ทำไมคนไทยที่อายุเยอะ ๆ หน่อยชอบบอกว่าเมืองไทยในอดีตอากาศไม่ร้อน (ทั้ง ๆ ที่โคตรร้อนเหมือนกัน)

ทำไมคนไทยที่อายุเยอะ ๆ หน่อยชอบบอกว่าเมืองไทยในอดีตอากาศไม่ร้อน (ทั้ง ๆ ที่โคตรร้อนเหมือนกัน)

อันนี้ไม่พูดถึงฤดูหนาว เพราะอันนี้ต่างกันชัดเจน คือปัจจุบันหนาวน้อยลง 

แต่อากาศร้อน ชอบบอกว่าสมัยนี้ร้อนกว่าสมัยก่อน ก็เลยไปหาบันทึกกรมอุตุไทยเก่า ๆ มานั่งอ่านก็พบว่า "ประเทศเรามันร้อนโคตร ๆ แบบนี้มานานมาก"

อุณหภูมิ 40-44 องศาปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปี 2480 กว่า ๆ เคยเห็นกระทู้พันทิปเอาอากาศกรุงเทพสมัยรัชกาลที่ 5 มาลง กรุงเทพยังร้อนแตะ 40 องศา ต่างจังหวัดต้อง 40+++ แน่นอน 

บางปี (เช่นปี 2484) เดือนกุมภาพันธ์ก็ร้อนถึง 41 องศา ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้เห็นนานแล้ว (ล่าสุดน่าจะปี 2548 ถ้าจำไม่ผิด)



นี่แค่ตัวอย่าง ไปนั่งอ่านรายปี หน้าร้อนประเทศไทย มันร้อนแบบบ้าบอคอแตกมาเนิ่นนานมาก ๆ แล้วทำไมคนถึงว่าเมืองไทยในอดีตไม่ร้อนเท่าสมัยนี้ 

ส่วนตัวผมเชื่อเอกสาร ที่ถูกบันทึก มากกว่าคำบอกเล่า เพราะคนแต่ละคนมีความรู้สึกไม่เหมือนกัน บางสถานีอย่างเช่นสถานีเชียงใหม่ยังมีบันทึกพวกนี้เก็บไว้ ตอกย้ำได้อย่างดีว่ามันคือข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ มิใช่แค่คำบอกเล่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ข้อเท็จจริงที่ปราศจากความสามารถในการคิดเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลมันจะมีค่าอะไรมากกว่าความรู้สึกส่วนบุคคล

ตัวข้อมูลบอกอะไรบ้าง? มีแค่ "พิสัย" แค่นั้น เป็นการระบุถึง "จุด" ที่อุณหภูมิอยู่ในช่วงมากและน้อยสุด ถึงใช้คำว่า Mean แต่ก็ไม่ใช่ Mean ของเดือนหรือฤดูกาลเลยสักนิด อย่างฤดูหนาวที่ผ่านมา หนาวอยู่ 3-7 วัน แน่นอนว่ามันสามารถใส่ Lowest เพื่อระบุเป็นเส้นกำหนดพิสัยได้แล้ว และมันก็สามารถใกล้เคียงกับของปีก่อนๆแม้จะย้อนไปหลายสิบปีได้ง่ายๆ มันก็แค่จิ้มจุดที่สูงที่สุดและต่ำที่สุด แต่มันบอกไม่ได้เลยว่า "ใน 30 วัน หนาว 25 วัน อุ่น 4 วัน ร้อน 1 วัน" หรือ "ใน 30 วัน หนาว 4 วัน อุ่น 15 วัน ร้อน 11 วัน" มันก็แค่เอาอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดและสูงที่สุดมาขีดเส้นบนเส้นล่างเท่านั้นเอง

มันคงเป็นเรื่องแปลกทางพันธุศาสตร์และชีววิทยาแทนซะล่ะมั้งที่เด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมา "รู้สึก" ถึงอุณหภูมิได้ง่ายกว่าเด็กสมัยก่อน และเด็กสมัยก่อนที่โตมากลายเป็นผู้ใหญ่สมัยนี้ก็เริ่ม "รู้สึก" ได้เหมือนกับเด็กสมัยนี้ ทั้งค่านิยมเสื้อกันหนาวหรือกิจกรรมที่ทำในฤดูหนาวกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อุปทานหมู่กันทั้งประเทศเพื่อข้อมูลที่ไม่ระบุอย่างละเอียดก็เห็นทีจะไม่ใช่

กลับกัน ลองดูข้อมูลกรมอุตุในอีกลักษณะที่ถึงแม้จะมีข้อมูลยิบย่อยที่ระบุน้อยกว่าแต่ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของอุณหภูมิโดยเฉลี่ยต่อปีที่สูงขึ้น แม้จะเอาแค่ในช่วง 20-30 ปีนี้ก็ยังเห็นว่าแม้จะมีขึ้นมีลงแต่แนวโน้มก็ยังสูงขึ้น

https://tmd-dev.azurewebsites.net/en/ClimateChart/annual-mean-temperature-in-thailand

เอาจริงๆดูแค่ข้อมูลจำพวกนี้ก็ยังสรุปได้ยาก มันต้องเก็บข้อมูลอย่างละเอียด ควบคุมปัจจัยควบคุมต่างๆ แต่ที่แน่ๆเอามาดูแค่พิสัยแบบนี้ไม่ได้ ข้อมูลที่หยิบมาเป็นแค่ข้อมูลที่ไว้ใช้อ้างอิงสำหรับนำไปใช้วิเคราะห์เพื่อสร้างข้อมูลอื่นอีกที ไม่ใช่ข้อมูลที่หยิบมานำเสนอกันซื่อๆแบบนี้

เอาจริงๆผมว่ามันเป็นเรื่องแบบคอมม่อนเซนส์นะที่ว่าจะดูแต่ Min กับ Max ไม่ได้น่ะ ลองเปลี่ยนเป็นเรื่อง... อย่างฟุตบอลงี้ สมมติแมนยูยิงชนะทีมนึง 7-3 (;D) งี้ ในขณะที่ทีมอื่นชนะอย่างเก่งก็แค่ 4-3 หรือ 3-1 งี้ จะบอกว่าแมนยูเก่งสุดในรายการนั้นเลยหรอ ก็ไม่ใช่ใช่มะ มันก็ต้องดูแมทช์อื่นประกอบด้วย ไม่ใช่หยิบ Min หยิบ Max มาอ้าง นี่เอาจริงให้ยกตัวอย่างในวงการไหนก็ได้นะถ้ามันมีอะไรคล้ายๆกัน คือมันคอมม่อนเซน์จนต้องกรีดร้องอ่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
เอาตรงๆก็คือ ร้อน แต่อยู่สบายกว่าสมัยนี้เยอะ ผมอยู่ฝั่งธนสมัยก่อนยังมีสวนเยอะอยู่ มันไม่มีไอแดดจากพื้นคอนกรีตที่สะสมความร้อนอยู่นาน กลับบ้านตอนเย็นแค่เปิดประตูรั้วเข้าไปไอเย็นจากดินจากหญ้าก็เย็นสบายเหมือนอยู่คนละโลกกันแล้ว แค่อาบน้ำให้หายร้อนแล้วเปิดพัดลมตัวเดียวก็พอ ไม่มีแอร์บ้านอื่นเป่าใส่ให้ร้อน

ปัจจุบัน คอนกรีตเต็มไปหมด อมความร้อน เกือบเที่ยงคืนจับผนังดูยังอุ่นอยู่เลย แถมทุกบ้านเปิดแอร์กันจนอากาศแถวนั้นร้อนไปหมดใครไม่เปิดก็อยู่ไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 168
โห เพิ่งมาเห็นกระทู้นี้ ช่วงร้อนๆยังงี้ผมว่าใจเย็นๆกันก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้มันน่าจะเป็นช่วงร้อนที่สุดของปีด้วย (Heat wave รอบนี้น่าจะพีคกันวัน 2 วันนี่แหละครับ) ปีนี้ส่วนตัวผมว่าค่าเฉลี่ยออกมา ตลอดทั้งหน้าร้อนมีสิทธิ์สูสีปี 59 ได้อยู่นะครับ (อันนี้ยังไม่ได้เช็ค แต่คาดการณ์เอา) สาเหตุก็ตามที่ทราบกันดี El Niño กำลังแรงที่กำลังค่อยๆหมดกำลังลง บวกกับ jet stream ที่ปีนี้ก็ยังอยู่ในละติจูดสูงกว่าปกติมาก จึงทำให้ตลอดหน้าร้อนนี้ยากมากที่จะมีอะไรมาดับร้อน หรือต่อให้ความกดอากาศสูงแผ่มาบ้าง เดี๋ยวก็กลับไปร้อนใหม่ในไม่กี่วันอยู่ดี


Jet stream ค่อนข้างลอยลำอยู่แถวพม่าตอนบน และจีนตอนล่าง

และด้วยลักษณะ jet stream ที่อยู่ละติจูดสูงกว่าปกตินี้จะหมายถึงอะไรนอกจากนี้อีก ?

ก็หมายความว่า ถ้าไม่มีลมระดับล่างมาระบายความร้อนออก ช่วงที่พระอาทิตย์แทบจะตั้งฉากกับหัวยังงี้ ความร้อนมันก็จะสะสมอยู่ยังงั้น
ปีนี้จะสังเกตเลยว่าภาคเหนือตอนกลางคืน มันร้อนกว่าทุกๆปี สาเหตุก็มาจากข้อนี้นี่แหละครับ (ภาคอื่นไม่มีผล เพราะลมตะวันตกส่งผลไม่ได้อยู่แล้ว ร้อนตับแลบตามมาตรฐาน)

อนึ่ง ที่คนเข้ามาถกกันว่า แต่ก่อนร้อนน้อยกว่าสมัยนี้ ถ้าเอาบริเวณที่คนสัมผัสได้ ยังไงก็ใช่ 100% ครับ ยังไงบริเวณสถานีวัดอุณหภูมิโดยเฉลี่ยเค้าก็ไม่ไปตั้งกลางคอนกรีต หรือตึกอยู่แล้ว (ต่อให้ผลของ UHI จะมากขึ้นแค่ไหน ก็น้อยกว่าบริเวณอื่นของเมืองอยู่ดี) เพราะจุดประสงค์จริงๆในทางอุตุฯ คือ ต้องการที่จะทราบ “อุณหภูมิอากาศ” ที่แท้จริงไม่ใช่อุณหภูมิตรงผิวสัมผัสอื่นๆ นั่นเป็นสาเหตุที่เทอร์โมมิเตอร์มันตั้งในเรือนวัดเล็กๆในร่ม เพื่อตัดปัจจัยอย่างค่ารังสีสะท้อน ลม แดด ฯลฯ หากพอเป็นสภาพแวดล้อมจริงที่รายล้อมด้วยป่า คอนกรีต บังทางลม อะไรกันไปอีก อันนั้นยิ่งทำให้ร้อนกว่าเดิมเยอะ ยังไม่รวมเพราะ UHI (Urban heat island) ทำให้ความร้อนมันรวมเป็นโดมสะสมอยู่ยังงั้น ลมที่จะมาระบายความร้อนได้จึงต้องแรงกว่าสมัยก่อนเยอะ จึงไม่แปลกที่อุณหภูมิตอนกลางคืนของกทม.มันจึงสูงกว่าสมัยก่อนมาก (รวมถึงเมืองใหญ่อื่นๆด้วย)



สถิติอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดเดือน เมษาฯ คาบ 70 กว่าปี ก็มีขึ้นมีลงบ้าง แต่โดยรวมคือร้อนไม่ต่างกัน ปล.กราฟนี้ไม่รวมปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 31,5 C ใกล้เคียงสถิติ แต่ยังไม่ทำลายปี 59 ขณะที่ปีนี้เปิดตัวได้ค่อนข้างร้อนแรง แต่ดูท่ายังสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะงั้นก็ไม่มีผลในแง่สถิติระยะยาวใดๆ

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว สรุปให้อ่านเข้าใจง่ายๆก็คือ


1.”อุณหภูมิอากาศ”กลางหน้าร้อนสมัยนี้ร้อนกว่าสมัยก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญมั้ย ?

❌ คำตอบคือไม่ต่าง มีบางปีร้อน บางปีเย็นสลับๆกันไป และหากสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าช่วง 2510 -2520 นั่นแหละ ที่เย็นกว่าชาวบ้านมากสุด ช่วงก่อนหน้าก็ร้อนกว่า หรืออย่างปัจจุบันก็ร้อนกว่า ทุกท่านที่เคยอาศัยผ่านยุคนั้น ถือว่าโชคดีสุดครับ เพราะไม่ใช่แค่ไทย แต่โลกเราเย็นสุดในรอบ 100ปี ก็ยุคนั้นนั่นแหละครับ

2.อุณหภูมิสภาพแวดล้อมที่เราสัมผัสกันจริงๆ มันร้อนกว่าเดิมมั้ย?

⭕️ คำตอบคือร้อนกว่าเดิมแน่นอนอีกเหมือนกัน อยากทดสอบก็ไม่ยากลองเอาเทอร์โมมิเตอร์ไปตากแดดแถวกลางเมือง เทียบกับค่าที่กรมอุตุฯวัดได้ก็รู้แล้ว อันนั้นล่ะครับคือความร้อนที่ทุกๆคนสัมผัสได้จริง (โฮ)

และมันยังนำไปสู่ข้อสรุปอีกอันที่ควรค่าแก่การระลึกไว้อีกข้อ คือ
ผลของสภาวะ”โลกร้อน”ที่แทบไม่ทำให้อุณหภูมิอากาศช่วงกลางหน้าร้อน ร้อนมากหรือน้อยกว่าเดิมเลย แต่เป็นผลของความเป็นเมือง และการระบายอากาศต่างหากที่ทำให้ความร้อนมันอบ และกักไว้ยังงี้ เพราะงั้นหากแค่เราสามารถจัดระเบียบเมืองให้ระบายอากศได้ดีขึ้น หรืออย่างแค่ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว (ลดการสะท้อนรังสีความร้อน) ก็จะสามารถทำให้อุณหภูมิสภาพแวดล้อมเย็นกว่าเดิมได้เยอะมากแล้วครับ ถ้าอยากแก้ปัญหาก็ต้องแก้ให้ถูกที่คันหน่อย

ปล.ปิดท้าย เอลนีโญนี้กำลังจะจากเราไปแล้ว พร้อมๆกับ ลานีญาที่จะกลับมาปลายปีนี้ อย่างไรก็ตามครึ่งแรกของหน้าฝนปีนี้ก็จะแล้งกว่าปกติ และยังส่งผลให้หน้าร้อนหมดช้าไปพอสมควร ส่วนครึ่งหลังฝนถึงน่าจะกลับมาตกตามปรกติครับ


ทะเลแถวเปรูเริ่มกลับมาเย็นกว่าปกติให้เห็นแล้ว ปลายปีนี้น่าจะกลับเข้าสู่สภาวะ ลานีญาอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่