พิธา ยันก้าวไกลไม่ได้ฉวยโอกาสทางการเมือง แนะเยาวชน-นักเคลื่อนไหว เลือกชีวิตก่อนการต่อสู้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583671
พิธา ยันก้าวไกลไม่ได้ฉวยโอกาสทางการเมือง แนะเยาวชน-นักเคลื่อนไหว เลือกชีวิตก่อนการต่อสู้
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ภิรัชฮอลล์ ไบเทคบางนา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.
เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ
บุ้ง ทะลุวัง จะมีข้อเรียกร้องไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้างว่า ตนได้เรียกร้องไปยังกรมราชทัณฑ์ให้เปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส เพราะหากยังไม่ชัดเจน และเข้าใจผิด ก็จะทำให้เกิดความบาดหมางในสังคมมากขึ้น ตนก็เคารพเนื้อหาที่ นาย
กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิและมนุษยชน ได้แถลง แต่ก็ต้องการข้อมูลที่แท้จริงจากทางแพทย์ และข้อมูลการรักษาจากกรมราชทัณฑ์ด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อมูลว่า เสียบท่อเครื่องช่วยหายใจผิดเข้าไปในหลอดอาหาร แทนที่จะเป็นหลอดลม นาย
พิธา กล่าวว่า ขอให้สังคมตั้งสติ และตนรับฟังมาว่า พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อครอบครัวของ น.ส.
เนติพร ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ซึ่งหากครอบครัวไม่ติดอะไร การเปิดเผยข้อมูลนี้ออกมา คงได้ทราบข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า สังคมตั้งข้อสงสัยว่ากรณีดังกล่าวโยงกับคดี มาตรา 112 นาย
พิธา กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกันว่า การแก้ไข มาตรา 112 หรือการปฏิรูปสถาบัน เป็นหนึ่งในสิ่งที่ น.ส.
เนติพร เรียกร้อง ส่วนเหตุที่ทำให้ น.ส.
เนติพร ต้องอดอาหารเป็นเวลานาน เป็นเรื่องของการเข้าถึงสิทธิการประกันตัว น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ น.ส.
เนติพร และอีก 2-3 คนอดอาหาร มากกว่าเรื่องมาตรา 112
อย่างไรก็ตาม ตนพูดแทน น.ส.
เนติพร ไม่ได้ แต่เชื่อว่า น.ส.
เนติพร ต่อสู้เพื่อเพื่อน หรือคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย และสิทธิ์ในการประกันตัว รวมถึงการฝากขัง และเข้าถึงทนาย
เมื่อถามว่า ทําไม ส.ส.ก้าวไกล เพิ่งออกมาแสดงท่าทีหลังการเสียชีวิต เป็นการฉกฉวยโอกาสทางการเมืองหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน การเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน ไม่ว่ากลุ่มไหน ก็มีอิสระเป็นของตัวเอง ไม่ได้ยึดโยงกับพรรคการเมืองใด พรรคก้าวไกลเชื่อในหลักนิติรัฐ
นิติธรรม และหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสากล ที่เชื่อในบริบทประชาธิปไตย ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลกับคนหนุ่มสาว เห็นไปในทางเดียวกันทุกเรื่อง แม้จะเป็นฝั่งตรงข้าม แล้วถูกคุมขังโดยไม่ได้พิจารณา พรรคก้าวไกลก็จะออกมาพูดเหมือนกัน
“
ไม่ได้เป็นการฉกฉวยประโยชน์ทางการเมือง ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัวพวกเราอยู่แล้ว เราให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า ตนมีข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1.ความโปร่งใสชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์
2. ทางตำรวจและอัยการ ให้ตอบสนองนโยบายจากรัฐบาล ในการไม่เอาผิดจากผู้เห็นต่างทางการเมือง และชะลอคดีความ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลตำรวจโดยตรง ซึ่งถือเป็นต้นน้ำของการแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรม
3. การนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งถือเป็นปลายน้ำของการแก้ปัญหา ต้องเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกไป โดยเฉพาะอนาคตของชาติ ต้องไม่ให้เขาต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกต่อไป
นาย
พิธา กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลได้พยายามสื่อสารพูดคุยกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว และเยาวชน ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ว่าให้คิดถึงชีวิตตัวเองก่อน แต่เราก็ไม่สามารถก้าวก่ายความเด็ดเดี่ยวของเขาได้ ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้พบ จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อน เพราะการต่อสู้ยังอีกยาวนาน แต่จะฟังหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
นอกจากนี้ นาย
พิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กลับมาที่เรือนจำว่า ตนเห็นจากข่าวแล้ว เข้าใจว่า น.ส.
ทานตะวันคงจะเสียใจที่สูญเสียเพื่อน แต่ชีวิตตัวเองก็สำคัญ ตนเป็นห่วง จึงขอฝากพ่อแม่ของ น.ส.
ทานตะวัน ให้ดูแลด้วย
หมอเรวัต ชี้ เคสบุ้ง ใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องคือหายนะ ยัน การใส่ให้ถูก คือมาตรฐานวิชาชีพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583650
หมอเรวัต ชี้ เคสบุ้ง ใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องคือหายนะ ยัน เป็นมาตรฐาน ต้องสอบให้ผ่านก่อน ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นพ.
เรวัต วิศรุตเวช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร ว่า หากการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตรวจพบว่า มีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องทางคือไม่ผ่านเข้าทางหลอดลม แต่เป็นทางหลอดอาหารซึ่งในหลายกรณีก็อาจใส่ให้ถูกต้องได้ยาก แต่ประเด็นสำคัญต้องพิสูจน์ให้รู้ว่า ใส่ผิดหรือถูก ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะถ้าใส่ถูกช่องทาง ต้องได้ยินเสียงลมเข้าไปในปอดเมื่อบีบลมผ่านท่อด้วยการใช้หูฟัง ( Stethoscope) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการใส่ท่อช่วยหายใจ หากมีการใส่ผิดก็ต้องรีบดึงออกแล้วใส่ใหม่ทันที เพราะฉะนั้นถ้าใส่ผิดช่องทางแล้วผู้ปฏิบัติยังไม่รู้ และไม่พิสูจน์ให้แน่ใจมันคือหายนะ เป็นวิกฤตที่ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน เพราะปอดจะไม่ได้รับอ๊อกซิเจนเลย
ในประเด็นนี้กรมราชทัณฑ์อาจต้องตรวจสอบ ทั้งมาตรฐานของระบบ และมาตรฐานของบุคลากร การใส่ท่อช่วยหายใจให้ถูกช่องทางคือมาตรฐานที่ต้องสอบให้ผ่านก่อน ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต แพทยสภาในฐานะสภาวิชาชีพควรต้องใช้สถานการณ์นี้ร่วมแสดงบทบาทตรวจสอบมาตรฐานวิชาชีพเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ
พิธา ขอโทษชาวปทุม แจงเหตุไม่ส่งชิงนายก อบจ. รับหาคนพร้อมไม่ทัน ยันไม่ได้ส่งทุกจังหวัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583692
‘พิธา’ ขอโทษชาวปทุมฯ ปมเลี่ยงชิง นายก อบจ. เหตุเป็นคนใกล้ชิดผู้สมัครเดิม ระบุ ‘ก้าวไกล’ ไม่ส่งทุกจังหวัด ชี้เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ภิรัชฮอลล์ ไบเทคบางนา นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ที่มีการล้มกลางคัน เบื้องหลังเป็นอย่างไรว่า ต้องขอโทษชาว จ.ปทุมธานี ก่อนเป็นอย่างแรกที่พรรคก้าวไกลหาผู้สมัครที่มีความชัดเจนและมีความพร้อมไม่ได้ เพราะเนื่องจากเทคนิคทางการเมือง ทำให้เราหาได้ไม่ทันเวลา และมีการชิงลาออก ซึ่งตนก็ขอตั้งข้อสังเกต เพราะทำให้งบประมาณของชาวปทุมธานีต้องเสีย 2 ครั้ง เลือกนายก อบจ.ครั้งหนึ่งและการเลือกสจ.อีกครั้งหนึ่ง
นาย
พิธากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรายังมี ส.ส.ของปทุมธานีที่ยังทำงานลงพื้นที่ต่อไป และวันนี้ตนก็จะพบกับว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อีก 3 คน และเราจะเรียกเตรียมตัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเทคนิคแบบนี้ แม้ว่าจะทำได้ แต่ก็ไม่สง่างาม
เมื่อถามว่า จังหวัดอื่นๆ นอกจาก จ.ปทุมธานี ยังมีการลาออกด้วยเช่นกัน นาย
พิธากล่าวว่า จ.ปทุมธานี มีความพิเศษเพราะคนที่เราเตรียมมาเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เป็นคนใกล้ชิดของว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ที่ลาออกไป โดยที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำให้เราต้องหาคนใหม่ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วคนที่มีความพร้อมในตอนนี้เราก็หาไม่ได้ ปัญหาก็เลยเกิดขึ้น แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะเกิดที่ จ.ปทุมธานี เท่านั้น หากเป็นจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายเราก็พร้อมจะส่งคนลง
เมื่อถามว่า กลัวว่าจะเป็นเนื้อในเดียวกันใช่หรือไม่ นาย
พิธากล่าวว่า ใช่ ส่วน จ.นครสวรรค์ ที่มีกระแสว่าจะลาออกเช่นเดียวกันนั้น ก็ต้องเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม ขอใช้โอกาสในการฝากผู้สื่อข่าวถามกับคนในพื้นที่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวทำได้จริงหรือไม่ เหมือนกับรัฐบาลยุบสภา ทั้งนี้ เราเน้นคุณภาพมากกว่าจำนวน จึงไม่จำเป็นต้องส่งทุกจังหวัด
JJNY : พิธาแนะเยาวชน-นักเคลื่อนไหว│หมอเรวัตชี้เคสบุ้งใส่ท่อผิดคือหายนะ│พิธา ขอโทษชาวปทุม│อินโดฯยกระดับเตือนภัยสูงสุด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583671
พิธา ยันก้าวไกลไม่ได้ฉวยโอกาสทางการเมือง แนะเยาวชน-นักเคลื่อนไหว เลือกชีวิตก่อนการต่อสู้
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ภิรัชฮอลล์ ไบเทคบางนา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ทะลุวัง จะมีข้อเรียกร้องไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้างว่า ตนได้เรียกร้องไปยังกรมราชทัณฑ์ให้เปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส เพราะหากยังไม่ชัดเจน และเข้าใจผิด ก็จะทำให้เกิดความบาดหมางในสังคมมากขึ้น ตนก็เคารพเนื้อหาที่ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิและมนุษยชน ได้แถลง แต่ก็ต้องการข้อมูลที่แท้จริงจากทางแพทย์ และข้อมูลการรักษาจากกรมราชทัณฑ์ด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อมูลว่า เสียบท่อเครื่องช่วยหายใจผิดเข้าไปในหลอดอาหาร แทนที่จะเป็นหลอดลม นายพิธา กล่าวว่า ขอให้สังคมตั้งสติ และตนรับฟังมาว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อครอบครัวของ น.ส.เนติพร ในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ซึ่งหากครอบครัวไม่ติดอะไร การเปิดเผยข้อมูลนี้ออกมา คงได้ทราบข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า สังคมตั้งข้อสงสัยว่ากรณีดังกล่าวโยงกับคดี มาตรา 112 นายพิธา กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกันว่า การแก้ไข มาตรา 112 หรือการปฏิรูปสถาบัน เป็นหนึ่งในสิ่งที่ น.ส.เนติพร เรียกร้อง ส่วนเหตุที่ทำให้ น.ส.เนติพร ต้องอดอาหารเป็นเวลานาน เป็นเรื่องของการเข้าถึงสิทธิการประกันตัว น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ น.ส.เนติพร และอีก 2-3 คนอดอาหาร มากกว่าเรื่องมาตรา 112
อย่างไรก็ตาม ตนพูดแทน น.ส.เนติพร ไม่ได้ แต่เชื่อว่า น.ส.เนติพร ต่อสู้เพื่อเพื่อน หรือคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย และสิทธิ์ในการประกันตัว รวมถึงการฝากขัง และเข้าถึงทนาย
เมื่อถามว่า ทําไม ส.ส.ก้าวไกล เพิ่งออกมาแสดงท่าทีหลังการเสียชีวิต เป็นการฉกฉวยโอกาสทางการเมืองหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน การเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน ไม่ว่ากลุ่มไหน ก็มีอิสระเป็นของตัวเอง ไม่ได้ยึดโยงกับพรรคการเมืองใด พรรคก้าวไกลเชื่อในหลักนิติรัฐ
นิติธรรม และหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องสากล ที่เชื่อในบริบทประชาธิปไตย ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลกับคนหนุ่มสาว เห็นไปในทางเดียวกันทุกเรื่อง แม้จะเป็นฝั่งตรงข้าม แล้วถูกคุมขังโดยไม่ได้พิจารณา พรรคก้าวไกลก็จะออกมาพูดเหมือนกัน
“ไม่ได้เป็นการฉกฉวยประโยชน์ทางการเมือง ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัวพวกเราอยู่แล้ว เราให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตนมีข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1.ความโปร่งใสชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์
2. ทางตำรวจและอัยการ ให้ตอบสนองนโยบายจากรัฐบาล ในการไม่เอาผิดจากผู้เห็นต่างทางการเมือง และชะลอคดีความ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลตำรวจโดยตรง ซึ่งถือเป็นต้นน้ำของการแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรม
3. การนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งถือเป็นปลายน้ำของการแก้ปัญหา ต้องเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกไป โดยเฉพาะอนาคตของชาติ ต้องไม่ให้เขาต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกต่อไป
นายพิธา กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลได้พยายามสื่อสารพูดคุยกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว และเยาวชน ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ว่าให้คิดถึงชีวิตตัวเองก่อน แต่เราก็ไม่สามารถก้าวก่ายความเด็ดเดี่ยวของเขาได้ ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้พบ จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อน เพราะการต่อสู้ยังอีกยาวนาน แต่จะฟังหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา
นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กลับมาที่เรือนจำว่า ตนเห็นจากข่าวแล้ว เข้าใจว่า น.ส.ทานตะวันคงจะเสียใจที่สูญเสียเพื่อน แต่ชีวิตตัวเองก็สำคัญ ตนเป็นห่วง จึงขอฝากพ่อแม่ของ น.ส.ทานตะวัน ให้ดูแลด้วย
หมอเรวัต ชี้ เคสบุ้ง ใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องคือหายนะ ยัน การใส่ให้ถูก คือมาตรฐานวิชาชีพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583650
หมอเรวัต ชี้ เคสบุ้ง ใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องคือหายนะ ยัน เป็นมาตรฐาน ต้องสอบให้ผ่านก่อน ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นพ.เรวัต วิศรุตเวช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของบุ้ง เนติพร ว่า หากการชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตรวจพบว่า มีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดช่องทางคือไม่ผ่านเข้าทางหลอดลม แต่เป็นทางหลอดอาหารซึ่งในหลายกรณีก็อาจใส่ให้ถูกต้องได้ยาก แต่ประเด็นสำคัญต้องพิสูจน์ให้รู้ว่า ใส่ผิดหรือถูก ซึ่งตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะถ้าใส่ถูกช่องทาง ต้องได้ยินเสียงลมเข้าไปในปอดเมื่อบีบลมผ่านท่อด้วยการใช้หูฟัง ( Stethoscope) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานการใส่ท่อช่วยหายใจ หากมีการใส่ผิดก็ต้องรีบดึงออกแล้วใส่ใหม่ทันที เพราะฉะนั้นถ้าใส่ผิดช่องทางแล้วผู้ปฏิบัติยังไม่รู้ และไม่พิสูจน์ให้แน่ใจมันคือหายนะ เป็นวิกฤตที่ทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน เพราะปอดจะไม่ได้รับอ๊อกซิเจนเลย
ในประเด็นนี้กรมราชทัณฑ์อาจต้องตรวจสอบ ทั้งมาตรฐานของระบบ และมาตรฐานของบุคลากร การใส่ท่อช่วยหายใจให้ถูกช่องทางคือมาตรฐานที่ต้องสอบให้ผ่านก่อน ถ้าไม่ผ่านคือการทำลายชีวิต แพทยสภาในฐานะสภาวิชาชีพควรต้องใช้สถานการณ์นี้ร่วมแสดงบทบาทตรวจสอบมาตรฐานวิชาชีพเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ
พิธา ขอโทษชาวปทุม แจงเหตุไม่ส่งชิงนายก อบจ. รับหาคนพร้อมไม่ทัน ยันไม่ได้ส่งทุกจังหวัด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4583692
‘พิธา’ ขอโทษชาวปทุมฯ ปมเลี่ยงชิง นายก อบจ. เหตุเป็นคนใกล้ชิดผู้สมัครเดิม ระบุ ‘ก้าวไกล’ ไม่ส่งทุกจังหวัด ชี้เน้นคุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ภิรัชฮอลล์ ไบเทคบางนา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ที่มีการล้มกลางคัน เบื้องหลังเป็นอย่างไรว่า ต้องขอโทษชาว จ.ปทุมธานี ก่อนเป็นอย่างแรกที่พรรคก้าวไกลหาผู้สมัครที่มีความชัดเจนและมีความพร้อมไม่ได้ เพราะเนื่องจากเทคนิคทางการเมือง ทำให้เราหาได้ไม่ทันเวลา และมีการชิงลาออก ซึ่งตนก็ขอตั้งข้อสังเกต เพราะทำให้งบประมาณของชาวปทุมธานีต้องเสีย 2 ครั้ง เลือกนายก อบจ.ครั้งหนึ่งและการเลือกสจ.อีกครั้งหนึ่ง
นายพิธากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรายังมี ส.ส.ของปทุมธานีที่ยังทำงานลงพื้นที่ต่อไป และวันนี้ตนก็จะพบกับว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.อีก 3 คน และเราจะเรียกเตรียมตัว เพราะรู้อยู่แล้วว่าเทคนิคแบบนี้ แม้ว่าจะทำได้ แต่ก็ไม่สง่างาม
เมื่อถามว่า จังหวัดอื่นๆ นอกจาก จ.ปทุมธานี ยังมีการลาออกด้วยเช่นกัน นายพิธากล่าวว่า จ.ปทุมธานี มีความพิเศษเพราะคนที่เราเตรียมมาเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เป็นคนใกล้ชิดของว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ที่ลาออกไป โดยที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทำให้เราต้องหาคนใหม่ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วคนที่มีความพร้อมในตอนนี้เราก็หาไม่ได้ ปัญหาก็เลยเกิดขึ้น แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะเกิดที่ จ.ปทุมธานี เท่านั้น หากเป็นจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายเราก็พร้อมจะส่งคนลง
เมื่อถามว่า กลัวว่าจะเป็นเนื้อในเดียวกันใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ใช่ ส่วน จ.นครสวรรค์ ที่มีกระแสว่าจะลาออกเช่นเดียวกันนั้น ก็ต้องเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม ขอใช้โอกาสในการฝากผู้สื่อข่าวถามกับคนในพื้นที่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวทำได้จริงหรือไม่ เหมือนกับรัฐบาลยุบสภา ทั้งนี้ เราเน้นคุณภาพมากกว่าจำนวน จึงไม่จำเป็นต้องส่งทุกจังหวัด