เป็น Part สุดท้ายแล้วนะคะของการเดินทางในครั้งนี้..
เพราะช่วงนี้ต้องเร่งทำบ้านดินให้เสร็จภายในปี 2 ปีนี้แล้ว จะได้สานฝันตัวเองและอีกคนต่อให้สำเร็จ
ใครยังไม่ได้ติดตามสถานที่สวยๆก็ติดตามได้ที่
Part 1 >>>
http://pantip.com/topic/34612849
Part 2 >>>
http://pantip.com/topic/34634379
Part 4 ที่ชีวิตผ่านมา 8 ปี
เกริ่นเรื่องบ้านดินก็อยากนำเรื่อง พาสนี้ด้วยบ้านดินแล้วกันเนาะ
เมื่อปี 57 มีเพื่อนของแฟนมาช่วยค่ะ ระดมฝรั่งมาช่วยและมาเที่ยว พักผ่อนในเวลาเดียวกัน
หลังจากเหนื่อยกันทุกคนก็คงไม่พ้นการพาไป "ทะเลสาปดอยเต่า" ช่วงนั้นยังมีน้ำให้เห็นอยุ่ค่ะ
หลังๆมาปี 58 ก็เริ่มทำกันเอง เพื่อนมาช่วยบ้างน้องมาช่วยบ้าง แว้นมอไซต์มาจากเชียงใหม่กันเลยค่ะ 140 กิโลถึงบ้าน
ได้ลองทดลองก่อกับกระต๊อบที่สวนดูว่าจะออกมาเป็นยังไง
ลองฉาบหลายๆแบบดูค่ะ..เอาแค่ดินเท่านั้นนะคะ ผสมแกลบน้อยหรือมาก ลองทดลองดูว่าอันไหนเวิค
แล้วลองสาดน้ำใส่ ก็สื่อๆอยู่ค่ะ บ่มีไรเกิดขึ้น แข็งแรง ทนทาน ไม่ลอกร่อน
ตอนนี้ก็เป็น Shop เล็กๆให้แฟนทำงานหนังส่งขายค่ะ
จากกระต๊อบที่มีแต่เสาและหลังคาอายุกว่า 30 ปี ได้ลองเอาดินมาก่อใส่ ก็โอเคนะคะ
(ช่วงนี้ ปัจจุบัน ก็ไปนอนที่สวนกันเพื่อเร่งทำบ้านดินกัน ... กระต๊อบรุ่นบุกเบิกนี้ อยู่ได้สบายเลยค่ะ อากาศนี่หนาวมากๆ แต่ก็อบอุ่นดี ^^)
** ใครอยากได้สูตรการทำบ้านดิน ... ไม่มีสูตรหรอกค่ะ ไม่ได้หวงนะคะ แต่คุณต้องลองนั่งรถมาหาพวกเราแล้วคุณจะได้ลองทำ คุณจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง
อัตราการผสม ไม่มีหรอกค่ะ ... ใช้ความรู้สึกในการย่ำจริงๆ และก้อนดินทุกก้อนก็แข็งแรงทุกก้อน เพราะพวกเราตั้งใจทำกันจริงๆ **
ต่อไปเล่าเรื่องสถานที่ที่ ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ให้ทุกๆคนได้เห็น "บนดอย ที่เรียบและสวยงาม"
มีโอกาสได้ขึ้นไปบน "บ้านแม่ป๊อกบน" ที่ อ.ดอยเต่า นี่แหละค่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เราอยู่
แต่โอกาสที่จะได้ขึ้นไปมีน้อยมากๆ...เพราะการเดินทางแสนลำบาก ... แต่ก็อย่างที่บอกแหละค่ะว่า "โชคชะตาลิขิตให้ได้ไป"
เริ่มการเดินทางด้วย ขอเรียกว่า "กระบะกรง" แล้วกันนะคะ ... ออกจากบ้านด้วยกระบะกรง
ไปถึงทะเลสาป ต้องต่อเรือค่ะ
ข้ามไปฝั่งนั้นก็..แวะพูดคุยกับชาวบ้าน แล้วค่อยต่อด้วย กระบะกรง อีกคัน เป็นรถของคนในพื้นที่ค่ะ
คือถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะขึ้นไปไม่รอด...ทางทรหด อดทนมาก ต้องยืนค่ะ ห้ามนั่ง ถ้านั่ง ตูดซ้ำแน่ๆ
ตอนขาขึ้นไปไม่ได้ถ่ายสักรูปเลยค่ะ ... แค่ตัวเองยังยืนไม่รอด ต้องเกาะกรงแบบสุดติ่ง
ไม่สามารถที่จะเอามือมาถือกล้องและถ่ายได้เลยแม้แต่รูปเดียว
ไปถึงข้างบนก็มืดแล้วค่ะ มองอะไรไม่เห็นเลย เพราะมืดมาก ไฟฟ้าไม่มี สว่างด้วยแสงจันทร์จริงๆ
และภาพที่เห็นภาพแรกที่ไปถึงข้างบน คือภาพนี้ค่ะ..... บอกเลยว่า "น้ำตาไหล" ไม่รู้ว่าเพราะดีใจที่ถึงแล้วหรือว่าเพราะมันสวยจริงๆ
รูปอาจจะไม่ชัด ขอเล่าด้วยการพิมพ์แล้วกัน..ภาพที่เห็นคือ ดาวเต็มท้องฟ้าเลยค่ะ 360 องศา
ถ้ามีสัก 830 องศา ดาวก็จะเต็มทั้ง 830 องศานั้นแหละค่ะ..คือแหงนมองฟ้าแล้วหมุนตัวช้าๆ อ้าแขนออกสัมผัสอากาศหนาว
บอกเลยค่ะว่า "ฟิน" .. และพลาดมากที่ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา เพราะข้างล่างร้อนมากเปิดพัดลม 3 ตัวก็ยังร้อน
แต่บนนี้บอกเลยว่า "มีเครื่องทำความร้อนไหมคะ" หนาวจริงๆ....
ดื่มดั่มกับดาวและทางช้างเผือกไปแล้วก็นอน....พอตื่นขึ้นมา เจอภาพนี้เลยค่ะ
หมอกกกกกกกกกกกกกก
ขึ้นมาครั้งนี้โดนชวนให้มาช่วยจัดงานกีฬาสัมพันธ์ของแต่ละหมู่บ้านค่ะ แล้วหมอกขนาดนี้คงแข่งฟุตบอลไม่ได้
หาโกลอีกฝั่งไม่เจอ 55555 ต้องรอสายๆๆ เกือบเที่ยงเลยค่ะ กว่าหมอกจะเริ่มจาง
กีฬาสัมพันธ์ของแต่ละหมู่บ้าน ตอนแรกก็สงสัย ก็เห็นอยู่หมู่บ้านเดียวแล้วบ้านอื่นๆล่ะ
เขา ต้องเดินมาจากอีกดอยหนึ่งค่ะ...(ใจเอาอีหลี) ที่จริงเขาเดินมาตั้งแต่รุ่งเช้า มาถึงที่นี่ก็สายๆ พอดีหมอกจาง 555
เริ่มประมวลภาพตั้งแต่สายๆจนแข่งกีฬาเลยแล้วกัน
ต่อไป เดินดูหมู่บ้านค่ะ...
สถานที่และคน สวยมากค่ะ...อยู่แค่ 2 คืนก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตปกติข้างล่าง
ขาลงนี่กล้าถ่ายรูปแล้วค่ะ จับจุดศูนย์ถ่วงการส่ายของรถได้ค่อนข้างจะดี 5555 เลยกล้าถ่ายรูป
ขาลงก็ยังพึ่งรถกระบะกรงของชาวบ้าน ซึ่งถ้าใครอยากมา ก็สามารถติดต่อได้ แต่มีค่าน้ำมันรถให้ชาวบ้านด้วยนะคะ
จบทริป บ้านแม่ป๊อกบน...ประทับใจสุดๆ บอกได้เลยว่า "ชีวิตนี้ โคตรคุ้ม"
ต่อไปสถานที่สุดท้าย ไม่รู้ว่าจะมีพื้นที่เหลือพอให้ลงได้กี่รูป เป็นสถานที่ที่ทำให้เจอกับแฟน และเปลี่ยนชีวิต
จากคนอีสานมาอยู่ดอยได้เลยค่ะ... รัก ธรรมชาติ
ดอยขุนแตะ อยู่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ขับรถขึ้นไปจากในตัวอำเภอประมาณ 30 กิโล แต่ใช้เวลาขึ้นเป็น ชั่วโมง
ไปครั้งแรก แว้นรถดรีมขึ้นไปค่ะ ผ่านฉลุย ... ไปครั้งที่ 2 แว้น KSR ไป...โห่ ขึ้นไม่รอดถ้าซ้อน 2 และมีของด้วย โดดลงเดินหลายครั้งเหมือนกัน
มีน้ำตกระหว่างทางขึ้นด้วยนะ แต่ตอนนี้น้ำไม่ค่อยมีแลวค่ะ กลายเป็นหินสวยๆ มีน้ำไหลผ่านเบาๆ
ต่อไป เพิ่งขึ้นไปจัดงานคริสมาสที่ผ่านมาหมาดๆ ชมภาพได้เลย ครั้งนี้แว้น เวสป้าขึ้นไปกันค่ะ
มีที่พักสะดวกสบาย เพราะเป็น โครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านขุนแตะ
คือจะเล่ายังไงก็คงไม่จบ แต่การเขียนครั้งนี้คงสิ้นสุดแค่นี้...
อยากให้คนไทยหันมาเที่ยวเมืองไทยกันบ้าง เมืองไทยมีอะไรสวยๆอีกมากมาย
สถานที่สวยๆ ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีคนเที่ยวเยอะเสมอไป
สถานที่ที่สวย คือสถานที่ที่ไม่มีคนมาบุกรุกเพื่อทำให้ความบ้านๆกลายเป็นเมืองๆ
ชีวิตดีๆยังมีอีกเยอะ...หาเวลาว่างพักผ่อนกันบ้างนะคะ... เมืองไทยรอพวกคุณไปเที่ยวพักผ่อนกันอยู่
" ขอบคุณค่ะ " ดอยเต่า
[img]http://f
ลาออกจาก "ชีวิตในเมือง" เพื่อพบความสุขจาก "ชีวิตติดดิน" [Part 3] ตอนจบ
เพราะช่วงนี้ต้องเร่งทำบ้านดินให้เสร็จภายในปี 2 ปีนี้แล้ว จะได้สานฝันตัวเองและอีกคนต่อให้สำเร็จ
ใครยังไม่ได้ติดตามสถานที่สวยๆก็ติดตามได้ที่
Part 1 >>> http://pantip.com/topic/34612849
Part 2 >>> http://pantip.com/topic/34634379
Part 4 ที่ชีวิตผ่านมา 8 ปี
เกริ่นเรื่องบ้านดินก็อยากนำเรื่อง พาสนี้ด้วยบ้านดินแล้วกันเนาะ
เมื่อปี 57 มีเพื่อนของแฟนมาช่วยค่ะ ระดมฝรั่งมาช่วยและมาเที่ยว พักผ่อนในเวลาเดียวกัน
หลังจากเหนื่อยกันทุกคนก็คงไม่พ้นการพาไป "ทะเลสาปดอยเต่า" ช่วงนั้นยังมีน้ำให้เห็นอยุ่ค่ะ
หลังๆมาปี 58 ก็เริ่มทำกันเอง เพื่อนมาช่วยบ้างน้องมาช่วยบ้าง แว้นมอไซต์มาจากเชียงใหม่กันเลยค่ะ 140 กิโลถึงบ้าน
ได้ลองทดลองก่อกับกระต๊อบที่สวนดูว่าจะออกมาเป็นยังไง
ลองฉาบหลายๆแบบดูค่ะ..เอาแค่ดินเท่านั้นนะคะ ผสมแกลบน้อยหรือมาก ลองทดลองดูว่าอันไหนเวิค
แล้วลองสาดน้ำใส่ ก็สื่อๆอยู่ค่ะ บ่มีไรเกิดขึ้น แข็งแรง ทนทาน ไม่ลอกร่อน
ตอนนี้ก็เป็น Shop เล็กๆให้แฟนทำงานหนังส่งขายค่ะ
จากกระต๊อบที่มีแต่เสาและหลังคาอายุกว่า 30 ปี ได้ลองเอาดินมาก่อใส่ ก็โอเคนะคะ
(ช่วงนี้ ปัจจุบัน ก็ไปนอนที่สวนกันเพื่อเร่งทำบ้านดินกัน ... กระต๊อบรุ่นบุกเบิกนี้ อยู่ได้สบายเลยค่ะ อากาศนี่หนาวมากๆ แต่ก็อบอุ่นดี ^^)
** ใครอยากได้สูตรการทำบ้านดิน ... ไม่มีสูตรหรอกค่ะ ไม่ได้หวงนะคะ แต่คุณต้องลองนั่งรถมาหาพวกเราแล้วคุณจะได้ลองทำ คุณจะได้รู้ว่ามันเป็นยังไง
อัตราการผสม ไม่มีหรอกค่ะ ... ใช้ความรู้สึกในการย่ำจริงๆ และก้อนดินทุกก้อนก็แข็งแรงทุกก้อน เพราะพวกเราตั้งใจทำกันจริงๆ **
ต่อไปเล่าเรื่องสถานที่ที่ ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้ให้ทุกๆคนได้เห็น "บนดอย ที่เรียบและสวยงาม"
มีโอกาสได้ขึ้นไปบน "บ้านแม่ป๊อกบน" ที่ อ.ดอยเต่า นี่แหละค่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เราอยู่
แต่โอกาสที่จะได้ขึ้นไปมีน้อยมากๆ...เพราะการเดินทางแสนลำบาก ... แต่ก็อย่างที่บอกแหละค่ะว่า "โชคชะตาลิขิตให้ได้ไป"
เริ่มการเดินทางด้วย ขอเรียกว่า "กระบะกรง" แล้วกันนะคะ ... ออกจากบ้านด้วยกระบะกรง
ไปถึงทะเลสาป ต้องต่อเรือค่ะ
ข้ามไปฝั่งนั้นก็..แวะพูดคุยกับชาวบ้าน แล้วค่อยต่อด้วย กระบะกรง อีกคัน เป็นรถของคนในพื้นที่ค่ะ
คือถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่อาจจะขึ้นไปไม่รอด...ทางทรหด อดทนมาก ต้องยืนค่ะ ห้ามนั่ง ถ้านั่ง ตูดซ้ำแน่ๆ
ตอนขาขึ้นไปไม่ได้ถ่ายสักรูปเลยค่ะ ... แค่ตัวเองยังยืนไม่รอด ต้องเกาะกรงแบบสุดติ่ง
ไม่สามารถที่จะเอามือมาถือกล้องและถ่ายได้เลยแม้แต่รูปเดียว
ไปถึงข้างบนก็มืดแล้วค่ะ มองอะไรไม่เห็นเลย เพราะมืดมาก ไฟฟ้าไม่มี สว่างด้วยแสงจันทร์จริงๆ
และภาพที่เห็นภาพแรกที่ไปถึงข้างบน คือภาพนี้ค่ะ..... บอกเลยว่า "น้ำตาไหล" ไม่รู้ว่าเพราะดีใจที่ถึงแล้วหรือว่าเพราะมันสวยจริงๆ
รูปอาจจะไม่ชัด ขอเล่าด้วยการพิมพ์แล้วกัน..ภาพที่เห็นคือ ดาวเต็มท้องฟ้าเลยค่ะ 360 องศา
ถ้ามีสัก 830 องศา ดาวก็จะเต็มทั้ง 830 องศานั้นแหละค่ะ..คือแหงนมองฟ้าแล้วหมุนตัวช้าๆ อ้าแขนออกสัมผัสอากาศหนาว
บอกเลยค่ะว่า "ฟิน" .. และพลาดมากที่ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา เพราะข้างล่างร้อนมากเปิดพัดลม 3 ตัวก็ยังร้อน
แต่บนนี้บอกเลยว่า "มีเครื่องทำความร้อนไหมคะ" หนาวจริงๆ....
ดื่มดั่มกับดาวและทางช้างเผือกไปแล้วก็นอน....พอตื่นขึ้นมา เจอภาพนี้เลยค่ะ
หมอกกกกกกกกกกกกกก
ขึ้นมาครั้งนี้โดนชวนให้มาช่วยจัดงานกีฬาสัมพันธ์ของแต่ละหมู่บ้านค่ะ แล้วหมอกขนาดนี้คงแข่งฟุตบอลไม่ได้
หาโกลอีกฝั่งไม่เจอ 55555 ต้องรอสายๆๆ เกือบเที่ยงเลยค่ะ กว่าหมอกจะเริ่มจาง
กีฬาสัมพันธ์ของแต่ละหมู่บ้าน ตอนแรกก็สงสัย ก็เห็นอยู่หมู่บ้านเดียวแล้วบ้านอื่นๆล่ะ
เขา ต้องเดินมาจากอีกดอยหนึ่งค่ะ...(ใจเอาอีหลี) ที่จริงเขาเดินมาตั้งแต่รุ่งเช้า มาถึงที่นี่ก็สายๆ พอดีหมอกจาง 555
เริ่มประมวลภาพตั้งแต่สายๆจนแข่งกีฬาเลยแล้วกัน
ต่อไป เดินดูหมู่บ้านค่ะ...
สถานที่และคน สวยมากค่ะ...อยู่แค่ 2 คืนก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตปกติข้างล่าง
ขาลงนี่กล้าถ่ายรูปแล้วค่ะ จับจุดศูนย์ถ่วงการส่ายของรถได้ค่อนข้างจะดี 5555 เลยกล้าถ่ายรูป
ขาลงก็ยังพึ่งรถกระบะกรงของชาวบ้าน ซึ่งถ้าใครอยากมา ก็สามารถติดต่อได้ แต่มีค่าน้ำมันรถให้ชาวบ้านด้วยนะคะ
จบทริป บ้านแม่ป๊อกบน...ประทับใจสุดๆ บอกได้เลยว่า "ชีวิตนี้ โคตรคุ้ม"
ต่อไปสถานที่สุดท้าย ไม่รู้ว่าจะมีพื้นที่เหลือพอให้ลงได้กี่รูป เป็นสถานที่ที่ทำให้เจอกับแฟน และเปลี่ยนชีวิต
จากคนอีสานมาอยู่ดอยได้เลยค่ะ... รัก ธรรมชาติ
ดอยขุนแตะ อยู่ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ขับรถขึ้นไปจากในตัวอำเภอประมาณ 30 กิโล แต่ใช้เวลาขึ้นเป็น ชั่วโมง
ไปครั้งแรก แว้นรถดรีมขึ้นไปค่ะ ผ่านฉลุย ... ไปครั้งที่ 2 แว้น KSR ไป...โห่ ขึ้นไม่รอดถ้าซ้อน 2 และมีของด้วย โดดลงเดินหลายครั้งเหมือนกัน
มีน้ำตกระหว่างทางขึ้นด้วยนะ แต่ตอนนี้น้ำไม่ค่อยมีแลวค่ะ กลายเป็นหินสวยๆ มีน้ำไหลผ่านเบาๆ
ต่อไป เพิ่งขึ้นไปจัดงานคริสมาสที่ผ่านมาหมาดๆ ชมภาพได้เลย ครั้งนี้แว้น เวสป้าขึ้นไปกันค่ะ
มีที่พักสะดวกสบาย เพราะเป็น โครงการฟาร์มตัวอย่างบ้านขุนแตะ
คือจะเล่ายังไงก็คงไม่จบ แต่การเขียนครั้งนี้คงสิ้นสุดแค่นี้...
อยากให้คนไทยหันมาเที่ยวเมืองไทยกันบ้าง เมืองไทยมีอะไรสวยๆอีกมากมาย
สถานที่สวยๆ ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีคนเที่ยวเยอะเสมอไป
สถานที่ที่สวย คือสถานที่ที่ไม่มีคนมาบุกรุกเพื่อทำให้ความบ้านๆกลายเป็นเมืองๆ
ชีวิตดีๆยังมีอีกเยอะ...หาเวลาว่างพักผ่อนกันบ้างนะคะ... เมืองไทยรอพวกคุณไปเที่ยวพักผ่อนกันอยู่
" ขอบคุณค่ะ " ดอยเต่า
[img]http://f