JJNY : 5in1 สินค้าจีนทะลักไทย│รุมค้านแลนด์บริดจ์ 'พิธา'ซัดไม่ชัดคุ้มหรือไม่│“พริษฐ์”ชวนหาทางออก│กสม.หนุนนิรโทษฯ│ชาดาโวย

สู้ไม่ไหว! สินค้าจีนทะลักไทย อึ้ง กระเป๋า 499 จีนขาย 100 บาท
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/387265

 
กสิกรไทย เผย ปี 66 สินค้าจีนทะลักเข้าตีตลาดไทยเกือบ 4.7 แสนล้านบาท กระเป๋าราคา 499 จีนขายแค่ 100 บาทเท่านั้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เผยข้อมูลน่าตกใจ ว่า ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ผู้ผลิตสินค้าไทย ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงกับสินค้าจากจีนที่เข้ามาตีตลาดในไทย โดยปีที่แล้วไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีน คิดเป็นมูลค่ามากถึง 469,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% หรือ มีสัดส่วน ราว 41% ของการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน

เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ผักผลไม้สด เสื้อผ้าและรองเท้า รวมถึงเครื่องใช้ในบ้าน โดยสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการ มีราคาถูกกว่าไทยหลายเท่าตัว เช่น กระเป๋า ไทยขาย 499 บาท จีนขายเพียง 100 บาท / รองเท้า ไทยขาย 630 บาท จีนขาย 260 บาท / ผักผลไม้สดและปรุงแต่ง ไทยขาย 97,000 บาทต่อตัน จีนขายแค่ 35,000 บาท ส่งผลผู้ผลิตสินค้าในไทยเผชิญกับการแข่งขันที่ลำบากขึ้น สะท้อนจากการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่น ที่วันนี้อยู่ที่เพียง 30-45% เท่านั้น

ล่าสุดมีรายงานว่า วันนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้นัดหารือกับอธิบดีกรมสรรพากร และอธิบดีกรมศุลกากร เพื่อหาแนวทางรับมือสินค้าจีนตีตลาดสินค้าไทย ซึ่งสิ่งที่จะทำได้ คือ การยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มใน 1,500 บาทแรก เพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศไม่เสียเปรียบ



ฝ่ายค้าน-ส.ส.ใต้ รุมค้านรายงานแลนด์บริดจ์ 'พิธา' ซัดไม่ชัดคุ้มหรือไม่ ก่อนสภาโหวตเห็นชอบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4427122
 
ฝ่ายค้าน-ส.ส.ภาคใต้ รุมค้านโครงการแลนด์บริดจ์ “พิธา” ซัดไม่มีคำตอบชัดเจน การลงทุนมีความคุ้มค่าหรือไม่ ด้าน ‘ศิริกัญญา’ อัดรายงานของกมธ.ฯกำลังรับรองความผิดพลาด สุดท้ายที่ประชุมเห็นชอบรายงานชุดนี้
 
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 12.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายปดิพัทธ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม เข้าสู่วาระการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติเรื่องการศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ตามที่กมธ.วิสามัญฯ พิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ.ฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยสส.หลายคนอภิปรายแสดงความคิดเห็น
 
โดยเฉพาะฝ่ายค้าน และส.ส.ภาคใต้ อภิปรายคัดค้านเนื้อหาในรายงานของ กมธ.ฯ ที่ไม่มีความชัดเจนในหลายทั้งเรื่องความคุ้มทุนของโครงการ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถตอบคำถามได้เรื่องการประหยัดระยะเวลา ค่าใช้จ่ายในเส้นทางเดินเรือพร้อมแสดงความเป็นห่วงเรื่องพื้นที่ป่าไม้ และวิถีชีวิตคนในพื้นที่ต้องสูญเสียไปจำนวนมาก และไม่สามารถรับรายงานฉบับนี้ได้ อาทิ
 
นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานฉบับนี้พูดแต่ผลดี แต่ไม่พูดถึงผลเสีย มีคำถามมากมายที่สำนักนโยบายและแผนการขนส่ง(สนข.)ตอบไม่ได้ เช่น ผลกระทบต่อการถมทะเล ป่าต้นน้ำหายไป ไม่ใช่ไม่อยากพัฒนาภาคใต้ แต่เคยถามคนภาคใต้หรือไม่อยากได้อะไร รายงานฉบับนี้ประชุมแค่ 10 ครั้ง เป็นการมัดมือชก มีข้อบกพร่องมากมาย ไม่มีส่วนร่วมจากประชาชน เป็นการพัฒนาท่ามกลางความเดือดร้อนประชาชน วิถีชีวิตชาวบ้านที่ต้องสูญเสียวิถีทำกินไม่ใช่เรื่องเล็ก
 
ด้านนายณัฏฐ์นนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า การลงทุนโครงการนี้เป็นของเอกชน 100% หรือไม่ มีทางเลือกอื่นหรือไม่ หากเอกชนไม่ให้ความสนใจ และใช้หลักอะไรกับการให้สัมปทานโครงการ 50 ปี แม้โครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อภาคใต้ แต่สิ่งที่ต้องตระหนักมี 4ข้อคือ 1.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 2.ค่าตอบแทนเวนคืนต้องเป็นธรรม 3.การจัดการไฟฟ้า แหล่งน้ำในพื้นที่พาดผ่าน จะจัดการอย่างไรไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ และ4.การอ้างข้อมูลการจ้างงานในพื้นที่จะหลอกชาวบ้านหรือไม่ สิ่งที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นโครงการคือ ข้อมูลหน่วยงานรัฐมีความสมบูรณ์แบบ 100%หรือไม่ ขอให้กมธ.ฯทบทวน ฟังความเห็นต่างของส.ส.ด้วย
 
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รายงานฉบับนี้ที่ระบุว่า อาจช่วยลดเวลาและระยะทางขนส่ง ก็เกิดคำถามที่ไม่มีคำตอบมากมาย ดังนั้นรัฐบาลต้องตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อคือ 1.ไม่มีออปชั่นอื่นที่ดีกว่านี้แล้วใช่ไหม นอกเหนือจากการดำเนินโครงการนี้ และเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาทที่จะใช้ในโครงการ ยกระดับความสามารถการแข่งขันอะไรของประเทศได้บ้าง 2.จะจัดการความเสี่ยงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างไร พื้นที่ดำเนินการโครงการเป็นพื้นที่มรดกโลก 6 แห่ง เต็มไปด้วยศักยภาพทั้งทางบก ทางน้ำ ต้องเวนคืนพื้นที่หลายหมื่นไร่ สูญเสียพื้นที่ประมง ป่าไม้ พื้นที่ปลูกทุเรียน และผลไม้มากมายคือต้นทุนที่ต้องจ่าย และ3.โครงการนี้ต้องวางสมดุลและแสดงวิสัยทัศน์ชัดเจนเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน เป็น 3 คำถามสำคัญสุดที่ยังไม่มีคำตอบในรายงานฉบับนี้ ถ้ารัฐบาลเลือกโครงการแลนด์บริดจ์ หวังจะแชร์ส่วนแบ่งการเดินเรือในภูมิภาค
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ได้ชัดเจนใน 3 องค์ประกอบคือ เส้นทางดำเนินโครงการต้อง 1.เร็วกว่า 2.สะดวกกว่า และ 3.ถูกกว่า แต่เนื้อหาในรายงานแค่บอกว่า อาจจะลดเวลา ไม่สามารถอนุมานได้ว่าจะเร็วกว่า หรือการขนส่งที่ต้องใช้ทั้งทางเรือ ทางราง ทางรถ จะสะดวกในการขนส่งสินค้าหรือไม่ ส่วนเรื่องถูกกว่ายังไม่มีคำตอบในรายงาน ต้องรอรายละเอียด ดังนั้นถ้ารัฐบาลตอบคำถามไม่ได้ ตนก็ไม่สามารถรับรายงานฉบับนี้ได้
 
ส่วน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตนเป็นอดีตกมธ.ฯ เหตุผลที่ลาออกเป็นเพราะไม่สามารถให้ความเห็นกับตัวรายงานฉบับนี้ได้ ซึ่งแทนจะไม่มีการแก้ไขอะไรเลยจากวันที่ตนได้ลาออกมา ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องผิดที่กมธ.ฯส่วนใหญ่ที่มาจากฝั่งรัฐบาลมีธงมาจากบ้านแล้วว่าเราควรจะทำโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็นมติครม.หรือนโยบายที่กลายเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลไปแล้ว แม้จะไม่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก็ตาม แต่สิ่งที่เราจำเป็นที่จะต้องกังวลใจต้องดูว่าสิ่งที่เราศึกษามานั้นรอบคอบ ถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมาตนถามในห้องกมธ.ฯหลายรอบก็ไม่ได้รับคำตอบ
จาก สนข.ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเดินเรือ การคำนวณการเติบโตของท่าเรือ ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าจะเชื่อรายงานของสนข.ได้หรือไม่ และรายงานฉบับนี้ที่อ้างอิงรายงน สนข.ไปเต็มๆแบบนี้ เราจะยังเชื่ออะไรอยู่หรือไม่ รวมทั้งการประเมิณความคุ้มค่า ที่บอกว่าความคุ้มค่าทางการเงินสามารถคุ้มทุนได้ภายใน 24 ปี โดยที่มีผลตอบแทนทางการเงินอยู่ที่ 8.62 % จริงหรือไม่
 
รายงานฉบับนี้กำลังรับรองความผิดพลาดอะไรอยู่ ดิฉันกังวลมากจริงๆ ท่านอาจจะไม่อายแต่ดิฉันอายเวลาที่นายกฯ ต้องออกไปพูดกับต่างชาติเรื่องโครงการนี้โดยที่เนื้อในเป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วดิฉันไม่ได้ทำเพราะเป็นฝ่ายค้านแล้วต้องค้านทุกเรื่อง แต่เรายังต้องรักษาภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของนายกฯไว้บ้าง และดิฉันไม่ได้มีปัญหาต่อการพัฒนาภาคใต้ และยินดีพร้อมใจถ้าจะมีการรื้อรายงานของสนข.และรื้อรายงานของกมธ.ฯใหม่อีกครั้ง และสามารถศึกษาใหม่มีแนวทางใหม่ขึ้นมาและคุ้มค่าดิฉันก็ยินดีที่จะสนับสนุนโครงการใหม่นั้น” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 
จากนั้นเวลา 17.00น. หลังสมาชิกใช้เวลาอภิปรายแสดงความคิดเห็นนานเป็นเวลา 4 ชั่วโมง 15 นาที ที่ประชุมมีมติ เห็นด้วยกับรายงาน 269 เสียง ไม่เห็นด้วย 147 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 คะแนน เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบกับรายงานฉบับนี้



อย่าให้ประชาชนจัดการกันเอง! “พริษฐ์” ชวนสภาฯหาทางออก ปมถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4426825
 
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชน เป็นภารกิจที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่แก้ด้วยอำนาจนอกกฎหมาย ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


กสม.หนุน นิรโทษฯคดีการเมืองตั้งแต่ปี’49 จ่อชง5ข้อให้สภา เว้นละเมิดสิทธิฯร้ายแรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4426577

กสม. หนุนออก กม.นิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมือง เตรียมชงข้อเสนอให้ กมธ.วิสามัญ พิจารณา 5 ข้อ แนะนิรโทษฯเริ่มแต่ปี’49 พร้อมเว้นนิรโทษฯคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
 
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงถึงกรณีการสนับสนุนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมือง เตรียมชงข้อเสนอแนะให้ กมธ.วิสามัญ พิจารณาว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้มีหนังสือขอทราบความเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. … (ฉบับพรรคครูไทยเพื่อประชาชน) ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ กสม.ซึ่งได้ติดตามการเสนอร่างกฎหมายและการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ปัจจุบันมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมและร่างกฎหมายสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา และสภาผู้แทนราษฎรได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน กมธ.
 
นายวสันต์กล่าวว่า กสม.เห็นว่า รัฐมีหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เมื่อปรากฏการละเมิดสิทธิมนุษยชน ผู้ได้รับความเสียหายมีสิทธิเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียมและได้รับการเยียวยาที่เหมาะสม การนิรโทษกรรมจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการยุติความขัดแย้งในอดีตที่สมควรถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ในกรณีที่กระบวนการยุติธรรมปกติไม่อาจระงับความขัดแย้งได้
 
ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องอยู่ภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคเบื้องหน้ากฎหมายที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม และการไม่เลือกปฏิบัติ โดย กสม.จึงมีความเห็นว่า 
 
1. ความมุ่งหมายของการนิรโทษกรรม ที่ผ่านมาร่างกฎหมายว่าด้วยการนิรโทษกรรมของฝ่ายนิติบัญญัติมีเจตนารมณ์ในการนิรโทษกรรม 2 รูปแบบ คือ กรณีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองและไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมือง ในกระบวนการร่างกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ มีความมุ่งหมายเพื่อยุติความแตกแยกทางความคิดและความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่ก่อนการรัฐประหารในปี 2549 ครอบคลุมการกระทำความผิดอันเกิดจากการชุมนุม การประท้วง การเรียกร้อง การแสดงออก หรือการแสดงความคิดเห็น ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือเกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งผู้กระทำความผิดมีมูลเหตุจูงใจแตกต่างจากเจตนาในการกระทำผิดทางอาญาในกรณีทั่วไป
 
2. การกำหนดช่วงเวลาที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ควรกำหนดให้ครอบคลุมถึงเหตุการณ์ หรือห้วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยหรือผลที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั้งหมด และในปัจจุบันความขัดแย้งดังกล่าวก็ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย ดังนั้น ควรกำหนดระยะเวลาการนิรโทษกรรมตั้งแต่ปี 2549 ถึงวันที่กฎหมายนิรโทษกรรมมีผลใช้บังคับ
 
3. กรณีจำเป็นต้องมีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองการให้นิรโทษกรรมในกฎหมาย คณะกรรมการต้องมีความเป็นอิสระ เป็นกลาง และไม่มีส่วนได้เสียในการพิจารณานิรโทษกรรม เพื่อไม่ให้ขัดกับหลักการที่ว่าผู้กระทำความผิดย่อมไม่อาจเป็นผู้ตัดสินความผิดที่ตนได้กระทำลง และเป็นหน้าที่ของรัฐในการดำเนินคดีและลงโทษผู้กระทำความผิด รวมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่