ประสบการณ์/วิธีเตรียมสอบ MCAT แบบละเอียดยิบ + CU-MEDi 2024 ใครสมัครรอบนี้ไปเข้ามาคุยกันนะคะ

เรายื่นแพทย์อินเตอร์จุฬา cu-medi ปีนี้ไปค่ะ ตอนนี้รอสัมภาษณ์
ใครมีประสบการณ์อะไรอยากเล่า หรือข้อสงสัยใดๆ ทิ้งคอมเม้นไว้ได้เลยนะคะ
อยากจะบอกว่าตอนอ่านสอบ MCAT โหดมาก ถ้าสัมภาษณ์ไม่ผ่านคงเสียใจมาก T*T

การเตรียมสอบ
ตอนอ่านสอบใช้เวลาเกือบปี เราอ่านเองไม่ได้ใช้สถาบันติวใดๆ
สองอาทิตย์แรกส่วนใหญ่ใช้เวลาหาข้อมูล อาจจะฟังดูว่าเยอะ แต่ที่ใช้เวลาเยอะ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับการสอบมันเยอะจริงๆค่ะ แรกๆยิ่งอ่านอาจจะยิ่งงง แต่ทำความคุ้นเคย รีเสิชเยอะๆๆแล้วจะจับทางถูกค่ะ และควรหาอ่านประสบการณ์คนที่สอบไปแล้วเยอะๆค่ะ /จะเห็นว่าส่วนใหญ่จะเห็นคนบ่นว่ามันยากมาก 555
ต้องทำความเข้าใจคะแนนที่เป็นแบบ percentile ด้วยนะคะ 

อย่างแรกเราเขียนออกมาก่อนว่า ในแต่ละพาร์ทมีหัวข้ออะไรบ้างที่ออกสอบ (มีบอกในเอกสารแนะนำ ดูฟรี ได้ที่ เว็บ AAMC ที่เป็นเจ้าของข้อสอบ บอกไว้ละเอียดมาก)
และพอรู้แล้วว่าต้องอ่านอะไร ต่อไปคือการแบ่ง phase ในการอ่านค่ะ (แบ่งเองตามความถนัดของตัวเองเลยนะคะ)
ของเราแบ่งเป็น 3 phase ใหญ่ๆ 

1. Foundation
เพราะเราไม่ได้มาจากสายวิทย์ เราต้องเริ่มอ่านจาก0 แทบทั้งหมด ในเฝสนี้เราต้องเลือก resource ว่าจะอ่านอะไรบ้าง
เราเลือก อ่าน เคมีของ pearson, physics ขนมหวานทั้งสามเล่ม, Bio 2E (free online), Biochem Pearson, behavioral science ของ Kaplan
อันไหนอ่านแล้วไม่เข้าใจดูยูทูป/khan academy ถ้าไม่เข้าใจอีก หาอ่านอีกเล่ม 
ทุกเล่มที่บอกไป เราอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ อาจมีข้ามบาง chapter ถ้าคิดว่าไม่ได้สำคัญมาก

2. Review
อ่านสรุปที่เราอ่านแบบลึกๆมาทั้งหมด โดยใช้ kaplan (ทุกวิชา)
+โน๊ตที่จดไว้ตอนอ่านเฝสแรก
อ่าน kaplan ดี เพราะก่อนเข้าแต่ละบทจะมีข้อสอบวัดความรู้ให้ทำ เฝสนี้จะรวดเร็วหน่อยนะคะ เพราะเราอ่านลึกไปก่อนหน้านี้แล้ว
ใครที่มาจากสายวิทย์จัดๆ อ่านแค่นี้ก็อาจจะไหว ให้ไปฝึกทำข้อสอบเอาในเฝส3

3. Practice
ฝึกทำข้อสอบในเว็บ Uworld และ AAMC ซึ่งต้องซื้อนะคะ เราใช้เวลาสองเดือนเฟสนี้ ที่ดูนานเพราะ ข้อไหนผิดเรากลับไปอ่านจนเข้าใจเลยค่ะ สำคัญมากๆเลยนะคะที่ต้องฝึกทำข้อสอบ เพราะข้อสอบ mcat มันเป็นเอกลักษณ์มาก 

แนวช้อสอบ 
บอกรวมๆก่อนว่า ทุกพาร์ทเป็นแนวคล้ายกัน ที่เป็นการให้อ่าน passage ยาว 500-700 คำ มีคำถาม 5-7ข้อต่อ1passage 
แต่ละพาร์ท มี 59 คำถาม
multiple choice

(เรียงตามพาร์ทที่สอบในวันสอบจริง ตัวย่อที่ใช้คือใช้ตามเด็ก pre-med ที่อเมริกา)

1. C/P คือ Chemical and Physical Foundations of Biological Systems
[Chemistry/Physics]
organic chem สำคัญพอสมควร ฟิสิกส์อาจจะต้องใช้จินตนาการเยอะ ตอนอ่านpassageมันจะดูยากๆ แต่สมการมันเบสิค คิดให้ดีว่าต้องใช้สมการอะไร 
ขอขอบคุณ physics ขนมหวานที่ช่วยชีวิตตอนมัธยมและอีกรอบตอนนี้
และขอขอบคุณเคมีอ.อุ๊
เราเรียนเคมีไว้ตั้งแต่ม.ต้น นานแล้วแต่เบสิคยังแน่นอยู่จึงทำให้ต่อยอดง่าย พวกเรื่องของเหลว แก๊ส mole molar mass มาเต็มจ้า

2. CARS คือ Critical Analysis and Reasoning Skills
พาร์ทปราบเซียน 
ไม่ต้องใช้ความรู้วิทย์คณิต แต่ใช้ความรู้ภาษาอังกฤษและความเข้าใจในการอ่าน สูงมากกก พาร์ทนี้ขนาดคนเมกาแท้ๆยังอ่านไม่เข้าเลยค่ะ ต้องฝึกเยอะๆ ต้องอ่านให้เร็ว ควรฝึกอ่านอะไรที่มันเข้าใจยากๆและพยายามแกะออกมาให้เราเข้าใจให้เร็วที่สุด 
เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับอะไรก็ได้ humanity, art, music, religion, ตามใจคนออก ที่ยากคือมันจะใช้ภาษาที่น่างงมาก ต้องจับใจความให้ออกว่าคนเขียนต้องการสื่อว่าอะไร พาร์ทนี้ห้าม!!!ใช้ความรู่ที่เรามีเข้าช่วย ห้ามคิดไปเอง ให้ตอบตามที่คนเขียนเขาสื่อเท่านั้น
/เหมือนวัดว่า ถ้าเราไปคุยกับคนที่ใช้ภาษางงๆเราจะคุยกับเขารู้เรื่องไหม55555
อาจจะมีศัพท์ยากแต่สามารถใช้บริบทใกล้ๆช่วยได้ ว่าคำนั้นน่าจะแปลว่าอะไร
###พาร์ทนี้ใช้ข้อสอบฝึกหัด ของ AAMC ดีกว่าของ uworld นะคะ เราไม่ทำของ UW เลย

3. B/B คือ Biological and Biochemical Foundations of Living Systems
[Bio/Biochem]
อาจจะให้ mechanism ของโปรตีนตัวนึงมา สมมุติว่าชื่อ ABC1
คำถามอาจจะถามว่า ถ้าโปรตีน XYZ2 ใน pathway นี้ หายไป จะเกิดอะไรขึ้นกับโปรตีน ABC1 มันจะมากขึ้นหรือน้อยลง
ต้องฝึกฝึกวาด pathway diagram ให้เป็น เชื่อมออกมาว่าตัวไหนกระตุ้นหรือยับยั้งตัวไหน
หรือไม่ก็ให้ data table ของการทดลองมาและถามว่า คิดว่านักวิจัยสรุปว่าอะไร
ฝึกอ่านกราฟ ชาร์ต ข้อมูลการวิจัย ถ้าฝึกทำข้อสอบเยอะๆเดะก็เป็นเอง
ควรโฟกัส enzyme, amino acids, protein structure

4. P/S คือ Psychological, Social, and Biological Foundations of Behavior 
[psychology/sociology/behavioral science]
ถือว่ากว้าง ต้องจำศัพท์เฉพาะทางเยอะ 
เช่น stages of development ของ Freud, Kolhberg, Erikson
พาร์ทของ brain and functions เช่น ถ้าคนไข้ฟังคนพูดเข้าใจแต่พูดตอบไม่ได้ แสดงว่าสมองส่วนไหนมีปัญหา
และก็
ปัญหาทางสังคม เช่น ความเหลื่อมล้ำในการเข้ารักษาโรค

Tips
- ควรทำ diagnostic test จะได้รู้ว่าต้องฝึกทำข้อสอบ/อ่านอีกเยอะแค่ไหน
- Aim ไว้ว่าต้องเกิน 500 (เราตั้งไว้ 508 เพราะคิดว่าน่าจะได้เปรียบสายวิทย์ที่ cars)
- มี 6 full length practice test ในเว็บ AAMC ซื้อมาทำ และ track progress แนะนำซื้อแบบ full online bundle ไปเลย เพราะจะได้คลังข้อสอบทุกวิชาด้วย
- ทำ detailed schedule ออกมาเลย แต่ละวันจะอ่านวิชาไหน บทไหนบ้าง จะได้ตีเวลาถูกว่าเราจะอ่านจบในกี่วัน
- สอบเสร็จแล้วต้องรอผลสอบ 30-35 วัน 

คะแนนเรา
diagnostic (หลังอ่านจบ phase 1): 493
--หลังรึวิวและ practice--
คะแนนจริง: 510-515 
ไม่อยากบอกเป๊ะๆ
full length average สามารถทายได้ใกล้เคียง +/- 3


สู้ๆนะคะ ทุกคน เราเขียนละเอียดแบบนี้เพราะว่าตอนที่กำลังศึกษาเรื่องการสอบ มันรู้สึกมืดมาก ไม่รู้จะเพิ่งใคร เข้าใจความรู้สึกคนเตรียมสอบแหละ
การสอบนี้ใช้ความุมานะสูง จะเหงาๆ ไ่มีเวลาคุยกับใคร อยู่แต่กับหนังสือ
ตั้งแต่ตื่นจนดึก คืออ่านๆ ทำๆข้อสอบ จนเบลอ แต่สอบเสร็จแล้วก็โล่งมาก
เราต้องรู้ตัวนะคะว่าเราอ่านไม่ไหวตอนไหน
การพักสำคัญมากค่ะ ถ้าเบลอ burnt out แล้ว ฝืนอ่านไปยังไงก็ไม่เข้าใจค่ะ
พยายามพักอย่างน้อย1วันต่อวีค พักก็คือพักจริงๆนะคะ ห้ามรู้สึกผิด เราอ่านมาเยอะก็สมควรมีเวลาเล่นเกม ดูหนังบ้าง ขอบใจตัวเราเองที่สู้มาได้ขนาดนี้

*รวมค่าหนังสือ ค่าข้อสอบทั้งหมด ไม่รวมค่าสมัครสอบ = ไม่ถึงห้าหมื่น 
ถูกกว่าไปเรียนพิเศษแหละ 

เหนื่อยอีกตอนสอบสัมภาษณ์เพราะคนที่เข้าไปสอบสัมภาษณ์ต้องเซ็น NDA เลยไม่มีรุ่นพี่คนไหนบอกได้ว่าต้องเตรียมตัวยังไง ต้องเตรียมให้ครบรอบด้านไปแหละ


พิมพ์อะไรผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ มีอะไรทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะคะ


Update: ติดแล้วนะคะ T^T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่