เป็นการเขียนกระทู้รีวิวชีวิตห่างกันถึง 8 ปี ใครยังไม่อ่านก้าวแรกของเรา กลับไปอ่านก่อนได้นะคะ
แล้วจะรู้ว่าความบังเอิญไม่มีในโลก อย่างที่แฟนเราและอาจารย์ของกังฟูแพนด้าได้บอกไว้
คิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจาก โชคชะตาและจังหวะชีวิต
Part 1 เริ่มเขียนเมื่อปี 2559
Part 2 Part 3 Part 4 เริ่มเขียนต่อเมื่อปี 2567
>>
Part 6
สืบเนื่องจาก Part 3 เราเปิดร้านกันเมื่อต้นเดือนสิงหา ปี 60
2-3 เดือนแรกบูมมาก ปังมาก ขนาดร้านอยู่ซอยลึกคนยังเข้ามา
และหลังจาก 3 เดือน ยอดขายเริ่มตก 1. คนเห่อของใหม่ 2.บางคนก็อาจจะเบื่อๆไป 3. คนเริ่มทำตามและเปิดร้านผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด 4.อันนี้ไม่รู้จริงๆ
เราได้แต่ให้กำลังใจกันว่า อย่างน้อย เราก็ได้ "อยู่บ้าน" เพราะหลังจากมีร้าน งานฟรีแลนส์ งานนอกก็คือไม่รับเลย
แต่เราก็ไม่ท้อนะคะ เพราะกลางปี 61 ท้องเจ้าตัวเล็ก .. ทุกอย่างเลยต้องสู้
จากขายแค่กาแฟ / นม เลยหาอะไรขายเพิ่ม คิดไอเดียเป็นพิซซ่า
แต่การซื้อของจาก แมคโครก็ลำบากเหลือเกิน ขับรถไปกลับ 250 โลค่าน้ำมันเอย ไม่คุ้ม
ตัดสินใจ "นวดแป้งพิซซ่าขึ้นมาเอง" ลองผิดลองถูกจนได้สูตรที่ดีที่สุด คนก็เริ่มกลับมาหา
เพราะร้านที่เปิดใหม่ก็ทะยอยปิดตัวลงไปบ้าง แต่เรายังคงสู้อยู่
ไปชมบรรยากาศหลังจากเปิดมาได้สักพักกันเลยค่ะ














สิ่งที่น่าแปลกในการเปิดร้านของเราคือ มักจะมีลูกค้าขาจรเข้ามาที่ร้านบ่อยๆ ดึงดูดนักท่อฝเที่ยวและได้มิตรภาพใหม่ๆเสมอ
ตอนนี้ปัจจุบัน (67) เปิดมาจะ 6 ปี 50% ของคนดอยเต่ายังไม่รู้จักร้านเราเลยก็มี 😁😁
แรกๆก็อาศัยปากต่อปาก คนเช็คอิน โพสบ่อยๆเอาค่ะ ก็ถือว่าช่วยได้เยอะ จนต้องขยายร้าน
และคอนเซปเดิม ทำกันเอง(อีกแล้ว) จ้างแค่ช่างเหล็ก 555
ตามประสาคนงบน้อย ออกแบบเอง วางผังเอง หาวัสดุ แอบกระซิบว่า ที่ต่อออกมางบน้าจะประมาณ 12,000 ค่ะ
ส่วนฝั่งห้องครัวห้องน้ำที่เป็นผนังไผ่ สร้างใหม่ งบก็หมื่นต้นๆรวมสุขภัณฑ์ค่ะ 😁









หลังคาที่เป็นโครงไผ่กับใบตองตึงก็ได้หมดอายุและพังลงมา ก็ถือโอกาสเปลี่ยนให้แข็งแรงขึ้นไปด้วย
เข้าปี 62 ชีวิตครอบครัวได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากลูกเกิด ทั้งร้านทั้งลูก ยอมรับกันตรงๆว่าเหนื่อย แต่ก็มีความสุขดี
ตอนแรกคิดไม่ออกเลยว่ามีลูกแล้วเราจะสามารถเลี้ยงเขาไหวไหม ต้องยังไง แบบไหนถึงจะเรียกว่าดีพอ
สุดท้าย เข้าใจเอง ว่า "เลี้ยงเขาแบบที่เราเป็น" มันง่ายมากๆ กินแบบเรา อยู่แบบเรา ใช้ชีวิตแบบเรา
ลูกไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยค่ะ ขอมีเราอยู่ข้างๆก็พอ ไม่ต้องการของเล่นแพงๆ ไม่ต้องการแสงสีเสียง
เขาอยู่ได้ในแบบที่เราอยู่ เขาแข็งแรงมาก แทบจะไม่ป่วยเลย









หลังจากมีร้านที่ขยายขึ้นมานิดหน่อยเรามีรถตู้คันนึงซื้อมือสองมาค่ะ ก็เลยเกิดไอเดียไปขายปังชีสที่ทะเลสาบดอยเต่า
แต่ ทะเลสาบดอยเต่าก็ไม่ได้มีน้ำตลอดเวลา คนไม่เยอะ แต่!! เราก็ยังอยากไปขายอยู่ดี
กลายเป็นผู้บุกเบิกการขายของที่ทะเลสาบ เรียกคนลงมาเที่ยวสูดอากาศบ้างตอนเย็นๆ
ช่วงหลังๆมา เพื่อนๆก็แวะมาหากันบ่อยๆค่ะ .. ดีใจในสิ่งที่เราสร้างกลายเป็นพื้นที่พักผ่อนของเพื่อนๆได้














มีโอกาสได้ออกบูธเอารถไปขายกาแฟนอกสถานที่ ถือว่าเป็นโอกาสและแนวทางที่ดีมากๆค่ะ
เป็นคนดี คิดดี อัธยาศัยดี นอบน้อมอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก ไม่เกินจริง 😊😊
____________________________________________________
จะเล่าว่าชีวิตเรามี 2 ที่ ดอยเต่า กับ อุดร(บ้านเกิด) ลูกเลยได้ใช้ชีวิตแบบ 2 ที่ที่แตกต่างกันมากๆ
เวลาไปอุดร ก็แวะพาเขาไปนู้นนี่ด้วย ด้วยความเป็นแม่ฟลูไทม์ เราไปไหนเขาก็ไปด้วย งานใหญ่เช่น อีสานเขียวก็หอบเขาไป
และก็นอนได้ทุกที่ที่เราไป อย่างที่บอกข้างต้นว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากมีเราอยู่ข้างๆ
จากสมัยเรียนถาปัตเป็นคนดื่มหนักมากค่ะ พอท้องก็หยุดไปเลยแทบจะไม่ได้กิน เป็นผลดีกับสุขภาพของเราด้วย



กลับมาเล่าเรื่องที่ร้านต่อนะคะ ความโชคดีของเราคือมีเพื่อนที่มาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน เขาทำตามฝันจนได้เป็นนักดนตรีอิสระชื่อวง "จิตปรุงแต่ง"
และเมื่อเพื่อนอยากมาหาตอนหน้าหนาว ก็ได้โจทย์มาคือ ให้เราจัดมินิคอนเสิร์ต (ภายในเวลา 1 อาทิตย์)
ทั้งโปรโมท ขายบัตร จัดสถานที่ .. คุณคิดว่าเราจะทำได้ไหม .. ใช่ค่ะ เราทำได้เฉยเลย
ได้ลำโพงมาจากหมู่บ้านแฟน ได้ไมค์จากเพื่อนแฟน นอกนั้นจัดการเองหมด
ไปดูบรรยากาศครั้งแรกของการจัดมินิคอน ในแบบฉบับของพวกเราได้เลยค่ะ












หลังจากทุกอย่างเกิดขึ้นในวันนั้น มันมีทั้งความสุข มิตรภาพ ความคาดหวังที่เกินความคาดหวัง
รอยยิ้มเสียงหัวเราะ เป็นงานที่ออกมาดีมาก คนที่มาสนุกกันสุดๆ รอบนั้นขายบัตร 150฿
เพื่อน(จิตปรุงแต่ง)ชวน เบื๊อก จ่าเรย์สุขเสมอ ฑิฆัมพร จินต์จล ศรศิลป์ มาแจม
จากจะจัดมินิ กลายเป็นเล่นใหญ่ละคุ้มมากๆ บรรยากาศอบอุ่นแม้อากาศจะหนาวก็ตาม
ไม่คิดไม่ฝันว่าเราเดินทางมาไกลมากจากการลาออกจากงาน (ปี57)
แล้วเกิดเป็นเรื่องราวมากมายที่ได้มาเล่าให้ทุกๆคนฟังในนี้ และ..ยังไม่จบนะคะ
Part หน้า ตื่นเต้นกว่า Part นี้อีก
ขอบคุณที่อ่านจบแล้วยิ้มไปด้วยกัน 😊 Bandin in the Doi
Part หน้า จะเล่าถึงดอยเต่าในพื้นที่บนดอยจริงๆ ที่มีคนชาติพันธุ์(กะเหรี่ยง)อาศัยอยู่
ที่เราอยู่อยู่ข้างล่างไม่ได้อยู่บนดอยนะคะ แฟนเป็นคนเมืองไม่ได้เป็นชาติพันธุ์ค่ะ
รอติดตามได้เลยค่ะ 😊
>>>
Part 6 ต่อได้เลยจ้าาา
ลาออกจาก "ชีวิตในเมือง" เพื่อพบความสุขจาก "ชีวิตติดดิน" [Part 5]
แล้วจะรู้ว่าความบังเอิญไม่มีในโลก อย่างที่แฟนเราและอาจารย์ของกังฟูแพนด้าได้บอกไว้
คิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจาก โชคชะตาและจังหวะชีวิต
Part 1 เริ่มเขียนเมื่อปี 2559
Part 2 Part 3 Part 4 เริ่มเขียนต่อเมื่อปี 2567
>> Part 6
สืบเนื่องจาก Part 3 เราเปิดร้านกันเมื่อต้นเดือนสิงหา ปี 60
2-3 เดือนแรกบูมมาก ปังมาก ขนาดร้านอยู่ซอยลึกคนยังเข้ามา
และหลังจาก 3 เดือน ยอดขายเริ่มตก 1. คนเห่อของใหม่ 2.บางคนก็อาจจะเบื่อๆไป 3. คนเริ่มทำตามและเปิดร้านผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด 4.อันนี้ไม่รู้จริงๆ
เราได้แต่ให้กำลังใจกันว่า อย่างน้อย เราก็ได้ "อยู่บ้าน" เพราะหลังจากมีร้าน งานฟรีแลนส์ งานนอกก็คือไม่รับเลย
แต่เราก็ไม่ท้อนะคะ เพราะกลางปี 61 ท้องเจ้าตัวเล็ก .. ทุกอย่างเลยต้องสู้
จากขายแค่กาแฟ / นม เลยหาอะไรขายเพิ่ม คิดไอเดียเป็นพิซซ่า
แต่การซื้อของจาก แมคโครก็ลำบากเหลือเกิน ขับรถไปกลับ 250 โลค่าน้ำมันเอย ไม่คุ้ม
ตัดสินใจ "นวดแป้งพิซซ่าขึ้นมาเอง" ลองผิดลองถูกจนได้สูตรที่ดีที่สุด คนก็เริ่มกลับมาหา
เพราะร้านที่เปิดใหม่ก็ทะยอยปิดตัวลงไปบ้าง แต่เรายังคงสู้อยู่
ไปชมบรรยากาศหลังจากเปิดมาได้สักพักกันเลยค่ะ
สิ่งที่น่าแปลกในการเปิดร้านของเราคือ มักจะมีลูกค้าขาจรเข้ามาที่ร้านบ่อยๆ ดึงดูดนักท่อฝเที่ยวและได้มิตรภาพใหม่ๆเสมอ
ตอนนี้ปัจจุบัน (67) เปิดมาจะ 6 ปี 50% ของคนดอยเต่ายังไม่รู้จักร้านเราเลยก็มี 😁😁
แรกๆก็อาศัยปากต่อปาก คนเช็คอิน โพสบ่อยๆเอาค่ะ ก็ถือว่าช่วยได้เยอะ จนต้องขยายร้าน
และคอนเซปเดิม ทำกันเอง(อีกแล้ว) จ้างแค่ช่างเหล็ก 555
ตามประสาคนงบน้อย ออกแบบเอง วางผังเอง หาวัสดุ แอบกระซิบว่า ที่ต่อออกมางบน้าจะประมาณ 12,000 ค่ะ
ส่วนฝั่งห้องครัวห้องน้ำที่เป็นผนังไผ่ สร้างใหม่ งบก็หมื่นต้นๆรวมสุขภัณฑ์ค่ะ 😁
หลังคาที่เป็นโครงไผ่กับใบตองตึงก็ได้หมดอายุและพังลงมา ก็ถือโอกาสเปลี่ยนให้แข็งแรงขึ้นไปด้วย
เข้าปี 62 ชีวิตครอบครัวได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากลูกเกิด ทั้งร้านทั้งลูก ยอมรับกันตรงๆว่าเหนื่อย แต่ก็มีความสุขดี
ตอนแรกคิดไม่ออกเลยว่ามีลูกแล้วเราจะสามารถเลี้ยงเขาไหวไหม ต้องยังไง แบบไหนถึงจะเรียกว่าดีพอ
สุดท้าย เข้าใจเอง ว่า "เลี้ยงเขาแบบที่เราเป็น" มันง่ายมากๆ กินแบบเรา อยู่แบบเรา ใช้ชีวิตแบบเรา
ลูกไม่เคยเรียกร้องอะไรเลยค่ะ ขอมีเราอยู่ข้างๆก็พอ ไม่ต้องการของเล่นแพงๆ ไม่ต้องการแสงสีเสียง
เขาอยู่ได้ในแบบที่เราอยู่ เขาแข็งแรงมาก แทบจะไม่ป่วยเลย
หลังจากมีร้านที่ขยายขึ้นมานิดหน่อยเรามีรถตู้คันนึงซื้อมือสองมาค่ะ ก็เลยเกิดไอเดียไปขายปังชีสที่ทะเลสาบดอยเต่า
แต่ ทะเลสาบดอยเต่าก็ไม่ได้มีน้ำตลอดเวลา คนไม่เยอะ แต่!! เราก็ยังอยากไปขายอยู่ดี
กลายเป็นผู้บุกเบิกการขายของที่ทะเลสาบ เรียกคนลงมาเที่ยวสูดอากาศบ้างตอนเย็นๆ
ช่วงหลังๆมา เพื่อนๆก็แวะมาหากันบ่อยๆค่ะ .. ดีใจในสิ่งที่เราสร้างกลายเป็นพื้นที่พักผ่อนของเพื่อนๆได้
มีโอกาสได้ออกบูธเอารถไปขายกาแฟนอกสถานที่ ถือว่าเป็นโอกาสและแนวทางที่ดีมากๆค่ะ
เป็นคนดี คิดดี อัธยาศัยดี นอบน้อมอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก ไม่เกินจริง 😊😊
____________________________________________________
จะเล่าว่าชีวิตเรามี 2 ที่ ดอยเต่า กับ อุดร(บ้านเกิด) ลูกเลยได้ใช้ชีวิตแบบ 2 ที่ที่แตกต่างกันมากๆ
เวลาไปอุดร ก็แวะพาเขาไปนู้นนี่ด้วย ด้วยความเป็นแม่ฟลูไทม์ เราไปไหนเขาก็ไปด้วย งานใหญ่เช่น อีสานเขียวก็หอบเขาไป
และก็นอนได้ทุกที่ที่เราไป อย่างที่บอกข้างต้นว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากมีเราอยู่ข้างๆ
จากสมัยเรียนถาปัตเป็นคนดื่มหนักมากค่ะ พอท้องก็หยุดไปเลยแทบจะไม่ได้กิน เป็นผลดีกับสุขภาพของเราด้วย
กลับมาเล่าเรื่องที่ร้านต่อนะคะ ความโชคดีของเราคือมีเพื่อนที่มาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ด้วยกัน เขาทำตามฝันจนได้เป็นนักดนตรีอิสระชื่อวง "จิตปรุงแต่ง"
และเมื่อเพื่อนอยากมาหาตอนหน้าหนาว ก็ได้โจทย์มาคือ ให้เราจัดมินิคอนเสิร์ต (ภายในเวลา 1 อาทิตย์)
ทั้งโปรโมท ขายบัตร จัดสถานที่ .. คุณคิดว่าเราจะทำได้ไหม .. ใช่ค่ะ เราทำได้เฉยเลย
ได้ลำโพงมาจากหมู่บ้านแฟน ได้ไมค์จากเพื่อนแฟน นอกนั้นจัดการเองหมด
ไปดูบรรยากาศครั้งแรกของการจัดมินิคอน ในแบบฉบับของพวกเราได้เลยค่ะ
หลังจากทุกอย่างเกิดขึ้นในวันนั้น มันมีทั้งความสุข มิตรภาพ ความคาดหวังที่เกินความคาดหวัง
รอยยิ้มเสียงหัวเราะ เป็นงานที่ออกมาดีมาก คนที่มาสนุกกันสุดๆ รอบนั้นขายบัตร 150฿
เพื่อน(จิตปรุงแต่ง)ชวน เบื๊อก จ่าเรย์สุขเสมอ ฑิฆัมพร จินต์จล ศรศิลป์ มาแจม
จากจะจัดมินิ กลายเป็นเล่นใหญ่ละคุ้มมากๆ บรรยากาศอบอุ่นแม้อากาศจะหนาวก็ตาม
ไม่คิดไม่ฝันว่าเราเดินทางมาไกลมากจากการลาออกจากงาน (ปี57)
แล้วเกิดเป็นเรื่องราวมากมายที่ได้มาเล่าให้ทุกๆคนฟังในนี้ และ..ยังไม่จบนะคะ
Part หน้า ตื่นเต้นกว่า Part นี้อีก
ขอบคุณที่อ่านจบแล้วยิ้มไปด้วยกัน 😊 Bandin in the Doi
Part หน้า จะเล่าถึงดอยเต่าในพื้นที่บนดอยจริงๆ ที่มีคนชาติพันธุ์(กะเหรี่ยง)อาศัยอยู่
ที่เราอยู่อยู่ข้างล่างไม่ได้อยู่บนดอยนะคะ แฟนเป็นคนเมืองไม่ได้เป็นชาติพันธุ์ค่ะ
รอติดตามได้เลยค่ะ 😊
>>> Part 6 ต่อได้เลยจ้าาา