สังเวียนอนุบาล (เรื่องสั้น)

กระทู้สนทนา
เรื่อง : สังเวียนอนุบาล
โดย : ละเว้

ผมไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไร แต่จากการคาดเดาด้วยสายตานั้นน่าจะสักสามหรือสี่ขวบ อย่างมากไมน่าเกินห้าขวบ ซึ่งถ้าจะกล่าวให้กว้างกว่านี้เพราะไม่รู้แน่ชัดแล้วละก็ ผมคงต้องบอกว่า เขาอยู่ในวัยอนุบาล

ตอนเขาก้าวลอดเชือกกั้นสังเวียนเข้ามานั้นนับว่าเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง

"เฮ้ย ตัวแค่นี้เองเรอะ" 

เมื่อเห็นว่าเขาเป็นแค่นักมวยตัวจิ๋ว ผมก็หลุดปากกับเพื่อนไปแบบนั้นทั้งขยับโทรศัพท์ในมือ มวยคู่นี้น่าจะมีภาพน่าเอ็นดูให้ได้บันทึก

.
'มีคำกล่าวที่ว่าโลกของเด็กนั้นสดใสเสมอ แต่เด็กบางฅนกลับมีวัยเด็กที่แสนสั้นจนน่าใจหาย'

.
นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าสนามมวยมายืนเกาะเชือกกั้นสังเวียน จากความต้องการข้อมูลสำหรับงานเขียนทำให้ผมต้องพยายามสนใจอะไรที่ไม่เคยสนใจ เมื่อวัดใกล้บ้านมีงานและมีการจัดมวย ผมจึงได้ตีตั๋วเข้ามายืนอยู่ที่นี่ในตอนนี้ 

สิ่งใหม่ ๆ มักเปิดความคิดความเข้าใจให้เราได้เสมอ ผมแทบไม่เชื่อว่าเด็ก ป.5 ป.6 บนสังเวียนผ้าใบบ้านนอก จะชกกันได้มันกว่านักมวยรุ่นใหญ่ในทีวี 

ผมใช้คำว่ามันไม่ใช้คำว่าสนุก เพราะที่ได้ชมนั้นเกินคำว่าสนุกจริง ๆ 

แต่กับขนาดตัวของเขาในตอนนี้ผมคงอดบอกว่าน่าเอ็นดูไม่ได้ คิดว่าคงมีอะไรสนุก ๆ ให้ได้บันทึกไว้แน่นอน เราจะหวังอะไรจากเด็กอนุบาลได้มากไปกว่าความน่ารักของพวกเขา

แต่เปล่าเลย เขาและคู่ต่อสู้ทำให้ผมลืมไปเลยว่าต่างเป็นแค่เด็กอนุบาล ไม่ใช่แค่ใจสู้เท่านั้นที่พวกเขาแสดงออกมา การเหวี่ยงหมัดเท้าใส่กันและกันของพวกเขายังทำให้ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา ต่างไม่มีอาการสเปะสปะของเด็กอนุบาลให้ผมได้เห็นแต่อย่างใด ยังมีทั้งเข่าลอยโดดถีบหน้าชนิดที่ว่าฅนโตยังต้องเกรงใจ ผมจึงบันทึกคลิปวิดีโอไปทั้งอดถามตัวเองไปด้วยไม่ได้ว่า เด็กสองฅนนี้น่าจะลืมไปแล้วว่าตัวเองยังคงเป็นเด็กอนุบาลหรือเปล่า

เสียงปี่กลองเร้าใจ โฆษกพากย์มวยไปทั้งบอกเล่าประวัติของทั้งคู่ด้วยความคุ้นเคยไปด้วย ผมจึงได้ทราบว่าพวกเขาต่างเจนเวทีกันพอสมควร และเขานั้นเป็นลูกชายฅนโตที่น่าจะเป็นความหวังอย่างมากของพ่อและแม่ซึ่งมาทำหน้าที่พี่เลี้ยงในวันนี้ด้วย

เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกัน แถมฝีมือยังสูสีกัน ทำให้เราต้องมาลุ้นคะแนนของทั้งคู่
ผมยังคงปล่อยให้โทรศัพท์บันทึกต่อไป
เพราะต้องการภาพนาทีประกาศผล เขาเดินหลุดออกจากเฟรมไปแล้ว ภาพในจอมือถือที่ผมจ้องอยู่ตอนนี้มีเพียงกรรมการและคู่ต่อสู้ของเขาเท่านั้น

โฆษกยังคงบอกเล่าเหตุการณ์บนเวทีไป

"มันไปฟ้องอะไรพ่อมันไม่รู้ โดนพ่อมันตบเลย"

เขาพูดไปหัวเราะขำไป ผมยิ้มตามไปด้วยแม้ไม่เห็นภาพเพราะมัวแต่จ้องจอมือถือ

กรรมการบนเวทีกำลังรวบรวมคะแนนตอนที่เสียงโฆษกดังขึ้น

"อ้าวเฮ้ย ทำไมล่ะ"

ผมยังคงจ้องจอ มุมที่เขาอยู่กับที่ผมถ่ายนั้นอยู่ฅนละด้านแต่ฝั่งเดียวกัน หรือเป็นแนวขนานยากต่อการถ่ายภาพผมจึงไม่ได้หันกล้องไปที่นั่นแต่อย่างใด

"อย่าไปทำมัน" เสียงโฆษกดังขึ้นอีก ผมอดตกใจไม่ได้ คิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้บันทึกภาพของเขาในตอนนี้

"ใจเย็น ๆ" โฆษกยังคงห้ามปรามอย่างคนคุ้นเคยกัน กรรมการตรวจผลคะแนนแล้วชูมือไปยังมุมของเขา

"มันก็ชนะหรอกเซี้ย..." (เอ่ยชื่อพ่อเด็ก)

โฆษกยังคงส่งเสียงปราม จอมือถือของผมยังคงหันเข้าหากรรมการ เขาเดินมารับการชูมือ 

.
ผมเลิกสงสัยแล้วว่าเขารู้ตัวไหมว่าเขาเป็นแค่เด็กอนุบาล ตอนนี้คำถามของผมมันพุ่งไปทางพ่อของเขามากกว่า 

เมื่อผมหยุดบันทึกภาพและหันไปยังได้เห็นผู้เป็นพ่อยืนชี้หน้าเขาอยู่ 

ผมหันกลับมาทั้งพยายามสลัดสิ่งต่าง ๆ ออกจากหัว.

หมายเหตุ: เขียนแบบด้นสดตามอารมณ์หากมีผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่