JJNY : สหรัฐสั่งปรับอ่วม บ.เอสซีจี│จี 7 ร้องยุติส่งเชื้อเพลิงเจ็ตให้เมียนมา│นาโตเห็นชอบเบื้องต้น│เอกวาดอร์ประกาศฉุกเฉิน

สหรัฐสั่งปรับอ่วม บ.เอสซีจี พลาสติกส์ ของไทย กว่า 736 ลบ. ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน.
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4534455
 
 
สหรัฐสั่งปรับอ่วม บ.เอสซีจี พลาสติกส์ ของไทย กว่า 736 ลบ. ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
 
เมื่อวันที่ 20 เมษายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สั่งปรับเงินบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด บริษัทปิโตรเคมีภัณฑ์ชั้นนำในไทย จำนวน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณกว่า 736 ล้านบาท ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐมากกว่า 450 ครั้ง
 
กระทรวงการคลังของสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 19 เมษายนระบุว่า บริษัทเอสซีจี พลาสติกส์ ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับดังกล่าวเพื่อยุติปัญหาการละเมิดการคว่ำบาตรอย่างชัดเจนถึง 467 ครั้ง ซึ่งการละเมิดเหล่านี้ได้ทำให้สถาบันการเงินของสหรัฐต้องดำเนินการโอนเงินจำนวน 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2560-2561 ให้กับบริษัทที่มีบริษัทเนชั่นแนล ปิโตรเคมีคัล จำกัดของอิหร่านร่วมเป็นเจ้าของด้วย
 
เอสซีจี พลาสติกส์ จงใจเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิบัติที่ดำเนินมาเป็นเวลานานหลายปีเพื่อปกปิดความจริงที่ว่า HDPE มีแหล่งที่มาจากอิหร่าน” แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุ ซึ่งอ้างถึง HDPE ที่ก็คือ พลาสติกประเภทโพลิเอทิลีนที่ใช้ในการผลิตขวดแชมพูและบรรจุภัณฑ์อาหาร
 
กระทรวงการคลังสหรัฐระบุต่อว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของสถาบันการเงินในการดำเนินการทางธุรกรรมและหลบเลี่ยงมาตรการที่สถาบันการเงินเหล่านี้จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐ
 
คำสั่งปรับเงินบริษัทไทยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางการสหรัฐได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่เพียงหนึ่งวัน เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านก่อเหตุส่งโดรนและยิงขีปนาวุธมากกว่า 300 ลูก โจมตีอิหร่านเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ที่อิหร่านอ้างว่าเป็นการเอาคืนที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลของอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่อิหร่านถูกสังหารเสียชีวิต 7 นาย ซึ่งรวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงในกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านด้วย
 
ความเคลื่อนไหวนี้ยังเป็นความพยายามล่าสุดของสหรัฐที่มุ่งโจมตีอิหร่านทางการเงิน แม้ว่าสหรัฐจะพยายามลดความตึงเครียดทางทหารระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลหลังเกิดการโจมตีตอบโต้กันชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันของสองชาติปฏิปักษ์สำคัญคู่นี้ในตะวันออกกลางก็ตาม
 


ที่ประชุมรัฐมนตรีตปท. จี 7 เรียกร้องนานาชาติ ยุติส่งเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ต ให้เมียนมา
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4534344

ที่ประชุมรัฐมนตรีตปท.จี-7 เรียกร้องนานาชาติ ยุติส่งน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ต ให้เมียนมา
 
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ จี 7 ที่ประกอบด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา  และ ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรป ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการจัดการกับความท้าทายระดับโลก และการส่งเสริมความร่วมมือ หลังประชุมกันที่เมืองคาปรี อิตาลี ตั้งแต่วันที่ 17-19 เมษายน
 
ที่ประชุม ได้ย้ำ ประณามการรัฐประหารอย่างรุนแรงในเมียนมา และยืนยันสนับสนุน และความสนับสนุนกับประชาชนเมียนมา ในการแสวงหาสันติภาพ เสรีภาพ และประชาธิปไตย การโจมตีของทหารพม่าอย่างต่อเนื่อง ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน (รวมถึงบ้าน โรงเรียน โรงพยาบาลและสถานที่สักการะ) การละเมิดสิทธิมนุษยชนซ้ำแล้วซ้ำอีก และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่น่าหวาดกลัว ส่งผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางที่สุด รวมถึงเด็ก ผู้หญิง และสมาชิกของกลุ่มศาสนาและชาติพันธุ์ ชนกลุ่มน้อย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
นอกจากนี้เรายังประณามการดำเนินการของรัฐบาลทหาร ในการบังคับรับสมัครเยาวชน ที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

โดยที่ประชุม ได้เรียกร้องให้เมียนมายุติความรุนแรงใดๆทันที ปล่อยตัวนักโทษทั้งหมดที่ถูกควบคุมตัว เริ่มจากผู้นำที่ได้รับเลือกตามระบอบประชาธิปไตย และมีการเจรจาอย่างมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพื่อการฟื้นฟูเส้นทางสู่กระบวนการประชาธิปไตย ที่มีความหมายและยั่งยืน
และยังเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเคารพสิทธิมนุษยชน และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เลิกใช้แรงงานบังคับทุกรูปแบบ และให้ผู้พลัดถิ่น และผู้ต้องการความช่วยเหลือทุกคน สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ไม่มีข้อจำกัด
 
ทั้งนี้ ยังได้ระบุว่า สนับสนุนความพยายามของอาเซียน ในการส่งเสริมกระบวนการเพื่อให้บรรลุการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้ออย่างรวดเร็ว เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการอย่างครอบคลุมตามข้อมติที่ 2669 (2022) ของคณะมนตรีความมั่นของแห่งสหประชาชาติและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของสหประชาชาติ ในภาวะวิกฤตต่อไป
 
ในช่วงท้าย ยังได้ระบุว่า ที่ประชุมเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ป้องกัน หรือยุติการส่งอาวุธ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ รวมถึงเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ต ให้กับเมียนมา
 
ที่มา gov.uk



นาโตเห็นชอบเบื้องต้น เพิ่มการส่งระบบป้องกันทางอากาศให้ยูเครน
https://www.dailynews.co.th/news/3359556/

สมาชิกนาโต เตรียมส่งมอบระบบป้องกันทางอากาศให้แก่ยูเครนเพิ่มเติม ท่ามกลางสถานการณ์ซึ่งเป็นรองรัสเซีย.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กล่าวว่า รัฐมนตรีกลาโหมของสมาชิกนาโตทั้ง 31 ประเทศ มีมติเห็นพ้องกัน ให้ยกระดับความสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน รวมถึงการมอบระบบป้องกันทางอากาศเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมนาโต ตรวจสอบศักยภาพที่เกี่ยวข้องของสมาชิกทุกแห่งในเบื้องต้น พบว่า มีระบบป้องกันทางอากาศเพียงพอ ที่จะมอบให้แก่ยูเครน โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่ยังไม่มีการกล่าวอย่างชัดเจน ว่าแต่ละประเทศ “จริงจังมากน้อยเพียงใด” กับความช่วยเหลือดังกล่าว แม้เยอรมนีเพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้ เตรียมมอบระบบแพทริออตให้แก่ยูเครนเป็นชุดที่สาม

อีกด้านหนึ่ง นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) กล่าวว่า หากยูเครนได้รับความสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติม “ตามแผนการ” เชื่อว่ากองทัพยูเครนจะสามารถต่อสู้กับรัสเซียได้ตลอดทั้งปีนี้

อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับความสนับสนุนดังกล่าว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า สถานการณ์ในภาพรวม “จะเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก” และมีความเสี่ยงในระดับสูงมาก ว่ากองทัพยูเครนจะพ่ายแพ้บนสมรภูมิ “ภายในปีนี้” หากสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกยังคงไม่มีความสนับสนุนเพิ่มเติมให้แก่รัฐบาลเคียฟ หรือจะเป็นการมอบโอกาสให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “อยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าบนโต๊ะเจรจา”.

https://twitter.com/Gerashchenko_en/status/1781344897909379090
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่