แอมเนสตี้ ชี้ออกหมายจับ ‘นักข่าว’ สั่นคลอนเสรีภาพสื่อ เผยเอเชียถูกจับขังคุกมากสุดในโลก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4423606
แอมเนสตี้ ชี้ ออกหมายจับ ‘นักข่าว-ช่างภาพ’ สั่นคลอนเสรีภาพสื่อ
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระถูกจับกุม วันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากการรายงานข่าวนักกิจกรรมพ่นสีกำแพงวัง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นาง
ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเผยว่า การจับกุมนักข่าวในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพของสื่อโดยตรง และทำลายหลักการสำคัญของสิทธิมนุษยชน
นาง
ปิยนุช กล่าวว่า ทุกวันนี้ทวีปเอเชียถูกจัดอันดับว่าเป็นทวีปที่มีจำนวนนักข่าวถูกจำคุกมากที่สุดในโลก ซึ่งการกระทำของประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความเลวร้ายของสถานการณ์การละเมิดสิทธิในทวีปเอเชียอย่างชัดเจนมากที่สุดทั่วโลก
“
ความพยายามของรัฐบาลในการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่เพียงแต่เป็นการจำกัดการส่งต่อข้อมูลข่าวสารเท่านั้น แต่เป็นการทำลายความหลากหลายและความอดทนอดกลั้นต่อผู้เห็นต่างในสังคม ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังตราหน้านักข่าวว่าเป็นอาชญากรหรือเป็นฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะมองว่าพวกเขาเหล่านั้นคือส่วนสำคัญในการเป็นกระบอกเสียงของผู้คนในสังคม การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างวาทกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้เห็นต่างและทำลายหลักการความรับผิดรับชอบในสังคม”
นาง
ปิยนุช ย้ำในข้อเรียกร้องว่า “
รัฐบาลจะต้องปล่อยตัวนักข่าวและช่างภาพที่ถูกดำเนินคดี ยุติการกระทำทั้งหมดที่เป็นการพยายามปิดปากทั้งคู่ เคารพเสรีภาพของสื่อโดยทันที รวมทั้งต้องให้หลักประกันในการคุ้มครองนักข่าวจากการถูกข่มขู่ คุกคาม ปฏิบัติตามหลักนิติรัฐโดยใช้กฎหมายที่ชอบธรรม และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ขอยืนหยัดเคียงข้างสื่อมวลชนในการทำงานเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง และเป็นสักขีพยานต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
จิรัฏฐ์ แฉอีก คลิปล่าสุด ย้ำปมตู้ ATM ทหารเกณฑ์ฝึก 45 วันกลับได้ แลกเบี้ยเลี้ยงให้ผบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4423568
จิรัฏฐ์ แฉอีก คลิปล่าสุด ย้ำปมตู้ ATM ทหารเกณฑ์ฝึก 45 วันกลับได้ แลกเบี้ยเลี้ยงให้ผบ.
จากกรณีที่โซเชียลแชร์ภาพทหารกำลังถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม โดยรับถอนเงินไปให้เพื่อนๆ ทหารกองประจำการในผลัดเดียวกันหลายนายนั้น ล่าสุด กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ภาพดังกล่าวเป็นการได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาและได้รับความยินยอมจากเพื่อนทหารร่วมผลัดให้มาถอนเงินเบี้ยเลี้ยงจากตู้เอทีเอ็มนั้น
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นาย
จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ผู้ออกมาเปิดคลิปดังกล่าว ได้โพสต์ระบุว่า
“
เหลือ 8 คน? ทหารเกณฑ์ค่ายนี้ 4 ผลัดรวมกันราว ๆ 200 คน หลักฝึกครบ 45 วัน ก็ให้กลับบ้าน แลกกับการไม่รับเงินเดือน+เบี้ยเลี้ยง (รวมประมาณ10,000 บาท) โดยยกบัตรเอทีเอ็ม (ATM) ให้กับผบ.หน่วย”
และว่า
“
คลิปถ่ายเมื่อวานเที่ยงหลังช่วยกันตัดหญ้าและกำลังเดินแถวไปโรงอาหาร ขอบคุณผู้หวังดีสำหรับข้อมูลครับ”
https://twitter.com/Jirat_MP/status/1757207964816150534
ส.อ.ท. วอนแก้ กม.ล้าสมัยพันฉบับเซฟ 2 แสนล้าน จี้กรมศุลตรวจสินค้าทะลักไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4423683
ส.อ.ท. วอนแก้ กม.ล้าสมัยพันฉบับเซฟ 2 แสนล. จี้กรมศุลตรวจสินค้าทะลักไทย
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณี นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือร่วมกับกรมสรรพากร คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เข้าหารือเกี่ยวกับการปลดล็อกกฎระเบียบเพื่อดึงดูดการลงทุนไทยว่า ต้องขอบคุณนายเศรษฐาที่รับฟังเสียงสะท้อนจากภาคเอกชน เดินหน้าลดอุปสรรคการลงทุนที่เอกชนทั้งไทยและต่างชาติเผชิญในปัจจุบัน ที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้เสนอโพซิชั่นเปเปอร์ หรือเอกสารแสดงจุดยืน ที่นำเสนอแนวทางพัฒนาประเทศ 3 ด้านหลัก คือการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การผลักดันจีดีพีไทยให้โต 5% ต่อปีตามนโยบายรัฐบาล และการเดินหน้าสู่เน็ตซีโร โดยทั้งหมดนี้จะมี 8 ข้อย่อย หนึ่งในนั้นหัวข้อสำคัญคือการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน หรืออีส ออฟ ดูอิ้ง ฟิซซิเนส
“
ถือว่านายเศรษฐารับเรื่องเร็วและเดินหน้าจริงจัง เรียกหน่วยงานต่างๆ หารือ เอกชนคาดหวังให้การทำงานร่วมกันของรัฐและเอกชนครั้งนี้ทำให้การลงทุนของไทยเติบโต อุปสรรคการลงทุนหมดไป” นาย
เกรียงไกรกล่าว
นาย
เกรียงไกรกล่าวว่า มีประเด็นการแก้กฎหมายล้าหลัง อยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณา เพราะปัจจุบันไทยมีกฎหมายที่บังคับใช้ในภาคธุรกิจกว่า 100,000 ฉบับ ที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ลงขันกันจ้างต่างชาติซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรับปรุงกฎหมายซึ่งเคยปรับปรุงกฎหมายเกาหลีจนเศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดในปัจจุบัน ทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เลือกกฎหมายสำคัญประมาณ 1,000 ฉบับ หรือประมาณ 1,000 กระบวนงาน จาก 16 กระทรวง 40 กรม มาปรับปรุงให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าสามารถลดต้นทุนการทำธุรกิจได้ถึง 200,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ประเทศไทยโดยรัฐบาลควรเร่งเดินหน้า และอยากให้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่ศึกษาเรื่องนี้มานานพอสมควร
นาย
เกรียงไกรกล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับสินค้านำเข้าที่ไม่เกิน 1,500 บาท ว่า เรื่องนี้เป็นข้อเสนอของ กกร.ในการประชุมช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องขอบคุณนายเศรษฐา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่รับลูกเรื่องเร็ว คาดว่าอาจมีการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลและ กกร.ในเร็วๆ นี้ เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจรัง
นายเกรียงไกรกล่าวว่า ปัจจุบันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่เข้ามาตีตลาดสินค้าไทยมาจาก 3 ส่วนคือ 1.สินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 1,500 บาท กลุ่มนี้นำเข้ามาเยอะมาก และปัจจุบันเจอปัญหาสำแดงราคาเท็จ จึงยิ่งกระทบต่อสินค้าไทย 2.สินค้าที่เข้ามาทุ่มตลาดในไทย สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ไม่สามารถขายในตลาดปกติได้ อาทิ สหรัฐอเมริกา จึงหันมาส่งขายในอาเซียนแทน นอกจากนี้ยังพบหลายสินค้ามีการปรับเปลี่ยนพิกัดเพื่อเลี่ยงภาษี อาทิ กลุ่มสินค้าเหล็ก ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไข และ 3.สินค้าที่ตั้งใจสำแดงเท็จ อาทิ กรณีหมูเถื่อน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
นาย
เกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ประเด็นสำแดงเท็จอยากให้กรมศุลกากรเข้มงวดในการตรวจสอบ เพราะถือเป็นด่านแรกในการปกป้องผู้บริโภคและปกป้องสินค้าไทย ซึ่งจากการหารือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พบว่า น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง แต่หากสินค้าไม่มีคุณภาพเข้ามาจำนวนมาก สมอ.ก็คงตรวจสอบไม่ไหว ดังนั้น ต้องให้กรมศุลกากรสกัดให้ได้ก่อนเข้าประเทศไทยจะเหมาะสมที่สุด เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับภัยความมั่นคงทางเศรษฐกิจประเทศ ซึ่ง ส.อ.ท.สะท้อนเรื่องนี้มานานแล้ว
ด้าน นาย
อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า อยากให้กรมศุลกากรตรวจสอบสินค้านำเข้าก่อนปล่อยเข้าประเทศไทยอย่างละเอียด เพราะปัจจุบันจากเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการไทยพบว่ากรมศุลลากมักเข้มงวดกับสินค้าส่งออกมากกว่าสินค้านำเข้า จึงอยากให้ปรับแนวทางการทำงานเพื่อปกป้องสินค้าไทย เศรษฐกิจไทย ขณะที่การทำงานของ สมอ.ในการกำหนดมาตรฐานบังคับเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นเรื่องดี แต่กระบวนการค่อนข้างใช้เวลาประมาณ 1 ปี ตอนนี้เครื่องมือที่เร็วสุดจึงอยู่ที่กรมศุลกากร
JJNY : แอมเนสตี้ ชี้สั่นคลอนเสรีภาพสื่อ │จิรัฏฐ์ แฉอีก คลิปล่าสุด│ส.อ.ท.วอนแก้กม.ล้าสมัยพันฉบับ│โลกเผชิญ‘ทศวรรษอันตราย’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4423606
แอมเนสตี้ ชี้ ออกหมายจับ ‘นักข่าว-ช่างภาพ’ สั่นคลอนเสรีภาพสื่อ
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวประชาไท-ช่างภาพอิสระถูกจับกุม วันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากการรายงานข่าวนักกิจกรรมพ่นสีกำแพงวัง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเผยว่า การจับกุมนักข่าวในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ถือเป็นการละเมิดเสรีภาพของสื่อโดยตรง และทำลายหลักการสำคัญของสิทธิมนุษยชน
นางปิยนุช กล่าวว่า ทุกวันนี้ทวีปเอเชียถูกจัดอันดับว่าเป็นทวีปที่มีจำนวนนักข่าวถูกจำคุกมากที่สุดในโลก ซึ่งการกระทำของประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความเลวร้ายของสถานการณ์การละเมิดสิทธิในทวีปเอเชียอย่างชัดเจนมากที่สุดทั่วโลก
“ความพยายามของรัฐบาลในการแจ้งข้อกล่าวหา ไม่เพียงแต่เป็นการจำกัดการส่งต่อข้อมูลข่าวสารเท่านั้น แต่เป็นการทำลายความหลากหลายและความอดทนอดกลั้นต่อผู้เห็นต่างในสังคม ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังตราหน้านักข่าวว่าเป็นอาชญากรหรือเป็นฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะมองว่าพวกเขาเหล่านั้นคือส่วนสำคัญในการเป็นกระบอกเสียงของผู้คนในสังคม การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างวาทกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้เห็นต่างและทำลายหลักการความรับผิดรับชอบในสังคม”
นางปิยนุช ย้ำในข้อเรียกร้องว่า “รัฐบาลจะต้องปล่อยตัวนักข่าวและช่างภาพที่ถูกดำเนินคดี ยุติการกระทำทั้งหมดที่เป็นการพยายามปิดปากทั้งคู่ เคารพเสรีภาพของสื่อโดยทันที รวมทั้งต้องให้หลักประกันในการคุ้มครองนักข่าวจากการถูกข่มขู่ คุกคาม ปฏิบัติตามหลักนิติรัฐโดยใช้กฎหมายที่ชอบธรรม และคืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ขอยืนหยัดเคียงข้างสื่อมวลชนในการทำงานเพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง และเป็นสักขีพยานต่อปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม
จิรัฏฐ์ แฉอีก คลิปล่าสุด ย้ำปมตู้ ATM ทหารเกณฑ์ฝึก 45 วันกลับได้ แลกเบี้ยเลี้ยงให้ผบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4423568
จิรัฏฐ์ แฉอีก คลิปล่าสุด ย้ำปมตู้ ATM ทหารเกณฑ์ฝึก 45 วันกลับได้ แลกเบี้ยเลี้ยงให้ผบ.
จากกรณีที่โซเชียลแชร์ภาพทหารกำลังถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็ม โดยรับถอนเงินไปให้เพื่อนๆ ทหารกองประจำการในผลัดเดียวกันหลายนายนั้น ล่าสุด กองทัพบกได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ภาพดังกล่าวเป็นการได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาและได้รับความยินยอมจากเพื่อนทหารร่วมผลัดให้มาถอนเงินเบี้ยเลี้ยงจากตู้เอทีเอ็มนั้น
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ผู้ออกมาเปิดคลิปดังกล่าว ได้โพสต์ระบุว่า
“เหลือ 8 คน? ทหารเกณฑ์ค่ายนี้ 4 ผลัดรวมกันราว ๆ 200 คน หลักฝึกครบ 45 วัน ก็ให้กลับบ้าน แลกกับการไม่รับเงินเดือน+เบี้ยเลี้ยง (รวมประมาณ10,000 บาท) โดยยกบัตรเอทีเอ็ม (ATM) ให้กับผบ.หน่วย”
และว่า
“คลิปถ่ายเมื่อวานเที่ยงหลังช่วยกันตัดหญ้าและกำลังเดินแถวไปโรงอาหาร ขอบคุณผู้หวังดีสำหรับข้อมูลครับ”
https://twitter.com/Jirat_MP/status/1757207964816150534
ส.อ.ท. วอนแก้ กม.ล้าสมัยพันฉบับเซฟ 2 แสนล้าน จี้กรมศุลตรวจสินค้าทะลักไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4423683
ส.อ.ท. วอนแก้ กม.ล้าสมัยพันฉบับเซฟ 2 แสนล. จี้กรมศุลตรวจสินค้าทะลักไทย
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือร่วมกับกรมสรรพากร คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เข้าหารือเกี่ยวกับการปลดล็อกกฎระเบียบเพื่อดึงดูดการลงทุนไทยว่า ต้องขอบคุณนายเศรษฐาที่รับฟังเสียงสะท้อนจากภาคเอกชน เดินหน้าลดอุปสรรคการลงทุนที่เอกชนทั้งไทยและต่างชาติเผชิญในปัจจุบัน ที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้เสนอโพซิชั่นเปเปอร์ หรือเอกสารแสดงจุดยืน ที่นำเสนอแนวทางพัฒนาประเทศ 3 ด้านหลัก คือการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การผลักดันจีดีพีไทยให้โต 5% ต่อปีตามนโยบายรัฐบาล และการเดินหน้าสู่เน็ตซีโร โดยทั้งหมดนี้จะมี 8 ข้อย่อย หนึ่งในนั้นหัวข้อสำคัญคือการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน หรืออีส ออฟ ดูอิ้ง ฟิซซิเนส
“ถือว่านายเศรษฐารับเรื่องเร็วและเดินหน้าจริงจัง เรียกหน่วยงานต่างๆ หารือ เอกชนคาดหวังให้การทำงานร่วมกันของรัฐและเอกชนครั้งนี้ทำให้การลงทุนของไทยเติบโต อุปสรรคการลงทุนหมดไป” นายเกรียงไกรกล่าว
นายเกรียงไกรกล่าวว่า มีประเด็นการแก้กฎหมายล้าหลัง อยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณา เพราะปัจจุบันไทยมีกฎหมายที่บังคับใช้ในภาคธุรกิจกว่า 100,000 ฉบับ ที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ลงขันกันจ้างต่างชาติซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรับปรุงกฎหมายซึ่งเคยปรับปรุงกฎหมายเกาหลีจนเศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดดในปัจจุบัน ทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เลือกกฎหมายสำคัญประมาณ 1,000 ฉบับ หรือประมาณ 1,000 กระบวนงาน จาก 16 กระทรวง 40 กรม มาปรับปรุงให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าสามารถลดต้นทุนการทำธุรกิจได้ถึง 200,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ประเทศไทยโดยรัฐบาลควรเร่งเดินหน้า และอยากให้ทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่ศึกษาเรื่องนี้มานานพอสมควร
นายเกรียงไกรกล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาทบทวนข้อยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) สำหรับสินค้านำเข้าที่ไม่เกิน 1,500 บาท ว่า เรื่องนี้เป็นข้อเสนอของ กกร.ในการประชุมช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องขอบคุณนายเศรษฐา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่รับลูกเรื่องเร็ว คาดว่าอาจมีการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลและ กกร.ในเร็วๆ นี้ เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจรัง
นายเกรียงไกรกล่าวว่า ปัจจุบันสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่เข้ามาตีตลาดสินค้าไทยมาจาก 3 ส่วนคือ 1.สินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 1,500 บาท กลุ่มนี้นำเข้ามาเยอะมาก และปัจจุบันเจอปัญหาสำแดงราคาเท็จ จึงยิ่งกระทบต่อสินค้าไทย 2.สินค้าที่เข้ามาทุ่มตลาดในไทย สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ไม่สามารถขายในตลาดปกติได้ อาทิ สหรัฐอเมริกา จึงหันมาส่งขายในอาเซียนแทน นอกจากนี้ยังพบหลายสินค้ามีการปรับเปลี่ยนพิกัดเพื่อเลี่ยงภาษี อาทิ กลุ่มสินค้าเหล็ก ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไข และ 3.สินค้าที่ตั้งใจสำแดงเท็จ อาทิ กรณีหมูเถื่อน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า
นายเกรียงไกรกล่าวด้วยว่า ประเด็นสำแดงเท็จอยากให้กรมศุลกากรเข้มงวดในการตรวจสอบ เพราะถือเป็นด่านแรกในการปกป้องผู้บริโภคและปกป้องสินค้าไทย ซึ่งจากการหารือกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พบว่า น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง แต่หากสินค้าไม่มีคุณภาพเข้ามาจำนวนมาก สมอ.ก็คงตรวจสอบไม่ไหว ดังนั้น ต้องให้กรมศุลกากรสกัดให้ได้ก่อนเข้าประเทศไทยจะเหมาะสมที่สุด เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับภัยความมั่นคงทางเศรษฐกิจประเทศ ซึ่ง ส.อ.ท.สะท้อนเรื่องนี้มานานแล้ว
ด้าน นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า อยากให้กรมศุลกากรตรวจสอบสินค้านำเข้าก่อนปล่อยเข้าประเทศไทยอย่างละเอียด เพราะปัจจุบันจากเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการไทยพบว่ากรมศุลลากมักเข้มงวดกับสินค้าส่งออกมากกว่าสินค้านำเข้า จึงอยากให้ปรับแนวทางการทำงานเพื่อปกป้องสินค้าไทย เศรษฐกิจไทย ขณะที่การทำงานของ สมอ.ในการกำหนดมาตรฐานบังคับเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นเรื่องดี แต่กระบวนการค่อนข้างใช้เวลาประมาณ 1 ปี ตอนนี้เครื่องมือที่เร็วสุดจึงอยู่ที่กรมศุลกากร