แชร์ประสบการณ์สอบ IELTS ให้ได้ Band 7 ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน และรวบรวมหนังสือพร้อม website ที่ใช้ในการสอบ IELTS

เราสอบ IELTS มาสองครั้ง ครั้งแรกไปสอบแบบไม่ได้เรียน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ความรู้เดิมเพียวๆ แบบประมาณว่า อยากรู้ว่าตัวเองจะได้ประมาณเท่าไร แต่ปรากฏว่าทำข้อสอบไม่ทันกระจายเลย Listening ช่วงที่เป็น Multiple Choice เราฟังไม่ค่อยทัน Reading Passage 3 ไม่ได้อ่านเลย Writing ก็เขียนไม่ทัน โดยเฉพาะ writing task 1 บรรยายไม่ถูก ข้อมูลมันดูเยอะมาก writing task 2 อันนี้หนักเลย เขียนไม่ทันและคิดไม่ออก Speaking ก็คิดไอเดียไม่ค่อยออก ตอบสั้นมากๆ สรุปคือผลคะแนนรอบแรกออกมาเน่ามากๆ

หลังจากนั้น เริ่มหาที่เรียนเพราะเราจับต้นชนปลายไม่ถูก ประมาณว่าเราจับหลักไม่ได้ว่า ควรทำข้อสอบแบบไหนถึงจะได้คะแนนดี และก็ไม่รู้จะเริ่มอ่านจากจุดไหนก่อน สุดท้ายตามเพื่อนๆ ที่คณะไปเรียนที่ กู๊ด แลงเกวจ และก็ได้ผลที่เราต้องการ บอกเลยว่ามันช่วยได้มากจริงๆ เราสามารถจับหลักในการทำพาร์ทต่างๆได้ดีขึ้นมากๆ เราได้คะแนนฟัง อ่าน ค่อนข้างเยอะ ทั้งจากเทคนิคที่เรียนเพิ่มเติมและฝึกทำเอง

ซึ่งเราจะสรุปเทคนิค และแนวทางการทำข้อสอบ IELTS พาร์ทต่างๆคร่าวๆ มาให้เพื่อนๆดังนี้

พาร์ทฟัง อย่าฝึกแบบจับคำ เพราะจะตอบไม่ได้เลย ต้องจับความหมายคร่าวๆ และเน้นที่ synonym เป็นหลัก ฝึกเยอะๆ จะได้คำ synonym จากในแบบฝึกหัด  
เช่น ที่โจทย์ให้เติมคำ In future, the house may produce more __electricity__ than it needs.
แต่ในเทปพูด It is possible that in future the house may even generate an electricity surplus.
พาร์ทฟังนี้ ฝึกข้อสอบเก่าๆเยอะๆ จะช่วยให้ฟังได้ดีขึ้นค่ะ
อีกอย่าง spelling ก็สำคัญนะคะ  ใครมีปัญหาด้าน spelling แนะนำ website ข้างล่างเลยค่ะ
https://ieltsonlinetests.com/listening-tips/378-high-frequency-words-in-listening

พาร์ทอ่าน จากการเรียนที่อาจารย์สอนมาต้องใช้ทั้งการ skimming and scanning

Skimming คือ การอ่านและดูภาพรวมของเนื้องเรื่องอย่างไว อ่านชื่อเรื่อง อ่านย่อหน้าแรกคร่าวๆว่าเนื้อเรื่องพูดเกี่ยวกับอะไร อ่าน 1-2 ประโยคแรกของแต่ละย่อหน้า อ่านย่อหน้าสุดท้ายคร่าวๆ เพราะมันคือสรุปของเรื่อง

Scanning คืออ่านโจทย์ ขีดหา key words และ scan หาคำตอบในเนื้อเรื่องที่เราเพิ่ง skim มา พอหาเจอแล้ว ก็อ่านเพื่อหาคำตอบในย่อหน้านั้น พยายามดู synonym เป็นหลักเช่นเดียวกัน

เช่น ในเนื้อเรื่องให้ประโยคมาว่า The Babylonians began to measure time, introducing calendars to co-ordinate communal activities, to plan the shipment of goods and , in particular, to regulate planting and investing.
แต่ในโจทย์จะให้ประโยคมาว่า They create a calendar to organize public events and work schedules.

หมายเหตุ ในส่วน Reading ระวังการเขียนคำตอบด้วย true false yes no not given ดูคำถามให้ดี อย่าเขียนย่อ ควรเขียนเต็มๆ

พาร์ทเขียน หาอ่านเองมันกว้างมากค่ะ สองพาร์ทนี้มีทริคเยอะและที่เรียนพิเศษช่วยได้มากๆค่ะ เพราะจะได้รูปแบบและไอเดียจากในห้องเรียนเอามาประยุกต์ใช้ด้วย

Writing task 1 เขียน introduction ก่อน แล้วตามด้วย overall คือการมองภาพรวมของกราฟ ละต่อด้วย details ของกราฟ ในส่วนนี้ต้องเขียน Main Features และทำการเปรียบเทียบข้อมูลด้วย สำหรับ task 1 คือการบรรยายกราฟ ไม่ต้องใส่ความคิดเห็นลงไปแต่อย่างใด

Writing task 2 เขียน Essay สำคัญมาก เพราะคะแนนส่วนใหญ่อยู่ตรงนี้ ประเภทคำถามมีหลายแบบ ทั้งถาม ข้อดี ข้อเสีย causes and effects agree or disagree discuss both views เป็นต้น พาร์ทนี้ต้องพยายามโชว์ไอเดียและทักษะในการใช้ภาษามากๆ โดยพยายาม focus ที่ 4 เกณฑ์การให้คะแนนเป็นหลัก ที่สำคัญต้องเขียนให้ครบคำตามที่เค้ากำหนด และเขียนให้จบด้วย ไม่อย่างนั้น จะโดนหักคะแนน พาร์ทนี้หลายคนมีปัญหาที่ idea แนะนำอ่านเก็บไอเดียจากงานเขียนเก่าๆ ช่วยได้ และยังได้คำศัพท์เพิ่มด้วย เพราะถ้าตอบไม่ตรงคำถามหรือตอบไม่ครบทุกคำถาม คะแนนจะตกไปอยู่ประมาณ band 5 ได้เลยค่ะ

เกณฑ์การให้คะแนน writing มี 4 ข้อด้วยกันคือ

• Task achievement ตรงคำถาม ครบทุกคำถาม มีการอธิบายและยกตัวอย่างชัดเจน

• Coherence and cohesion - organize ตัวเชื่อม การลำดับความ

• Lexical Resource การใช้คำหลากหลาย รวมถึง spelling

• Grammar เช่นพวก complex sentences, passive voice

พาร์ทพูด พาร์ทนี้ฝึกเองยากหน่อย เพราะต้องมีคน comment แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องไอเดีย ลองอ่านเก็บไอเดียการเขียนจากหนังสือ IELTS Journal Target Band 7+ ช่วยได้ค่ะ และใน www.ieltsmaterial.com  ก็มีหัวข้อให้อ่านเก็บ idea เยอะค่ะ
https://ieltsmaterial.com/speaking/
พาร์ทนี้พยายามพูดอย่างมั่นใจ อย่าติดแบบ เอิ่ม … พยายามตอบให้ตรงคำถามและใส่คำอธิบาย พร้อมยกตัวอย่างประกอบ ใช้ศัพท์ให้หลากหลาย และใส่พวก connective words ลงไปด้วยก็ดี

เกณฑ์การให้คะแนน speaking มี 4 ข้อด้วยกันคือ

- Fluency and Coherence คือ ความลื่นไหล คล่องแคล่ว และสอดคล้องกันของเนื้อหาในการตอบ อีกทั้งต้องพยายามใช้ connective words เช่น However, Moreover เป็นต้น

- Lexical Resource คือ คำศัพท์ที่ใช้ ส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์ยากอะไรเลย แต่ควรเป็นคำศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องและคำถาม

- Gramatical Range and Accuracy  ดูความสามารถด้านภาษาและรูปแบบประโยคที่หลากหลาย

- Pronunciation ไม่จำเป็นต้องสำเนียงแบบ native speaker แต่ต้องออกเสียงให้ชัดเจน และถูกต้อง

หนังสือที่เหมาะแก่การฝึก IELTS เพิ่มเติม มีหลายเล่ม (แต่ส่วนตัวเราฝึกแค่ 3 ข้อแรกนะคะ)  เช่น

1. CAMBRIDGE IELTS PRACTICE TESTS เพื่อนๆ สามารถ download จาก www.ieltsmaterial.com ได้เลยค่ะ ส่วนตัวเราฝึกจากเล่ม 10 ขึ้นไป

2. THE OFFICIAL CAMBRIDGE GUIDE TO IELTS เล่มนี้มี 8 tests ค่อนข้างคุ้มอยู่ค่ะ

3. IELTS TRAINER เล่มนี้บาง test เราว่ายากอยู่ค่ะ

4. หนังสือ IELTS ของ Barron’s แต่เล่มนี้ แบบฝึกหัดค่อนข้างง่าย เหมาะแก่คนที่พื้นฐานไม่แข็งมากนัก

5.หนังสือ IELTS Practice Tests ของ Kaplan

6.IELTS Practice Tests ของ McGrew-Hill Education

แต่ถ้าใครไม่สะดวกซื้อหนังสือ ในส่วนของ website  เราแนะนำ

www.ieltsonlinetests.com  เว็บนี้มีแบบฝึกหัดให้ฝึกแบบ online เยอะ ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เลย

www.ieltsmaterial.com   เราชอบเว็บนี้ที่สุด เพราะมีทั้ง EBOOKS  ที่น่าสนใจหลายเล่ม

www.ieltsadvantage.com  เว็บนี้มีเทคนิคเยอะ และมีสอนแบบ online ด้วย เป็นต่างชาติสอน

www.ielts-simon.com  เว็บนี้ตัวอย่าง writing ดีมาก

www.ielts-mentor.com  เว็บนี้มีแบบฝึกหัดให้ฝึกเยอะมาก โดยเฉพาะ Reading  และ Writing 

www.ielts-exam.net  เว็บนี้ก็เน้นแบบฝึกหัดเช่นเดียวกัน

www.ieltsliz.com  เว็บนี้นำเสนอเทคนิคดีหลายพาร์ท และมักมีคนหลายชาติเข้ามา share Recent IELTS Exam Questions ด้วย

หวังว่าหนังสือและ website ที่เรารวบรวมมาให้ น่าจะช่วยเพื่อนๆ ได้เยอะนะคะ สู้ๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่