เมื่อมนุษย์เงินเดือนอยากปฏิบัติธรรม
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมมืออาชีพ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของ จขกท. ด้วย ดังนั้นเรื่องการปฏิบัติเชิงลึกจะไม่มี 😅 ขอเล่ารายละเอียดภาพรวมแล้วกัน แล้วอย่ามีดราม่านะคะว่าปฏิบัติธรรม ทำไมเล่นโทรศัพท์ได้ คือพระท่านไม่ได้เข้มงวดอะไรขนาดนั้นค่ะ ท่านถือว่าใครตั้งใจคนนั้นได้ ซึ่งเราเป็นมือใหม่ ยังตัดขาดไม่ได้จริงๆ 😁😁
เริ่มจากพระอาจารย์ที่รู้จักชักชวนให้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ ก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะใจอ่อนยอมมาได้ หลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานที่นี่จะเป็น 21 วัน แต่ก็แล้วแต่นะคะว่าเราจะสะดวกกี่วัน ซึ่งเราว่างแค่ 3 วันค่ะ
โดยเริ่มจากการโทรจองที่พักของสำนักงานที่เบอร์โทร 053-42184 ผู้ชายต่อ 11 ผู้หญิง ต่อ 12 เว็บไซต์สำนักงานวิปัสสนาฯ
https://www.watchomtong.com/meditation
เมื่อถึงวันที่เราจอง เราก็เดินทางไปที่วัดเพื่อติดต่อสำนักงาน จากลานจอดรถหน้าวัดเราเราเดินตรงไปเรื่อยๆตามกำแพงวัดด้านนอก เจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกใบสมัคร แล้วให้กุญแจห้องพัก มัดจำโดยการใช้บัตรประชาชน
ตรงชั้นล่างสำนักงานจะเป็นห้องให้เราไปเบิกเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม เบาะนอน เบาะนั่ง รวมทั้งสไบของผู้หญิง ก็มีให้ค่ะ
ห้องรับเครื่องนอน
ห้องพักก็จะแยกโซนผู้ชาย ผู้หญิงชัดเจน ในห้องก็มีอุปกรณ์สำหรับชีวิตประจำวันครบนะ
พัดลม ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น กาน้ำร้อน
สภาพในห้อง
บริเวณบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่มากวาด ทำความสะอาดรอบๆที่พักทุกวัน แต่ภายในที่พักเราตเองทำเอง โดยแต่ละหลังจะมีไม้กวด ไม้ถูพื้น แปรงล้างห้องน้ำให้ ส่วนกลางมีเครื่องซักผ้า ตู้น้ำร้อน น้ำเย็นบริการด้วย ตัเอยู่บริเวณที่พัก แต่เราไม่ได้ใช้บริการเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา 😅
เจ้าหน้าที่จะนัดเราบริเวณหน้าสำนักงานตอนบ่ายสามครึ่ง แม่ชีจะพาเราไปรับศีล รับพระกรรมฐานจากพระอาจารย์ เมื่อถึงเวลาแม่ชีก็จะมาเชคชื่อ แล้วสอบถามว่าใครเคยปฏิบัติมาแล้ว หรือยังไม่เคย ซึ่งกลุ่มที่มาวันนี้มีเราคนเดียวที่ไม่เคยมาปฎิบัติ คนอื่นเขาทำเป็นหมดแล้ว แล้วแม่ชีก็พาเดินไปกุฏิ ที่สรีระของหลวงปู่ทอง เราจำชื่อกุฏิไม่ได้ เรียกแต่กุฏิหลวงปู่
เมื่อรับศีล รับพระกรรมฐานเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก เพื่อไปปฎิบัติกันเองตามสะดวก ส่วนเราที่ไม่เคยมาไม่เคยทำ แม่ชีก็พาไปสอนตัวต่อตัวประมาณ 1 ชั่วโมง จนทำเป็น ก็กลับที่พัก
ที่นี่จะทำวัตรเช้า 4.30น. ทำวัตรเย็น 18.30 น. ตรงมหาศาลา จะอยู่ด้านข้างกับกุฏิหลวงปู่ ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะสะดวกเข้าร่วม ไม่ได้บังคับ
ศาลาสำหรับทำวัตร หรือใครจะมาปฎิบัติที่นี่ก็ได้
อาหารที่นี่จะเลี้ยง 2 มื้อ ตรงหอฉัน จะอยู่ติดกับมหาศาลา มื้อเช้าเวลา 6.00 น. มื้อเที่ยง 11.00 น. สามารถเข้าไปตักกินได้เลย จะแยกส่วนสำหรับพระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติ กินเสร็จก็หลังจานตรงหลังอาคารได้เลย หรือใครจะเอากลับไปกินที่พักก็ได้เช่นกัน
อาหารก็จะประมาณนี้
ตอนที่เรารับกุญแจห้องพักเราจะได้บัตรประจำตัวด้วยว่าเราจะต้องสอบอารมณ์กับใคร อย่างเราได้ พระครูพุทธิธรรมวิเทศ ป้ายก็จะบอกว่าเราต้องสอบอารมณ์กี่โมง ห้องไหน ถ้าไม่รู้จักห้องก็ถามแม่ชีเหมือนเรา 😁😁
ในป้ายของเราเป็นเวลา 8.00น. แต่วันที่เราไปพระครูติดธุระเลื่อนเป็นเวลา 16.00น.
เมื่อถึงเวลาสอบ คนที่ได้พระครูคนเดียวกันก็จะมารอหน้าห้องสอบ เรามาถึงคนแรก บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากกก เพราะไม่เคยสอบ ไม่รู้จะโดนถามอะไร พอพระมาถึง ก็ตกลงกันว่าใครมาก่อนให้เขเาไปก่อน แน่นอนว่าเราสละสิทธิ์ 😆😆 ขอเป็นคนสุดท้าย แต่พอสอบไปได้ 3-4 คน พระครูก็เรียกเราเข้าไปก่อน เหตุเพราะว่าไม่เคยสอบ ต้องสอบนาน ซึ่งการสอบนั้นไม่ได้น่ากลัวเลย เป็นการสอน พูดคุยมากกว่า
รางวัลปลอบใจจากพระครู ☺️
กิจวัตรประจำวันก็จะเป็นแบบนี้ ปฏิบัติเอง อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้ ถึงเวลาก็มาสอบอารมณ์
แถวมหาศาลามีร้านกาแฟด้วย เปิด 7.00-18.00น. แน่นอนว่าเรามาใช้บริการทุกวัน เนื่องจากถือศีล 8 หลังเที่ยงกินได้แต่น้ำปานะ กาแฟจึงเป็นที่พึ่งของเรา 😁😁
บริเวณปฏิบัติธรรม คือตรงไหนมีป้าย เราสามารถไปปฎิบัติได้หมดเลย จะไม่มีใครมาถามมาว่า เขาไม่ให้คุยกันนี่เนาะ
สุดท้ายใครที่ครบกำหนดแล้ว จะลาศีลก็ให้ไปรอแม่ชีบริเวณสำนักงานเช่นกัน เวลา 15.30 น. แม่ชีก็จะพาไปลาศีล เรียบร้อยแล้วก็กลับห้องพักทำความสะอาดห้อง คืนของ ตอนไปรับบัตรประชาชนคืน เจ้าหน้าที่จะให้เราชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งแล้วแต่เจตนา แล้วจะได้ใบอนุโมทนามาเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ หัดวิปัสสนาเช่นเรานะคะ ไว้นึกอะไรออกจะมาเพิ่มเติมข้อมูลให้ หรือใครมีข้อสงสัย ยินดีตอบเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร
ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมมืออาชีพ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของ จขกท. ด้วย ดังนั้นเรื่องการปฏิบัติเชิงลึกจะไม่มี 😅 ขอเล่ารายละเอียดภาพรวมแล้วกัน แล้วอย่ามีดราม่านะคะว่าปฏิบัติธรรม ทำไมเล่นโทรศัพท์ได้ คือพระท่านไม่ได้เข้มงวดอะไรขนาดนั้นค่ะ ท่านถือว่าใครตั้งใจคนนั้นได้ ซึ่งเราเป็นมือใหม่ ยังตัดขาดไม่ได้จริงๆ 😁😁
เริ่มจากพระอาจารย์ที่รู้จักชักชวนให้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ ก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะใจอ่อนยอมมาได้ หลักสูตรวิปัสสนากรรมฐานที่นี่จะเป็น 21 วัน แต่ก็แล้วแต่นะคะว่าเราจะสะดวกกี่วัน ซึ่งเราว่างแค่ 3 วันค่ะ
โดยเริ่มจากการโทรจองที่พักของสำนักงานที่เบอร์โทร 053-42184 ผู้ชายต่อ 11 ผู้หญิง ต่อ 12 เว็บไซต์สำนักงานวิปัสสนาฯ https://www.watchomtong.com/meditation
เมื่อถึงวันที่เราจอง เราก็เดินทางไปที่วัดเพื่อติดต่อสำนักงาน จากลานจอดรถหน้าวัดเราเราเดินตรงไปเรื่อยๆตามกำแพงวัดด้านนอก เจ้าหน้าที่จะให้เรากรอกใบสมัคร แล้วให้กุญแจห้องพัก มัดจำโดยการใช้บัตรประชาชน
ตรงชั้นล่างสำนักงานจะเป็นห้องให้เราไปเบิกเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม เบาะนอน เบาะนั่ง รวมทั้งสไบของผู้หญิง ก็มีให้ค่ะ
ห้องรับเครื่องนอน
ห้องพักก็จะแยกโซนผู้ชาย ผู้หญิงชัดเจน ในห้องก็มีอุปกรณ์สำหรับชีวิตประจำวันครบนะ
พัดลม ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น กาน้ำร้อน
สภาพในห้อง
บริเวณบ้านพัก มีเจ้าหน้าที่มากวาด ทำความสะอาดรอบๆที่พักทุกวัน แต่ภายในที่พักเราตเองทำเอง โดยแต่ละหลังจะมีไม้กวด ไม้ถูพื้น แปรงล้างห้องน้ำให้ ส่วนกลางมีเครื่องซักผ้า ตู้น้ำร้อน น้ำเย็นบริการด้วย ตัเอยู่บริเวณที่พัก แต่เราไม่ได้ใช้บริการเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา 😅
เจ้าหน้าที่จะนัดเราบริเวณหน้าสำนักงานตอนบ่ายสามครึ่ง แม่ชีจะพาเราไปรับศีล รับพระกรรมฐานจากพระอาจารย์ เมื่อถึงเวลาแม่ชีก็จะมาเชคชื่อ แล้วสอบถามว่าใครเคยปฏิบัติมาแล้ว หรือยังไม่เคย ซึ่งกลุ่มที่มาวันนี้มีเราคนเดียวที่ไม่เคยมาปฎิบัติ คนอื่นเขาทำเป็นหมดแล้ว แล้วแม่ชีก็พาเดินไปกุฏิ ที่สรีระของหลวงปู่ทอง เราจำชื่อกุฏิไม่ได้ เรียกแต่กุฏิหลวงปู่
เมื่อรับศีล รับพระกรรมฐานเสร็จก็แยกย้ายกันเข้าที่พัก เพื่อไปปฎิบัติกันเองตามสะดวก ส่วนเราที่ไม่เคยมาไม่เคยทำ แม่ชีก็พาไปสอนตัวต่อตัวประมาณ 1 ชั่วโมง จนทำเป็น ก็กลับที่พัก
ที่นี่จะทำวัตรเช้า 4.30น. ทำวัตรเย็น 18.30 น. ตรงมหาศาลา จะอยู่ด้านข้างกับกุฏิหลวงปู่ ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะสะดวกเข้าร่วม ไม่ได้บังคับ
ศาลาสำหรับทำวัตร หรือใครจะมาปฎิบัติที่นี่ก็ได้
อาหารที่นี่จะเลี้ยง 2 มื้อ ตรงหอฉัน จะอยู่ติดกับมหาศาลา มื้อเช้าเวลา 6.00 น. มื้อเที่ยง 11.00 น. สามารถเข้าไปตักกินได้เลย จะแยกส่วนสำหรับพระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติ กินเสร็จก็หลังจานตรงหลังอาคารได้เลย หรือใครจะเอากลับไปกินที่พักก็ได้เช่นกัน
อาหารก็จะประมาณนี้
ตอนที่เรารับกุญแจห้องพักเราจะได้บัตรประจำตัวด้วยว่าเราจะต้องสอบอารมณ์กับใคร อย่างเราได้ พระครูพุทธิธรรมวิเทศ ป้ายก็จะบอกว่าเราต้องสอบอารมณ์กี่โมง ห้องไหน ถ้าไม่รู้จักห้องก็ถามแม่ชีเหมือนเรา 😁😁
ในป้ายของเราเป็นเวลา 8.00น. แต่วันที่เราไปพระครูติดธุระเลื่อนเป็นเวลา 16.00น.
เมื่อถึงเวลาสอบ คนที่ได้พระครูคนเดียวกันก็จะมารอหน้าห้องสอบ เรามาถึงคนแรก บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากกก เพราะไม่เคยสอบ ไม่รู้จะโดนถามอะไร พอพระมาถึง ก็ตกลงกันว่าใครมาก่อนให้เขเาไปก่อน แน่นอนว่าเราสละสิทธิ์ 😆😆 ขอเป็นคนสุดท้าย แต่พอสอบไปได้ 3-4 คน พระครูก็เรียกเราเข้าไปก่อน เหตุเพราะว่าไม่เคยสอบ ต้องสอบนาน ซึ่งการสอบนั้นไม่ได้น่ากลัวเลย เป็นการสอน พูดคุยมากกว่า
รางวัลปลอบใจจากพระครู ☺️
กิจวัตรประจำวันก็จะเป็นแบบนี้ ปฏิบัติเอง อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้ ถึงเวลาก็มาสอบอารมณ์
แถวมหาศาลามีร้านกาแฟด้วย เปิด 7.00-18.00น. แน่นอนว่าเรามาใช้บริการทุกวัน เนื่องจากถือศีล 8 หลังเที่ยงกินได้แต่น้ำปานะ กาแฟจึงเป็นที่พึ่งของเรา 😁😁
บริเวณปฏิบัติธรรม คือตรงไหนมีป้าย เราสามารถไปปฎิบัติได้หมดเลย จะไม่มีใครมาถามมาว่า เขาไม่ให้คุยกันนี่เนาะ
สุดท้ายใครที่ครบกำหนดแล้ว จะลาศีลก็ให้ไปรอแม่ชีบริเวณสำนักงานเช่นกัน เวลา 15.30 น. แม่ชีก็จะพาไปลาศีล เรียบร้อยแล้วก็กลับห้องพักทำความสะอาดห้อง คืนของ ตอนไปรับบัตรประชาชนคืน เจ้าหน้าที่จะให้เราชำระหนี้สงฆ์ ซึ่งแล้วแต่เจตนา แล้วจะได้ใบอนุโมทนามาเพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ด้วย
หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ หัดวิปัสสนาเช่นเรานะคะ ไว้นึกอะไรออกจะมาเพิ่มเติมข้อมูลให้ หรือใครมีข้อสงสัย ยินดีตอบเป็นอย่างยิ่งค่ะ