สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
1. ขอทุนจากมหาวิทยาลัย
ไม่แน่ใจว่าเรียนที่ไหน แต่โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยจะมีทุนนักเรียนยากจนให้ ทั้งให้เปล่าและทำงานเล็กน้อย เช่น งานเอกสาร งาน admin ของคณะ
2. กู้ กยศ.
ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเทอม
3. ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยปิด เปลี่ยนไปเรียนรามคำแหง
ไม่ได้บังคับเข้าเรียน หลายวิชาอ่านหนังสือสอบแล้วไปสอบเลยได้ ลองสอบถามดูวิชาที่เรียนมาสองปีมีวิชาไหนบ้างสามารถโอนหน่วยกิตได้ไม่ต้องเริ่มเรียนใหม่
4. อย่าเลิกเรียนเด็ดขาด
ยุคสมัยนี้ขนาดมีปริญญายังหางานมั่นคงยาก ถ้าอยากต่อยอดตัวเองในอนาคต ยังไงก็ต้องมีปริญญา บริษัทใหญ่ๆ มั่นคงงหน่อยเขาเอาวุฒิปริญญาทั้งนั้น อย่าไปเชื่อคำคนที่ว่าจบม.6 แล้วก็หางานทำได้ หาได้แต่จะเป็นงานใช้แรงงานที่จะถูกแทนที่ง่ายมาก มีปริญญาไว้ดีกว่า
ไม่แน่ใจว่าเรียนที่ไหน แต่โดยส่วนมากมหาวิทยาลัยจะมีทุนนักเรียนยากจนให้ ทั้งให้เปล่าและทำงานเล็กน้อย เช่น งานเอกสาร งาน admin ของคณะ
2. กู้ กยศ.
ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าเทอม
3. ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยปิด เปลี่ยนไปเรียนรามคำแหง
ไม่ได้บังคับเข้าเรียน หลายวิชาอ่านหนังสือสอบแล้วไปสอบเลยได้ ลองสอบถามดูวิชาที่เรียนมาสองปีมีวิชาไหนบ้างสามารถโอนหน่วยกิตได้ไม่ต้องเริ่มเรียนใหม่
4. อย่าเลิกเรียนเด็ดขาด
ยุคสมัยนี้ขนาดมีปริญญายังหางานมั่นคงยาก ถ้าอยากต่อยอดตัวเองในอนาคต ยังไงก็ต้องมีปริญญา บริษัทใหญ่ๆ มั่นคงงหน่อยเขาเอาวุฒิปริญญาทั้งนั้น อย่าไปเชื่อคำคนที่ว่าจบม.6 แล้วก็หางานทำได้ หาได้แต่จะเป็นงานใช้แรงงานที่จะถูกแทนที่ง่ายมาก มีปริญญาไว้ดีกว่า
แสดงความคิดเห็น
ทำงานส่งตัวเองเรียนมหาลัยจนจบปี 2 ที่บ้านถามว่าออกมาทำงานดีกว่ามั้ย จะไปต่อหรือพอแค่นี้
ผมอยู่กับทางฝั่งแม่ แต่ทางฝั่งแม่ส่งเรียนไม่ไหวเลยให้ย้ายไปอยู่กับปู่แทน ปู่แกส่งผมเรียนตั้งแต่ช่วง ม.ปลาย ซึ่งค่าใช้จ่ายก็เงินก็มาจากพ่อแหละแกฝากมา จนจบจนเข้ามหาลัย พ่อผมจ่ายค่าเทอมให้ตลอด
ตอนนี้ ผมอยู่ปี 2 กำลังขึ้น ปี 3 ละ
เรื่องเรียนก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่เข้าทุกคาบ ไม่เคยสาย ไม่เคยขาดถ้าไม่จำเป็น ผมเข้ามาปี 1 ผมเริ่มทำงานเลยตั้งแต่ 2 วันแรกที่มาถึง ผมมาพร้อมกับ เงินเก็บประมาณ หมื่น นิดๆ เริ่มทำงานแรกเป็นเด็กล้างจาน อาทิตย์แรก ทำงานแค่ ศุกร์-อาทิตย์ ปี 1 ตารางเรียนไม่แน่ ทำ 3 วันเต็มเลย เงินเดือนก็ไม่มากหรอกครับ เดือนหนึ่งได้ประมาณ 3-4 พัน ทำมาเรื่อยๆ เดือนสองเดือนกว่าๆ ผมทำบัญชีดูว่า ถ้าทำงานนี่ต่อไป อยู่ไม่ได้แน่ แค่ค่าหอก็ 2 พันกว่าแล้ว ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน มันเข้าเงินเก็บทุกเดือน เลยตัดสินใจลาออกหางานใหม่ 3-4 ถัดมาได้งานใหม่เป็นเด็กเสิร์ฟร้านชาบูเปิดใหม่ ค่าแรงสูงมาก ชม. ละ 50 บาท เนื่องร้านเปิดใหม่ต้องการคนมากจึงตั้งค่าแรงสูง ทำงานได้ เกือบๆ เดือน ร้านรับพนักงานประจำเข้ามาเรื่อย ๆ จนครบตำแหน่ง ก็บีบ พนง. Part-time อย่างผมออกทีละคน 2 คน ก็ตกงานอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายเริ่มกินเงินเก็บไปเรื่อย ๆ
ตั้งแต่มาที่บ้านไม่ได้ส่งค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้เลย ผมรับผิดชอบเองหมด ผมเลยกินเงินเก็บจาก หมื่นนิด ๆ เหลือแค่หลักร้อย
ผมก็หางานใหม่อีกครั้ง ได้งานเป็น พนง.ร้านสะดวกที่เปิด 24 ชม ผมไม่ขอ
บอกชื่อบริษัทละกันนะครับ แต่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอยู่ละ งานที่นี่เงินเดือนก็ ok ขึ้นเยอะเลยครับ รวมๆ ได้ประมาณ 8-9 พันบาท แต่ก็แลกมากับเวลาที่หายไปค่อนข้างเยอะ ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 6 ชม. วันไหนหยุดเรียนก็ 9 ชม. แต่เลิกงานจริงก็ คง 10 ชม. นู้นแหละ
ทำมาเรื่อยๆ จนถึงปี 2 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าร้านสะดวกที่ผมทำอยู่ ยอดขายไม่ได้เป้า จนจะต้องปิดร้าน ผจก.ร้าน ทำเรื่องช่วยผมให้ไปทำงาน บริษัทนี้แหละแค่เปลี่ยนสาขา ยังดีที่มีงานทำต่อ ผมทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ มาตลอด เกือบ 2 ปี บางเดือน
ผมทำงานกะกลางคืน เข้า 22:00-07:00
ไปเรียนต่อ 8:30-18:00 มันก็เวลาพักระหว่างคาบบ้างแหละ 1 - 2 ชม. เดือนนั้น ผมแทบไม่ได้นอนเลย ได้นอนแค่ตอนเปลี่ยนคาบกับหลังเลิกเรียนแค่นั้นเอง
แต่ก็เพราะงานนี้แหละที่ทำให้ผมมีเก็บจากหลักร้อยไปถึงหลักหมื่นอีกครั้ง
ตอนนี้ปิดเทอมละ ผมก็ยังทำงานอยู่ สงกรานต์ก็คิดว่าน่าจะไม่ได้กลับบ้าน
คุณยายโทรมาคุยเล่นด้วย แกถามว่า
ที่ทำงานอยู่ นะดีมั้ย ผมตอบกลับว่า ดีอยู่ครับ พอเลี้ยงตัวได้อยู่ แกเลยพูดออกมาว่า ออกมาทำงานเลยดีมั้ย...
ผมไปไม่เป็นเลย เหมือนแกกำลังจะให้ผมทิ้งทุกอย่างที่ทำมาตลอด 2 ปี ไปเลย
และอีกอย่างพ่อที่เคยจ่ายค่าเทอมให้ตอนนี้บอก ตอนนี้จ่ายให้ไม่ไหวแล้วนะ พึ่งออกรถคันใหม่มา ให้หาเงินมาจ่ายค่าเทอมเองก่อน
ผมเลยคิดอยู่ว่าผมควรเรียนต่อดีมั้ย
สู้มา 2 ปีแล้วเหมือนจะดีขึ้นนะ แต่ทุกอย่างกลับแย่ลงเรื่อย ๆ ผมกำลังทำอะไรอยู่ มันดูฝืนธรรมชาติตัวเองเกินไปที่จะทำรึเปล่าครับ