ก่อนจองตั๋วไป Saudi Arabia มานั่งเลือกว่าจะลงเมืองไหนดี ไปไหนดี เมือง Jeddah อันเก่าแก่ติดชายฝั่ง Red Sea ก็น่าสนใจ หรือเมือง AlUla ที่มีธรรมชาติสวย ตึกกระจก Maraya กลางทะเลทราย และที่พักที่เป็น Dream Destination อย่าง Our Habitas และ Caravan แต่ราคาต่อคืนหลายหมื่นไม่คุ้มกับการเดินทางคนเดียว เลยตัดสินใจเลือกมา Riyadh ก่อนค่ะ เมืองอื่นรอโอกาสอันเหมาะสม คงได้เจอกัน
เดินทางกับสายการบิน Etihad Airways อาหารอร่อย ผลไม้โยเกริตอร่อยมากค่ะ บนเครื่องมีหมอน ผ้าห่ม และ Sleeping set ให้ตามปกติ เราต่อเครื่องที่ Abu Dhabi 2 ชม.เป็นหกโมงเช้าที่แดดจ้าท่ามกลางอุณหภูมิด้านนอก 35 องศา สนามบิน Zayed International Airport ต้องผ่าน Transfer gate ก่อนนะคะ เดินเรื่อยๆทันเรียกขึ้นเครื่องพอดีเป้ะ ด้านในเกทมีเก้าอี้เอนนอนรอสบาย Free wifi อีกต่างหาก
(Abu Dhabi)
[ ข้อมูลสำหรับการเดินทาง ]
ภาษา (Languages) : Arabic , English
วีซ่า (Visa) : (Update May2024) ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อ Eligible Countries ในการขอ eVisa และ Visa on Arrival
ข้อมูลจาก www.saudia.com สำหรับ Visa on arrival มีเงื่อนไขคือต้องมีวีซ่า USA, UK, Schengen ที่ยังไม่หมดอายุ (ประเภทวีซ่าได้ทั้ง tourist หรือ business) เคยเดินทางเข้าออกอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยมีตราแสตมป์ประทับด้วย
ส่วนของเราตั้งใจจะทำ eVisa online ไปก่อน แต่นามสกุลยาวเกินไป กรอกข้อมูลไม่ได้ ถึงสนามบิน Riyadh ไม่มีตู้ Kiosk นะคะ ให้เข้าแถวช่อง Visa on arrival ได้เลย ตม.ไม่ขอดูเอกสารอะไรทั้งนั้น เราเริ่มทักทายเป็นอารบิก ตม.ใจดีมาก ให้สอนพูด ‘สวัสดีค่ะ’ แสตมป์พาสปอร์ตแล้วเดินผ่านออกมาได้เลย ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้ จ่ายหนึ่งครั้งจะได้วีซ่า Multiple entry 90 วัน (Tourism, Umrah, Meetings, Conferences, Business Events and meeting family members)
ขั้นตอนขอ eVisa
1.เข้าเวป visa.visitsaudi.com
2.กรอกข้อมูลส่วนตัว ที่พัก แนบรูปถ่าย
3.จ่ายค่าวีซ่า ตัดบัตรเครดิต
4.ใช้เวลาพิจารณาวีซ่า 30 นาที จนถึง 48 ชั่วโมง
ขั้นตอนขอ Visa on Arrival
1.เข้าแถว Visa on arrival
2.จ่ายบัตรเครดิต 395 SAR
*กรณีนี้บางสายการบินขอดูบัตรเครดิตก่อนเช็คอินด้วยค่ะ เช่น Qatar Airways ส่วนเราบินกับ Etihad Airways ไม่ได้ขอดูค่ะ
สกุลเงิน (Currency) : SAR(ริยาด) x10 เป็นเงินไทยคร่าวๆ ที่นี่แลกเงินในธนาคาร ใครอยากแลกเงินไทยส่วนใหญ่แลกได้แบงก์พัน
Time Zone : ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง
Insurance : เลือกซื้อประกันวงเงินสูงสุด เพราะระบบ Health Care แพงมาก กรณีทำ eVisa จะรวมประกันอยู่แล้วนะคะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหตุผลที่เลือกทริปนี้ สิ่งที่ดึงดูดให้อยากเดินทางมามากที่สุดคือที่นี่ ว่าแล้วเสียง Soundtrack หนังเรื่อง Dune ก็ดังขึ้นมาเลย
90 กม.ห่างออกมาทางตอนเหนือของเมืองหลวงริยาด มีสิ่งมหัศจรรย์ที่มีชื่อในภาษาท้องถิ่นว่า Jebel Fihrayn หรือนักท่องเที่ยวรู้จักในนามของ Edge of the World แนวหน้าผาอันยิ่งใหญ่ของ Tuwaiq Mountain ในอดีต ผืนดินเวิ้งว้างเบื้องล่างเคยเป็นแนวทางแม่น้ำไหลผ่าน ปัจจุบันมองเห็นเพียงเกลียวคลื่นของดินทราย และเป็นทางเดินของอูฐ

เราจองทัวร์ Edge of the World ราคา 300 SAR เดินทางวันที่ 02.05.2024 นั่ง Uber จากที่พักถึงจุดนัดพบห้าง Carrefour แถว Irqah ตอน 13.15 น. วันนี้อากาศร้อน 32 องศา ทัวร์เริ่ม 15.00 น.มีรถ 4x4 มารับพร้อมเพื่อนๆอีก 5-6 คน ก่อนพ้นตัวเมืองขับรถผ่าน New murabba ที่กำลังสร้างใหญ่โตมาก ประเทศนี้สร้างเมืองสร้างป่าขึ้นกลางทะเลทรายกันเลยทีเดียว

คอนทราสกับความเจริญในเมือง พวกเราเริ่มเข้าเขตทะเลทราย จอดแวะถ่ายรูปกับอูฐแป้บนึงก่อนไปมุดถ้ำชมทรัพยากรแร่ธาตุใต้ดินกันที่ Hidden cave ค่ะ
มุ่งหน้าไปต่อกันที่จุดหมายปลายทางของวันนี้กันค่ะ ถึงจะร้อนแต่ก็รู้สึกโชคดี เพราะถ้าฝนตกพายุเข้าละก็ ทัวร์วันนี้คงได้ยกเลิกเหมือนเมื่อวานแน่นอน เราเดินจากจุดจอดรถไปอีกพัก ขึ้นๆลงๆเนินเขาพอได้เหงื่อเล็กน้อย

หน้าผาค่อยๆปรากฎให้เห็น แสงตรงเส้นขอบฟ้าสะท้อนสิ่งรอบตัวเป็นสีทองไปหมด แห้งแล้งแต่มีมนต์ขลัง จุดชมพระอาทิตย์ตกมีทั้งสองฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นแท่นโขดหินไว้นั่งชมธรรมชาติเงียบๆ คนน้อยกว่า สงบกว่า
เดินมาฝั่งขวา จุดนี้เป็นไฮไลท์คนชอบมาถ่ายรูปตรงยอดของแท่นหินที่ยื่นเข้าไปในทะเลทราย ให้บรรยากาศความสุดขอบโลกที่แท้จริง ช่างเป็นการชม Sunset ที่มีความสุขมากค่ะ

อาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกอย่างมืดลงอย่างรวดเร็ว ลมเย็นพัดสดชื่น เรารีบเดินกลับมาที่รถ เมื่อมาถึงอาหารก็พร้อมเสริฟบนพรมแล้ว เมนูเย็นนี้คือข้าวผัด ต้มไก่ และสลัดแขกค่ะ
กินอิ่มก็นั่งย่อยดูดาวเต็มฟ้าไปพลางๆ ทักทายทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ครึกครื้นดีค่ะ

อ่านรายละเอียดทัวร์ www.riyadhhiking.com หรือติดต่อ Whatsapp +966 55 450 8867 ยังมีกิจกรรม Red sand dunes ที่น่าสนใจอีกด้วยค่ะ
ย้อนกลับไปในวันแรก ทันทีที่เครื่อง Landing ฝนตกหนัก เริ่มต้นได้เย็นฉ่ำทีเดียว อากาศเช้าวันนั้นประมาณ 20 องศา
ที่พักใน Riyadh ราคาค่อนข้างสูง ย่านใจกลางเมืองคือแถว Olaya รอบนี้เราไม่ได้เช่ารถขับนะคะ แพลนเที่ยวละแวกในเมือง อีกอย่างการจราจรดูวุ่นวาย บีบแตรถี่สไตล์แขกอ่ะนะ นึกถึงตอน Road trip ในจอร์แดนแล้วปวดหัวขึ้นมาเลยค่ะ
Public transportation ณ ตอนนี้ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ต้องรออีก 2 ปี Metro สร้างเสร็จ น่าจะสะดวกและประหยัดกว่านี้ ทริปนี้ใช้จ่ายกับ Uber เยอะที่สุด เดินทางคนเดียวไม่มีคนหารด้วย แต่เพื่อนที่โฮสเทลแนะนำ App Kaiian ราคาถูกกว่า หรือถ้าใครใช้บริการ Taxi ราคาเริ่มต้น 15 SAR หรือเช่ารถก็ได้ ที่นี่พวงมาลัยซ้ายชิดขวานะคะ

เย็นวันนี้เราลอง City walk ดูค่ะ เพราะหลังฝนตกอากาศเย็นสบาย ฟุตบาทเมืองนี้จะแปลกหน่อย เดินไปสักพักฟุตบาทหาย ฮ่า… หายแค่ช่วงสั้นๆนะคะ เราเดินจากแถว Al Murabba ไปย่าน Olaya ไม่น่าเชื่อว่าจะเดินไปถึง Kingdom Tower เลย ระยะทาง 6.3 กม. เดินตามเส้น Metro ที่กำลังก่อสร้างเลย ถ้าถามเรื่องความปลอดภัย ส่วนตัวคิดว่าปลอดภัยกว่าย่าน Al Bathaa ที่เป็นท่ารถ ตึกร้างเก่าๆค่ะ
ระหว่างทางมี Supermarket ตลอดทาง ซื้อน้ำจิบได้บ่อย เจอต้าวเหมียวมอมแมมข้างทางหลายตัวเลยค่ะ

เดินถึง King Fahad Library Park จุดใกล้กับ ice cream truck มี Riyadh bus tour ขายช่วงเวลา 19.00-01.00 น. รถวนให้ชมวิว Al Faisliah Tower, Kingdom Tower, KAFD, Digital City และอื่นๆ ราคา 35 SAR รับเงินสดเท่านั้นนะคะ

แวะพักเหนื่อยในห้าง Al Faisaliah mall ติดกันเป็นโรงแรม Luxury กำลังก่อสร้าง หลายตึกใจกลาง Olaya หรูหราและใหญ่โตมากค่ะ
InspireMyJourneys in Riyadh, Saudi Arabia | เที่ยวเมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ก่อนจองตั๋วไป Saudi Arabia มานั่งเลือกว่าจะลงเมืองไหนดี ไปไหนดี เมือง Jeddah อันเก่าแก่ติดชายฝั่ง Red Sea ก็น่าสนใจ หรือเมือง AlUla ที่มีธรรมชาติสวย ตึกกระจก Maraya กลางทะเลทราย และที่พักที่เป็น Dream Destination อย่าง Our Habitas และ Caravan แต่ราคาต่อคืนหลายหมื่นไม่คุ้มกับการเดินทางคนเดียว เลยตัดสินใจเลือกมา Riyadh ก่อนค่ะ เมืองอื่นรอโอกาสอันเหมาะสม คงได้เจอกัน
เดินทางกับสายการบิน Etihad Airways อาหารอร่อย ผลไม้โยเกริตอร่อยมากค่ะ บนเครื่องมีหมอน ผ้าห่ม และ Sleeping set ให้ตามปกติ เราต่อเครื่องที่ Abu Dhabi 2 ชม.เป็นหกโมงเช้าที่แดดจ้าท่ามกลางอุณหภูมิด้านนอก 35 องศา สนามบิน Zayed International Airport ต้องผ่าน Transfer gate ก่อนนะคะ เดินเรื่อยๆทันเรียกขึ้นเครื่องพอดีเป้ะ ด้านในเกทมีเก้าอี้เอนนอนรอสบาย Free wifi อีกต่างหาก
วีซ่า (Visa) : (Update May2024) ประเทศไทยอยู่ในรายชื่อ Eligible Countries ในการขอ eVisa และ Visa on Arrival
ข้อมูลจาก www.saudia.com สำหรับ Visa on arrival มีเงื่อนไขคือต้องมีวีซ่า USA, UK, Schengen ที่ยังไม่หมดอายุ (ประเภทวีซ่าได้ทั้ง tourist หรือ business) เคยเดินทางเข้าออกอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยมีตราแสตมป์ประทับด้วย
ส่วนของเราตั้งใจจะทำ eVisa online ไปก่อน แต่นามสกุลยาวเกินไป กรอกข้อมูลไม่ได้ ถึงสนามบิน Riyadh ไม่มีตู้ Kiosk นะคะ ให้เข้าแถวช่อง Visa on arrival ได้เลย ตม.ไม่ขอดูเอกสารอะไรทั้งนั้น เราเริ่มทักทายเป็นอารบิก ตม.ใจดีมาก ให้สอนพูด ‘สวัสดีค่ะ’ แสตมป์พาสปอร์ตแล้วเดินผ่านออกมาได้เลย ไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้ จ่ายหนึ่งครั้งจะได้วีซ่า Multiple entry 90 วัน (Tourism, Umrah, Meetings, Conferences, Business Events and meeting family members)
ขั้นตอนขอ eVisa
1.เข้าเวป visa.visitsaudi.com
2.กรอกข้อมูลส่วนตัว ที่พัก แนบรูปถ่าย
3.จ่ายค่าวีซ่า ตัดบัตรเครดิต
4.ใช้เวลาพิจารณาวีซ่า 30 นาที จนถึง 48 ชั่วโมง
ขั้นตอนขอ Visa on Arrival
1.เข้าแถว Visa on arrival
2.จ่ายบัตรเครดิต 395 SAR
*กรณีนี้บางสายการบินขอดูบัตรเครดิตก่อนเช็คอินด้วยค่ะ เช่น Qatar Airways ส่วนเราบินกับ Etihad Airways ไม่ได้ขอดูค่ะ
สกุลเงิน (Currency) : SAR(ริยาด) x10 เป็นเงินไทยคร่าวๆ ที่นี่แลกเงินในธนาคาร ใครอยากแลกเงินไทยส่วนใหญ่แลกได้แบงก์พัน
Time Zone : ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง
Insurance : เลือกซื้อประกันวงเงินสูงสุด เพราะระบบ Health Care แพงมาก กรณีทำ eVisa จะรวมประกันอยู่แล้วนะคะ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหตุผลที่เลือกทริปนี้ สิ่งที่ดึงดูดให้อยากเดินทางมามากที่สุดคือที่นี่ ว่าแล้วเสียง Soundtrack หนังเรื่อง Dune ก็ดังขึ้นมาเลย
90 กม.ห่างออกมาทางตอนเหนือของเมืองหลวงริยาด มีสิ่งมหัศจรรย์ที่มีชื่อในภาษาท้องถิ่นว่า Jebel Fihrayn หรือนักท่องเที่ยวรู้จักในนามของ Edge of the World แนวหน้าผาอันยิ่งใหญ่ของ Tuwaiq Mountain ในอดีต ผืนดินเวิ้งว้างเบื้องล่างเคยเป็นแนวทางแม่น้ำไหลผ่าน ปัจจุบันมองเห็นเพียงเกลียวคลื่นของดินทราย และเป็นทางเดินของอูฐ
เราจองทัวร์ Edge of the World ราคา 300 SAR เดินทางวันที่ 02.05.2024 นั่ง Uber จากที่พักถึงจุดนัดพบห้าง Carrefour แถว Irqah ตอน 13.15 น. วันนี้อากาศร้อน 32 องศา ทัวร์เริ่ม 15.00 น.มีรถ 4x4 มารับพร้อมเพื่อนๆอีก 5-6 คน ก่อนพ้นตัวเมืองขับรถผ่าน New murabba ที่กำลังสร้างใหญ่โตมาก ประเทศนี้สร้างเมืองสร้างป่าขึ้นกลางทะเลทรายกันเลยทีเดียว
คอนทราสกับความเจริญในเมือง พวกเราเริ่มเข้าเขตทะเลทราย จอดแวะถ่ายรูปกับอูฐแป้บนึงก่อนไปมุดถ้ำชมทรัพยากรแร่ธาตุใต้ดินกันที่ Hidden cave ค่ะ
มุ่งหน้าไปต่อกันที่จุดหมายปลายทางของวันนี้กันค่ะ ถึงจะร้อนแต่ก็รู้สึกโชคดี เพราะถ้าฝนตกพายุเข้าละก็ ทัวร์วันนี้คงได้ยกเลิกเหมือนเมื่อวานแน่นอน เราเดินจากจุดจอดรถไปอีกพัก ขึ้นๆลงๆเนินเขาพอได้เหงื่อเล็กน้อย
หน้าผาค่อยๆปรากฎให้เห็น แสงตรงเส้นขอบฟ้าสะท้อนสิ่งรอบตัวเป็นสีทองไปหมด แห้งแล้งแต่มีมนต์ขลัง จุดชมพระอาทิตย์ตกมีทั้งสองฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นแท่นโขดหินไว้นั่งชมธรรมชาติเงียบๆ คนน้อยกว่า สงบกว่า
เดินมาฝั่งขวา จุดนี้เป็นไฮไลท์คนชอบมาถ่ายรูปตรงยอดของแท่นหินที่ยื่นเข้าไปในทะเลทราย ให้บรรยากาศความสุดขอบโลกที่แท้จริง ช่างเป็นการชม Sunset ที่มีความสุขมากค่ะ
อาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกอย่างมืดลงอย่างรวดเร็ว ลมเย็นพัดสดชื่น เรารีบเดินกลับมาที่รถ เมื่อมาถึงอาหารก็พร้อมเสริฟบนพรมแล้ว เมนูเย็นนี้คือข้าวผัด ต้มไก่ และสลัดแขกค่ะ
กินอิ่มก็นั่งย่อยดูดาวเต็มฟ้าไปพลางๆ ทักทายทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ครึกครื้นดีค่ะ
อ่านรายละเอียดทัวร์ www.riyadhhiking.com หรือติดต่อ Whatsapp +966 55 450 8867 ยังมีกิจกรรม Red sand dunes ที่น่าสนใจอีกด้วยค่ะ
ย้อนกลับไปในวันแรก ทันทีที่เครื่อง Landing ฝนตกหนัก เริ่มต้นได้เย็นฉ่ำทีเดียว อากาศเช้าวันนั้นประมาณ 20 องศา
ที่พักใน Riyadh ราคาค่อนข้างสูง ย่านใจกลางเมืองคือแถว Olaya รอบนี้เราไม่ได้เช่ารถขับนะคะ แพลนเที่ยวละแวกในเมือง อีกอย่างการจราจรดูวุ่นวาย บีบแตรถี่สไตล์แขกอ่ะนะ นึกถึงตอน Road trip ในจอร์แดนแล้วปวดหัวขึ้นมาเลยค่ะ
Public transportation ณ ตอนนี้ยังไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ต้องรออีก 2 ปี Metro สร้างเสร็จ น่าจะสะดวกและประหยัดกว่านี้ ทริปนี้ใช้จ่ายกับ Uber เยอะที่สุด เดินทางคนเดียวไม่มีคนหารด้วย แต่เพื่อนที่โฮสเทลแนะนำ App Kaiian ราคาถูกกว่า หรือถ้าใครใช้บริการ Taxi ราคาเริ่มต้น 15 SAR หรือเช่ารถก็ได้ ที่นี่พวงมาลัยซ้ายชิดขวานะคะ
เย็นวันนี้เราลอง City walk ดูค่ะ เพราะหลังฝนตกอากาศเย็นสบาย ฟุตบาทเมืองนี้จะแปลกหน่อย เดินไปสักพักฟุตบาทหาย ฮ่า… หายแค่ช่วงสั้นๆนะคะ เราเดินจากแถว Al Murabba ไปย่าน Olaya ไม่น่าเชื่อว่าจะเดินไปถึง Kingdom Tower เลย ระยะทาง 6.3 กม. เดินตามเส้น Metro ที่กำลังก่อสร้างเลย ถ้าถามเรื่องความปลอดภัย ส่วนตัวคิดว่าปลอดภัยกว่าย่าน Al Bathaa ที่เป็นท่ารถ ตึกร้างเก่าๆค่ะ
ระหว่างทางมี Supermarket ตลอดทาง ซื้อน้ำจิบได้บ่อย เจอต้าวเหมียวมอมแมมข้างทางหลายตัวเลยค่ะ
เดินถึง King Fahad Library Park จุดใกล้กับ ice cream truck มี Riyadh bus tour ขายช่วงเวลา 19.00-01.00 น. รถวนให้ชมวิว Al Faisliah Tower, Kingdom Tower, KAFD, Digital City และอื่นๆ ราคา 35 SAR รับเงินสดเท่านั้นนะคะ
แวะพักเหนื่อยในห้าง Al Faisaliah mall ติดกันเป็นโรงแรม Luxury กำลังก่อสร้าง หลายตึกใจกลาง Olaya หรูหราและใหญ่โตมากค่ะ