มีการคาดการณ์ไว้ว่าในปี พ.ศ. 2564 ประเทศไทย สัดส่วนของจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 20-30 เปอร์เซ็นต์
แสดงว่าประชากร ทุกๆ 100 คน เราจะพบจำนวนผู้สูงอายุ 30 คน
สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) จะเป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน และมีอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป หรือมี
หรือ ก็คือ ประเทศไทยตอนนี้เข้าสู่ภาวะ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยประเมินว่า ในปี 2573 ไทยจะเข้าสู่สังคมผุ้สูงอายุ สุดยอด
ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่า อีก 78 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรลดลงครึ่งหนึ่งจาก 71 ล้านคน เหลือ 35 ล้านคน งในอนาคตจะทำให้จัดเก็บภาษีได้ลดลง การขาดแคลน แรงงานที่มีฝีมือ ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ รวมทั้งรูปแบบ ครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไปจากครอบครัวขยายกลายเป็น ครอบครัวเดี่ยว การเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ปัญหาความมั่นคง และขาดทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาประเทศ
พบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดลดลง ได้แก่ การที่ผู้หญิง มีบทบาทในสังคมและมีส่วนร่วมในกลุ่มแรงงานมากขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความกังวลต่อภาระค่าใช้จ่าย ความไม่สมดุล ระหว่างการงานและครอบครัว การบีบคั้นทางเศรษฐกิจและ สังคมการเมือง และความเหลื่อมล้ำ
อัตราการเกิด เป็นสิ่งเร่งด่วนในสังคมไทย และทั่วโลก
นโยบาย “ลูกมากยากจน” “กลับตาลปัตร” ใน 50 ปี
นโยบาย ลดอัตราเพิ่ม ของประชากรไทยตามเจตนารมณ์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2510-2514
มีลูกมากจะยากจน นโยบายนี้ ก่อให้เกิด “เป็นปัญหาใหม่” และ “ใหญ่หลวง” ของประเทศไทย ในปี 2567
ซึ่งประโยคนี้พูดโดยผุ้ร่างนโยบายเอง
การกลัวความยากจนนั้นน่ากลัว และนี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่
มนุษยไม่แต่งงาน และ ไม่มีลูก เพราะกลัวความยากจน มนุษย์ นำพ่อแม่ไปทิ้งป่า เพราะกลัวความยากจน มีมาแต่เดิม
ในอาหรับยุคศตวรรษที่ 7 และ หลายภูมิภาค ทั่วโลกนั้น นิยมฝังดินเด็กผู้หญิงที่เกิดมา เพราะ กลัวความยากจน
และการเลี้ยงดูที่ไม่คุ้มค่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แต่งงาน เพราะไม่อยากรับผิดชอบภาระ แต่ เผ่าพันธ์มนุษย์นั้น
ต้องพึ่งพารุ่นต่อไป สังคมมนุษย์ในปัจจุบันนั้น ขาดแคลนเด็กเกิดใหม่ ไม่ใช่ มีเพียงพอ
ในศตรษษที่ 7 ศาสนาอิสลามแก้ปัญหานี้อย่างไร
1. สนับสนุนให้คนมีเพศสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน และ อย่ากลัว ความยากจนจากการแต่งงาน
وَأَنكِحُوا۟ ٱلْأَيَٰمَىٰ مِنكُمْ وَٱلصَّالِحِينَ مِنْ عِبَادِكُمْ وَإِمَآئِكُمْ إِن يَكُونُوا۟ فُقَرَآءَ يُغْنِهِمُ ٱللَّهُ مِن فَضْلِهِۦ وَٱللَّهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ
"และจงให้พวกเจ้าแต่งงานกับผู้เป็นโสดในหมู่พวกเจ้า และกับคนดีๆจากปวงบ่าวผู้ชายของพวกเจ้า และบ่าวผู้หญิงของพวกเจ้า หากพวกเขายากจน อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้"
อันนูร โองการที่ 32
ซึ่งสอสดคล้องกับงานวิจัยที่ว่า
ในเพศชายไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์รายได้ส่วนบุคคลและรายได้ครัวเรือนจะเห็นได้ว่าผู้ชายที่อยู่ในสถานะแต่งงานจะมีรายได้มากกว่ากลุ่มชายโสดเสมอ แสดงให้เห็นว่าผู้ชายได้รับผลจากการแต่งงาน และในเพศหญิงเมื่อควบคุมตัวแปรทุนมนุษย์แล้วพบว่าผู้หญิงที่อยู่ในสถานะแต่งงานมีรายได้มากกว่าผู้หญิงที่อยู่ในสถานะโสด ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการแต่งงานที่ Becker (1973) ได้กล่าวถึงไว้ใน A Theory of Marriage ว่าคนที่สมรสมีแนวโน้มที่จะมีการเจริญเติบโตของรายได้ได้ดีกว่าคนโสด "
จาก The Effectof Divorce on The Earnings of Thai Men and Women
2.ให้กำลังใจว่าภาระต่างๆที่ถูกจัดเตรียม แต่ละ บุคคลนั้นไม่หนักหนาเกินกว่าที่จะแบกรับได้
[286] อัลลอฮฺจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น ชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้
3.ห้ามการฆ่าบุตร เพราะกลัวความยากจน
وَلَا تَقْتُلُوا أَوْلَادَكُمْ خَشْيَةَ إِمْلَاقٍ نَّحْنُ نَرْزُقُهُمْ وَإِيَّاكُمْ إِنَّ قَتْلَهُمْ كَانَ خِطْئًا كَبِيرًا ( 31 ) และพวกเจ้าอย่าฆ่าลูกๆ ของพวกเจ้าเพราะกลัวความยากจน เราให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาและแก่พวกเจ้าโดยเฉพาะ แท้จริงการฆ่าพวกเขานั้นเป็นความผิดอันใหญ่หลวง
4.อย่ายอมแพ้ต่อความชั่วร้าย เพราะความยากจน
[268] ชัยฎอนนั้น มันจะขู่พวกเจ้าให้กลัวความยากจน และจะใช้พวกเจ้าให้กระทำความชั่ว
5.ในขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนให้ ผู้ชายสร้างตัวเอง ให้พร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อแต่งงาน และ ถือศีลอด ถ้ายังไม่พร้อม
สรุป
ปัญหาของโลก และประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ คือ ปัญหาการขาดแคลนประชากรจากการเกิด
ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบาย รวมมื้อเที่ยงให้ตัวเอง ด้วยการตัดตอนชีวิตที่จะเกิดมา เพราะกลัวความยากจน
ทางแก้ของปัญหานี้คือ ให้แต่งงาน และ แต่งงานอย่างมีความรับผิดชอบ
ปัญหาอย่าง เสรีภาพทางเพศที่ ผู้ชายได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว การเลี่ยงการแต่งงาน การทำแท้ง การฆ่าบุตร
เพราะกลัวการแต่งงานนั้นไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาเดียวกับ โลกอาหรับในศตรรรษที่ 7
ดังนั้นทางออกของปัญหานี้ไม่ว่าท่านจะเป็นมสุลมิหรือไม่คือ
1.หยุดการมีเพศสัมพันธ์เสรี และ รับผิดชอบชีวิตผุ้หญิงและบุตรผ่านการแต่งงาน
2. อย่ากลัวการแต่งงาน เพราะ กลัวความยากจน
3. อย่าฆ่าบุตรของท่าน เพราะกลัวความยากจน
4. จงทำงาน และ จงแต่งงานเมื่อพร้อม ถ้าไม่พร้อมก็อย่าไปสร้างปัญหาให้กับสังคม
5. มีลูก และ สร้างครอบครัว
6. รัฐบาลต้องส่งเสริมการแต่งงานที่ดี และ การให้การสนับสนุนผู้มมีบุตร
เช่นนี้ ประเทศไทยและโลกก็จะออกจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
ซึ่งเป็นโยบายที่ ทุกฝ่ายยอมรับว่าผิดพลาด แล้ว เมื่อ 50 ปีก่อนนั่นเอง
การกลัวความยากจน กำลังจะเป็นปัญหาในโลก
แสดงว่าประชากร ทุกๆ 100 คน เราจะพบจำนวนผู้สูงอายุ 30 คน
สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) จะเป็นสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปที่อยู่จริงในพื้นที่ต่อประชากรทุกช่วงอายุในพื้นที่เดียวกัน และมีอัตราเท่ากับหรือมากกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไป หรือมี
หรือ ก็คือ ประเทศไทยตอนนี้เข้าสู่ภาวะ สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยประเมินว่า ในปี 2573 ไทยจะเข้าสู่สังคมผุ้สูงอายุ สุดยอด
ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่า อีก 78 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะมีจำนวนประชากรลดลงครึ่งหนึ่งจาก 71 ล้านคน เหลือ 35 ล้านคน งในอนาคตจะทำให้จัดเก็บภาษีได้ลดลง การขาดแคลน แรงงานที่มีฝีมือ ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ รวมทั้งรูปแบบ ครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไปจากครอบครัวขยายกลายเป็น ครอบครัวเดี่ยว การเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ ปัญหาความมั่นคง และขาดทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาประเทศ
พบว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดลดลง ได้แก่ การที่ผู้หญิง มีบทบาทในสังคมและมีส่วนร่วมในกลุ่มแรงงานมากขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความกังวลต่อภาระค่าใช้จ่าย ความไม่สมดุล ระหว่างการงานและครอบครัว การบีบคั้นทางเศรษฐกิจและ สังคมการเมือง และความเหลื่อมล้ำ
อัตราการเกิด เป็นสิ่งเร่งด่วนในสังคมไทย และทั่วโลก
นโยบาย “ลูกมากยากจน” “กลับตาลปัตร” ใน 50 ปี
นโยบาย ลดอัตราเพิ่ม ของประชากรไทยตามเจตนารมณ์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2510-2514
มีลูกมากจะยากจน นโยบายนี้ ก่อให้เกิด “เป็นปัญหาใหม่” และ “ใหญ่หลวง” ของประเทศไทย ในปี 2567
ซึ่งประโยคนี้พูดโดยผุ้ร่างนโยบายเอง
การกลัวความยากจนนั้นน่ากลัว และนี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่
มนุษยไม่แต่งงาน และ ไม่มีลูก เพราะกลัวความยากจน มนุษย์ นำพ่อแม่ไปทิ้งป่า เพราะกลัวความยากจน มีมาแต่เดิม
ในอาหรับยุคศตวรรษที่ 7 และ หลายภูมิภาค ทั่วโลกนั้น นิยมฝังดินเด็กผู้หญิงที่เกิดมา เพราะ กลัวความยากจน
และการเลี้ยงดูที่ไม่คุ้มค่า การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แต่งงาน เพราะไม่อยากรับผิดชอบภาระ แต่ เผ่าพันธ์มนุษย์นั้น
ต้องพึ่งพารุ่นต่อไป สังคมมนุษย์ในปัจจุบันนั้น ขาดแคลนเด็กเกิดใหม่ ไม่ใช่ มีเพียงพอ
ในศตรษษที่ 7 ศาสนาอิสลามแก้ปัญหานี้อย่างไร
1. สนับสนุนให้คนมีเพศสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน และ อย่ากลัว ความยากจนจากการแต่งงาน
وَأَنكِحُوا۟ ٱلْأَيَٰمَىٰ مِنكُمْ وَٱلصَّالِحِينَ مِنْ عِبَادِكُمْ وَإِمَآئِكُمْ إِن يَكُونُوا۟ فُقَرَآءَ يُغْنِهِمُ ٱللَّهُ مِن فَضْلِهِۦ وَٱللَّهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ
"และจงให้พวกเจ้าแต่งงานกับผู้เป็นโสดในหมู่พวกเจ้า และกับคนดีๆจากปวงบ่าวผู้ชายของพวกเจ้า และบ่าวผู้หญิงของพวกเจ้า หากพวกเขายากจน อัลลอฮฺจะทรงให้พวกเขาร่ำรวยขึ้นจากความโปรดปรานของพระองค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้"
อันนูร โองการที่ 32
ซึ่งสอสดคล้องกับงานวิจัยที่ว่า
ในเพศชายไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์รายได้ส่วนบุคคลและรายได้ครัวเรือนจะเห็นได้ว่าผู้ชายที่อยู่ในสถานะแต่งงานจะมีรายได้มากกว่ากลุ่มชายโสดเสมอ แสดงให้เห็นว่าผู้ชายได้รับผลจากการแต่งงาน และในเพศหญิงเมื่อควบคุมตัวแปรทุนมนุษย์แล้วพบว่าผู้หญิงที่อยู่ในสถานะแต่งงานมีรายได้มากกว่าผู้หญิงที่อยู่ในสถานะโสด ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการแต่งงานที่ Becker (1973) ได้กล่าวถึงไว้ใน A Theory of Marriage ว่าคนที่สมรสมีแนวโน้มที่จะมีการเจริญเติบโตของรายได้ได้ดีกว่าคนโสด "
จาก The Effectof Divorce on The Earnings of Thai Men and Women
2.ให้กำลังใจว่าภาระต่างๆที่ถูกจัดเตรียม แต่ละ บุคคลนั้นไม่หนักหนาเกินกว่าที่จะแบกรับได้
[286] อัลลอฮฺจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น ชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้
3.ห้ามการฆ่าบุตร เพราะกลัวความยากจน
وَلَا تَقْتُلُوا أَوْلَادَكُمْ خَشْيَةَ إِمْلَاقٍ نَّحْنُ نَرْزُقُهُمْ وَإِيَّاكُمْ إِنَّ قَتْلَهُمْ كَانَ خِطْئًا كَبِيرًا ( 31 ) และพวกเจ้าอย่าฆ่าลูกๆ ของพวกเจ้าเพราะกลัวความยากจน เราให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาและแก่พวกเจ้าโดยเฉพาะ แท้จริงการฆ่าพวกเขานั้นเป็นความผิดอันใหญ่หลวง
4.อย่ายอมแพ้ต่อความชั่วร้าย เพราะความยากจน
[268] ชัยฎอนนั้น มันจะขู่พวกเจ้าให้กลัวความยากจน และจะใช้พวกเจ้าให้กระทำความชั่ว
5.ในขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนให้ ผู้ชายสร้างตัวเอง ให้พร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อแต่งงาน และ ถือศีลอด ถ้ายังไม่พร้อม
สรุป
ปัญหาของโลก และประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ คือ ปัญหาการขาดแคลนประชากรจากการเกิด
ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบาย รวมมื้อเที่ยงให้ตัวเอง ด้วยการตัดตอนชีวิตที่จะเกิดมา เพราะกลัวความยากจน
ทางแก้ของปัญหานี้คือ ให้แต่งงาน และ แต่งงานอย่างมีความรับผิดชอบ
ปัญหาอย่าง เสรีภาพทางเพศที่ ผู้ชายได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว การเลี่ยงการแต่งงาน การทำแท้ง การฆ่าบุตร
เพราะกลัวการแต่งงานนั้นไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาเดียวกับ โลกอาหรับในศตรรรษที่ 7
ดังนั้นทางออกของปัญหานี้ไม่ว่าท่านจะเป็นมสุลมิหรือไม่คือ
1.หยุดการมีเพศสัมพันธ์เสรี และ รับผิดชอบชีวิตผุ้หญิงและบุตรผ่านการแต่งงาน
2. อย่ากลัวการแต่งงาน เพราะ กลัวความยากจน
3. อย่าฆ่าบุตรของท่าน เพราะกลัวความยากจน
4. จงทำงาน และ จงแต่งงานเมื่อพร้อม ถ้าไม่พร้อมก็อย่าไปสร้างปัญหาให้กับสังคม
5. มีลูก และ สร้างครอบครัว
6. รัฐบาลต้องส่งเสริมการแต่งงานที่ดี และ การให้การสนับสนุนผู้มมีบุตร
เช่นนี้ ประเทศไทยและโลกก็จะออกจากปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
ซึ่งเป็นโยบายที่ ทุกฝ่ายยอมรับว่าผิดพลาด แล้ว เมื่อ 50 ปีก่อนนั่นเอง