระหว่างการอดอาหารประท้วงในคุก ซึ่งเธอถูกจำคุกในข้อหาดูหมิ่น หรืออาฆาตมาดร้าย (ม.112) ซึ่งเป็นกฎหมายที่ทั่วโลกถือว่ามีความกดสิทธิกดเสียงเป็นอย่างมาก
เธออายุเพียงแค่ 28 ปี เราต้องไม่ละทิ้งความเดือดร้อนต่อการใช้กฎหมายในไทย ของหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งทำให้เธอต้องเสียชีวิตลง เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สังคมไทยล้มเหลวในการปกป้องเธอ สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยนั้นไร้ซึ่งพรมแดน
พวกเรากลุ่ม Korean Young Generation ขอเป็นส่วนหนึ่งในการไว้อาลัยต่อการตายของ น.ส.เนติพร และสนับสนุนการประท้วงเคลื่อนไหวอันกล้าหาญของเยาวชนไทย เพื่อมุ่งไปให้ถึงเป้าหมายที่น.ส.เนติพรใฝ่ฝันไว้ โดยพวกเรามีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. ขอให้ลงโทษทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตายของ น.ส.เนติพร
2. ขอยุติการดำเนินคดีทั้งหมด และขอให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด
3. ขอให้เลิกบังคับใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และยกเลิกมาตรา 112
จดหมายนี้เขียนขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2024 โดยสภานักศึกษา คณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Sungkanghoe โรงเรียนประชาธิปไตยไร้พรมแดนในมหาวิทยาลัย Sungkanghoe และสภานักศึกษาในคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกาหลี” เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของ น.ส.เนติพร กล่าว
บรรยากาศเวลา 18.40 น. พระสงฆ์ 4 รูปเข้าสู่ศาลา 7 ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชารัตนตรัย กล่าวอาราธนาศีล ก่อนเริ่มสวดพระอภิธรรม ทั้งนี้ หลังสวดพระอภิธรรมแล้วเสร็จ พระสงฆ์กล่าวคำแสดงธรรมเทศนา เนื้อหากล่าวถึงสัจธรรมของชีวิต รวมถึงเน้นย้ำว่าความสามัคคี คือลาภอันประเสริฐ เป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ