JJNY : 5in1 ‘จิรัฏฐ์’ มาตามนัด│‘จุลพงศ์’ ชี้ไม่เหมาะสม│ก้าวไกลโต้ปมขอเลขบัตร│กกร.หั่นจีดีพี│สหรัฐเจอกับสภาพอากาศเลวร้าย

‘จิรัฏฐ์’ มาตามนัด หลังถูกหมายเรียกครั้งที่ 2 รับทราบข้อกล่าวหา “ปลอม สด.43”
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8221489
 
 
‘จิรัฏฐ์’ มาตามนัด หลังถูกหมายเรียกครั้งที่ 2 รับทราบข้อกล่าวหา “คดีปลอม สด.43” ยันไม่ได้ปลอมใบ สด.43 แน่นอน ทำแล้วได้ประโยชน์อะไร เชื่อถูกดิสเครดิต
 
กรณี ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ส่ง นายทหารพระธรรมนูญ เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เรื่องที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์  สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ปลอมแปลง หรือใช้เอกสารราชการปลอม ปมโชว์ใบ สด.43
 
โดยพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ออกหมายเรียก ให้ นายจิรัฏฐ์ เข้ารายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่นายจิรัฏฐ์ส่งทนายความมาแจ้งขอเลื่อนเข้ารายงานตัวด้วยเหตุผลว่าติดภารกิจสำคัญ ก่อนที่ทางเพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ (8 พ.ค.)
 
เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่ 8 พ.ค.2567 ที่ สน.ประชาชื่น นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล พร้อมทนายความเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ข้อหาปลอมแปลงหรือใช้เอกสารทางราชการปลอม กรณีเกิดข้อสงสัยการได้มาซึ่งใบผ่านการเกณฑ์ทหาร หรือใบ สด.43 หลังพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2
 
นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหาปลอมแปลงหรือใช้เอกสารทางราชการปลอม หลังพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2
 
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า วันนี้เตรียมเอกสารอะไรมาให้พนักงานสอบสวนบ้าง นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เรื่องรายละเอียดขอให้เป็นไปตามสำนวนดีกว่า
 
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากังวลหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวล เพราะยืนยันว่าเอกสารที่นำมาแสดง เป็นเอกสารที่ได้รับจากหน่วยงานราชการแน่นอน ไม่ได้ปลอม เพราะเป็นเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการยืนยัน ว่าตนผ่านกระบวนการในอดีตมาแล้ว ซึ่งไม่ได้มีผลทางกฎหมายอยู่แล้ว
 
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีตราประทับลายนิ้วมือนั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้ขอเป็นการให้การทางสำนวน แต่มั่นใจว่าสามารถต่อสู้ในประเด็นนี้ได้ เพราะว่ามันเป็นเอกสารถูกต้องอย่างแน่นอน
 
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าถูกแจ้งความแบบนี้ รู้สึกอย่างไร นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เอกสารต่างๆ ที่ตนนำมาแสดงยืนยันว่าตนเคยผ่านกระบวนการทางราชการในอดีตมาแล้ว มองว่าหน่วยงานราชการไม่ได้มีหน้าที่ในการตรวจสอบ เอกสารราชการที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์
 
ไม่เช่นนั้นต้องตรวจสอบทุกคน อีกทั้งเป็นเอกสารที่หมดอายุความไปแล้ว ไม่มีผลทางกฎหมาย การกระทำเช่นนี้มองว่าเป็นการดิสเครดิต
เมื่อถามย้ำว่า วันนี้ได้นำใบ สด.43 ตัวจริงมาแสดงหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ขอให้ทนายจัดการ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่าติดต่อคนที่เซ็นลายเซ็นหรือยัง นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตนในการไปตรวจสอบว่าใครเป็นคนเซ็น และไม่ใช่หน้าที่ตนในการทำเอกสารฉบับนี้ออกมา
 
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีรายงานว่าทางกองทัพไม่มีต้นขั้วใบ สด.43 นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เขาบอกว่าไม่มีต้นขั้วของนายนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ (ชื่อเดิมของนายจิรัฏฐ์) ตนยังไม่ได้ยินว่าไม่มีต้นขั้วของจิรัฏฐ์
 
ส่วนประชาชนที่มีลักษณะคล้ายตน ก็ต้องสอบถามทางกองทัพว่าได้ตรวจสอบทุกคนที่โพสต์ลงสื่อออนไลน์หรือไม่ว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอม ตนคงไม่เข้าไปก้าวก่ายหน้าที่ของทางราชการ และยืนยันว่าที่นำออกมาโชว์นั้นเป็นใบจริงอย่างแน่นอน
 
ผมไม่ปลอมแปลงอยู่แล้วครับ มันเป็นเอกสารตั้งแต่ 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่รู้จะปลอมแปลงขึ้นมาทำไม ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้วครับ“ นายจิรัฏฐ์ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์นี้อาจเป็นเพราะนายจิรัฏฐ์จี้เรื่องปฏิรูปกองทัพหรือไม่ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ใช่ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ ยังมีกระบวนการ IO รวมถึงกระบวนการขัดขวางการทำงานตลอดอยู่แล้ว
 
หลังให้สัมภาษณ์ นายจิรัฏฐ์ เดินทางขึ้นไปพบ ร.ต.ท.ณรงค์ชัย อุดม สว.(สอบสวน) สน.ประชาชื่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
 


‘จุลพงศ์’ ชี้ไม่เหมาะสม ‘ทักษิณ’ เจรจา ‘กลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา’ แต่รัฐบาล น้ำท่วมปาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4565891

‘จุลพงศ์’ มอง ‘ทักษิณ’ เจรจา ‘กลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา’ ไม่เหมาะสม แต่ ‘รัฐบาล‘ ก็น้ำท่วมปาก เหตุไม่รู้จะกำหนดบทบาทอย่างไร สงสัยอาจเป็นประเด็นกดดัน ‘ปานปรีย์’ ด้วยหรือไม่

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจรจากับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมา ว่า ในส่วนของนายทักษิณเอง เราคงไปห้ามอะไรไม่ได้ แต่ที่ตนแปลกใจ ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลับบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแน่ๆ เพราะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ส่วนมองว่าเรื่องนี้ รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลน่าจะทราบ แต่ก็ไม่รู้จะกำหนดบทบาทอย่างไร รัฐบาลก็ลำบาก เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะนายทักษิณเอง ก็มีอิทธิพลในเชิงความคิดของรัฐบาลอยู่แล้ว

นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ถ้ามองกลับไป ตนสงสัย แต่ไม่ทราบว่า ประเด็นนี้จะเป็นเหตุหนึ่งที่กดดัน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ เนื่องจากนายปานปรีย์ ยึดตามหลักการ ส่วนตัวจากที่มีโอกาสคุยกันนายปานปรีย์พยายามจะสร้างสันติภาพ ด้วยการชูบทบาทอาเซียน ไม่เอาประเทศไทยแยกออกจากอาเซียน ไม่เหมือนกับรัฐบาลสมัยที่แล้ว ที่ลอบไปเจรจากับทหารเมียนมา โดยไม่บอกอาเซียน ซึ่งทำให้ประธานอาเซียนคนเก่าไม่พอใจ

ส่วนการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ จะผิดเงื่อนไขการพักโทษของนายทักษิณหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนไม่รู้เงื่อนไขการพักโทษของกระทรวงยุติธรรม แต่ถ้ามองในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศภาพรวมอาเซียน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ในการที่บุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษเข้าไปเจรจากับกลุ่มที่ต่อสู้กับรัฐบาลเมียนมา เพราะถ้ามองในมุมของรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งกำลังต่อสู้กันสองฝ่าย แต่เรากลับไปเจรจากับกลุ่มเดียว หากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่เห็นชอบด้วย หรือไม่พอใจ มันก็ไม่มีทางสำเร็จได้.



ก้าวไกลโต้ ปมขอเลขบัตรปชช. เป็นแบบฟอร์ม กกต.กำหนด ไล่ถามเหตุผลเอาเอง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4565880

ก้าวไกลโต้ ปมขอเลขบัตรปชช. เป็นแบบฟอร์ม กกต.กำหนด ไล่ถามเหตุผลเอาเอง

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่เพจดังออกมาตั้งคำถามที่พรรคก้าวไกลให้ประชาชนกรอกเลขบัตรประชาชน ในกรณีลงพื้นที่รับฟังปัญหาผลกระทบของโรงงานเก็บสารเคมีของ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ว่า งบจากส่วนนี้เป็นงบกองทุนพัฒนาการเมืองที่มาจากการบริจาคเงินภาษีของประชาชน เพื่อใช้ในกิจกรรมทางการเมือง โดยต้องอนุมัติโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบบฟอร์มทั้งหมดก็มาจาก กกต. เพื่อให้พรรคก้าวไกลใช้เงินที่พี่น้องประชาชนบริจาคให้พรรค ซึ่งพรรคก้าวไกลเลือกใช้เงินในส่วนนี้ไปกับการจัดเวทีรับฟังความเห็น ข้อเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งถือเป็นการใช้เงินจากระบบพัฒนาการเมือง
 
ทำไมต้องขอเลขบัตรประชาชน คำถามนี้ต้องตั้งไปถึง กกต.ถึงการออกแบบฟอร์มนี้ขึ้นมากับการใช้งบประมาณที่พี่น้องประชาชนบริจาคให้กับพรรคการเมืองต่างๆ และเวทีนั้นนับเป็นการเสวนาได้หรือไม่ที่พรรคก้าวไกลจัด ผมคิดว่าได้ เพราะให้ประชาชนได้พูด ได้มีส่วนร่วม ถามตอบต่อผู้เข้าร่วม” นายชุติพงศ์ กล่าว



กกร. หั่นจีดีพี ไทยปี67 โตสุดแค่ 2.7% ค้านขึ้นค่าแรง 400บาททั่วปท. หวั่นกระทบศก.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8221643

กกร. หั่นจีดีพี ไทยปี67 โตสุดแค่ 2.7% คาดส่งออกโตเพียง 1.5% แนะรัฐบาล กระตุ้นกำลังซื้อ จ่อยื่นหนังสือ ก.แรงงาน ค้านขึ้นค่าแรง 400 บาททั่วประเทศ
 
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.2-2.7% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 2.8-3.3%
 
เนื่องจากคาดว่าการส่งออกจะมีแนวโน้มโตได้เพียง 0.5-1.5% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 2-3% ตามทิศทางการค้าโลกที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และเงินเฟ้อคาดอยู่ที่ 0.5-1% จากเดิมคาดไว้ที่ 0.7-1.2%
 
นอกจากนี้ ในระยะข้างหน้ายังต้องติดตามความผันผวนของค่าเงิน ตามการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มนโยบายการเงินสหรัฐ การเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 ที่เริ่มเบิกจ่ายได้เร็วจะช่วยหนุนการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงการมีมาตรการสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ และเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
 
ทั้งนี้ กกร. ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาท เพราะเป็นอัตราค่าจ้างที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง จะเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะกระทบขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ
 
กกร.จะทำหนังสือถึงกระทรวงแรงงาน เพื่อขอคัดค้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ และหารือถึงแนวทางการปรับขึ้นค่าแรงให้เหมาะสม รวมทั้งจะหารือกับภาคเอกชนในแต่ละจังหวัดถึงผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอต่อการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อนำเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายจังหวัด ตามกลไกการพิจารณาของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี)” นายเกรียงไกร กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่