เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๖ อยากรู้ภาษา)
“ว่าไง อยู่นี่สนุกบ้างหรือยัง”
บนที่นอนของสองฅน ลุงแกล้งถามขณะก๊อบสนใจหน้าจอโทรศัพท์ เด็กชายจ้องสิ่งที่อยู่ในมือนิ่งไม่ตอบ
“อะไร ยังไม่รู้สึกชอบเลยเหรอ” ลุงถามอีก
“ชอบ… แต่ไม่อยากตอบ” ก๊อบบอกหน้าตาเฉย ลุงหัวเราะขำ
“กลัวเสียเชิงสิไอ้หมา” หัวเราะอีก
“เด็กที่นี่ทำงานกันสนุกดี” ก๊อบหันมาพูดกับลุงหลังเก็บ โทรศัพท์แล้ว
“แล้วทำไมตอนอยู่ไทยเวลาทำงานถึงไม่สนุกล่ะ” ลุงยิ้มถาม
“ไม่รู้สิ มันไม่เหมือนกันมั้ง”
“แล้วรู้ไหมว่าทำไมถึงไม่เหมือน” ลุงถามหลาน ก๊อบนิ่งรอคำตอบ
ว
“ตรงใจไงล่ะ เด็กที่นี่ทำงานด้วยใจกันทุกฅน ต่างรู้ว่าต้องทำ ไม่เคยมีคำถามว่าทำไมต้องทำ มันจึงดูสนุก” พูดจบหันมองหน้าหลาน
“แต่เด็กไทยบางฅนนี่ เดี๋ยวก่อน ทำไมต้องเป็นหนู ทำไมถึงใช้แต่หนู หนูไม่ว่าง ทั้งที่แทบไม่ไม่ได้ทำอะไรเลยในแต่ละวัน ใช่ไหมล่ะ”
ก๊อบนิ่งไม่ตอบ รู้ว่าลุงหมายถึงตัวเอง ลุงยิ้มแล้วกล่าวต่อ
“ว่าแต่เชื่อลุงหรือยังล่ะว่าที่นี่สนุก ขนาดทำงานยังสนุกเลย จริงไหม”
“ก็ใช่” ก๊อบตอบ เขาไม่เคยคิดว่าจะอยู่ที่นี่ด้วยความสนุกได้เลย แต่มันก็สนุก สนุกกว่าอยู่บ้าน สนุกแม้ตอนทำงานอย่างที่บอกจริง ๆ
“นั่นแหละลุงถึงได้ชอบมาที่นี่ไงล่ะ” ลุงยังคงคุยกับหลาน
“ในขณะที่วันคืนในเมืองไทยหมุนตามเวลา แต่ที่นี่มันถูกหยุดด้วยสงครามเสียเป็นสิบ ๆ ปี เมื่อหมดสงคราม ในขณะที่ไทยเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว ผู้ฅนที่นี่กลับมาใช้วิถีเดิมเหมือนเมื่อตอนเริ่มสงคราม ตอนลุงมาที่นี่ครั้งแรกภาพชาวบ้านขี่เกวียนไปตลาดยังเห็นได้เป็นปกติเลยนะ”
“เหรอครับ” ก๊อบชักสนใจ “แล้วตอนนี้ไปไหนหมดล่ะครับ”
“ไม่เหลือแล้ว” คำตอบของลุงทำให้ก๊อบอดนึกเสียดายไม่ได้
“ไม่ว่าสงครามจะหยุดเวลาไว้นานเท่าไร แต่เมื่อมันกลับมาหมุนได้อีกครั้ง มันก็จะหมุนเร็วขึ้น วันนี้กับตอนที่ลุงมาครั้งแรกต่างกันจนน่าใจหายทีเดียว แม้แต่การเดินไปตลาด เดี๋ยวนี้ฅนที่นี่ยังมองว่าแปลกกันแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนทุกฅนเห็นเป็นปกติ”
แล้วทำไมลุงยังพาเขาเดินไปตลาดอยู่อีก ก๊อบคิดในใจ
ในที่สุดก๊อบก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเด็กที่นี่แล้วจริง ๆ ทุกวันของเขาคือการเล่นสนุกในกลุ่มเพื่อน ๆ เมื่อไม่มีงานในไร่หรือขึ้นมะพร้าว พวกเขาก็จะพากันลงทุ่ง หาปูหาปลาจากแอ่งน้ำริมทาง หรือตามที่เคยเป็นบึงหนองขนาดใหญ่ตอนหน้าฝน ทอดแหบ้าง เล่นน้ำกันบ้าง ธนนอกจากจะขึ้นมะพร้าวเก่งแล้วเขายังทอดแหได้อย่างทะมัดทะแมงอีกด้วย ความจริงเด็กที่นี่ทอดแหหาปลาเก่งกันทุกฅนนั่นแหละ มีแต่ก๊อบฅนเดียวที่ได้แต่ตามไปยืนดู หรือไม่ก็เป็นภาระเสียมากกว่า แต่เพื่อน ๆ ทุกฅนต่างล้วนยินดีที่มีก๊อบร่วมกลุ่ม อาจเป็นเพราะความแตกต่างที่ทำให้พวกเขามองก๊อบเป็นฅนพิเศษก็ได้ และเพราะไม่เคยมีประสบการณ์วิ่งเล่นกลางทุ่งกลางท่าแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างจึงเป็นความตื่นเต้นสำหรับก๊อบไปหมด
อีกหนึ่งความสนุกสำหรับก๊อบก็คือการได้ขี่จักรยานเที่ยวรอบหมู่บ้าน ตอนนี้ลุงไม่ค่อยห่วงก๊อบเท่าไรแล้ว เขาจึงปั่นจักรยานเที่ยวเล่นกับธนและเพื่อน ๆ ไปไหนต่อไหนในหมู่บ้านได้ แต่ลุงสั่งห้ามพากันไปตลาดเท่านั้น และหมู่บ้านแห่งนี้ก็มีซอยเล็กซอยน้อยหลายเส้นทางจากการที่บ้านเรือนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งธนก็ดูสนุกกับการได้พาก๊อบปั่นจักรยานซอกซอนไปทุกที่ทุกซอยเช่นกัน
“คลา”
“Taiger”
“ชแก”
“Dog”
“ชมา”
“Cat”
“เตร็ย”
“Fish”
“กดาม”
“Crab”
เมื่อกลับเข้าบ้านก๊อบก็ได้เห็นลุงชัยและลุงเธียนั่งคุยอยู่กับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ฅนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนเล่นของจันเธือน เด็กหญิงกำลังนั่งฟังและหัวเราะขำการพูดคุยของพ่อกับพื่อนตัวน้อยของเธอเช่นกัน เมื่อลุงเธียถามเป็นภาษาขแมร์ เด็กตัวเล็กนั่นจะขานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างว่องไว ลุงเธียถามพลางยิ้มหัวชื่นชมไปด้วย ลุงชัยก็ดูชอบใจ ป้าเซร็ยยิ้มมองการพูดคุยด้วยเช่นกัน
“พูดไทยได้ไหม” ลุงชัยถาม เด็กฅนนั้นทำหน้างง แกจึงส่งภาษาขแมร์ เจ้าหนูนั่นพยักหน้า ลุงชัยยิ้มชอบใจอีกแล้วเริ่มถามเป็นภาษาไทย
“ไป”
“โตว”
“นอน”
“เดก”
“กิน”
“โฮป”
“ยิ้ม”
“ยอยึม”
“หัวเราะ”
“เสิจ”
แล้วทุกฅนก็หัวเราะตามกัน
“ชะลาด ณาส์ กะเมง นิ” ป้าเซร็ยกล่าวชื่นชมพลางมองตามหลังเด็กชายที่ปั่นจักรยานออกไป แม้จะฟังไม่ออก แต่ก๊อบก็พอคาดเดาจากน้ำเสียงได้ว่าชื่นชม
“ร้ายนักนะไอ้นี่ มันเรียกผมพ่อตาไม่รู้ใครสอน” ลุงเธียว่าพลางหัวเราะชอบใจ ลุงชัยยิ้มตามหลังเด็กตัวเล็กที่ห่างออกไปแล้ว
“ไอ้ร็องนี่ดูจะฉลาดเหมือนพ่อมันนั่นแหละ พ่อมันเมื่อก่อนเป็นฅนเล่น แต่พอมีเมียก็ทำตัวดีขึ้น ทำงานทำการดี”
ลุงชัยกับลุงเธียยังคงคุยกัน ขณะที่ก๊อบเอนตัวในเปลญวน
“เด็กที่นี่เก่งกันทุกฅนเลย” ก๊อบนั่งคุยกับลุงบนเตียงหรือที่นอนของพวกเขา
“ผู้ฅนที่นี่จะค่อนข้างตื่นตัวเรื่องภาษากัน ไม่อย่างนั้นลุงเธียจะพูดไทยได้ทั้งที่หัดเองและไม่เคยไปไทยได้อย่างไรล่ะ”
จริงอย่างลุงว่า หลายฅนพูดไทยได้ แม้ว่าแทบไม่เคยมีฅนไทยมาที่นี่เลยก็ตาม ก๊อบเสียอีก แม้ว่าทั้งตลาดจะมีแต่ฅนขแมร์ที่ไปใช้แรงงาน ได้ฟังภาษาขแมร์บ่อยครั้ง แต่เขากลับบอกได้แต่ว่ามันดังโประเประเท่านั้นเอง แม้ตอนนี้ก๊อบพอจะชินกับภาษาโประเประนี่บ้างแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังฟังไม่ออกเลยสักคำอยู่ดี
“พูดขแมร์ได้ก็ดีนะ” ก๊อบบอกลุงทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ ออกจะรู้สึกรังเกียจเสียด้วยซ้ำ
“เป็นหลานลุงขอให้อยากพูดเถอะ วันละนิดละหน่อยเดี๋ยวลุงสอนให้” ลุงยิ้มชอบใจพลางบอกกับหลาน
“ถ้าเราเข้าใจก็จะรู้ว่าหลายคำของขแมร์จะเป็นคำเดียวกับภาษาไทยเลย แต่การเอามาใช้บางทีจะค่อนข้างซับซ้อนบ้างเท่านั้นเอง” ลุงได้โอกาสรีบสอนหลาน
"เมื่อกี๊ได้ยินที่ลุงเธียบอกว่าพ่อไอ้ร็องเป็นคนเล่นหรือเปล่า"
"ได้ยิน" ก๊อบรับคำสั้น ๆ
"มันแปลว่าอะไร" ถามขึ้นอีก
"ชอบเล่นไพ่" ก๊อบตอบ
"ไม่ใช่ มันแปลว่านักเลง"
อะไรนะ ก๊อบหันมองหน้าลุง ฅนเล่นแปลว่านักเลงได้อย่างไร เด็กชายถามด้วยสายตา
"เริ่มสนุกแล้วใช่ไหมล่ะ มาจะอธิบายให้ฟัง" ลุงยิ้มกว้างบอกหลาน แล้วเริ่มอธิบายที่มาของคำที่ทำให้ก๊อบอดสนใจไม่ได้นั้น
วันนี้ธนพาก๊อบปั่นจักรยานมาถึงโบสถ์คริสต์ที่ลุงเลืองเคยพูดถึง ก๊อบจึงได้เจอกับไทยและพี่น้องฅนอื่น ๆ ทองหันมาตะโกนเรียกชื่อตั้งแต่ก๊อบยังไม่ทันจอดจักรยาน เขายิ้มให้ อยากทักทายแต่ไม่รู้จะพูดอะไร ภาษาที่ลุงสอนเมื่อวานมันหายไปไหนหมดแล้วไม่รู้
หน้าโบสถ์มีสนามหญ้าให้เด็ก ๆ วิ่งเล่น ข้างสนามหญ้ามีสนามตะกร้อที่ไทยกำลังเล่นอยู่กับเพื่อน ก๊อบยืนดูแล้วอดชื่นชมท่าทางคล่องแคล่วไม่ได้ สักพักธนจึงชวนกลับ
ลุงนั่งอยู่ที่ร้านค้าใต้ต้นตาลตอนก๊อบปั่นจักรยานผ่าน แกคงไม่ทันเห็นเขา และก๊อบยังไม่อยากแวะเข้าไปจึงปั่นเลยออกมา ในแวบหนึ่งก๊อบว่าเขาเห็นเด็กผู้หญิงหัวฟูอยู่ในร้านนั้นด้วย
บางช่วงของถนนเริ่มมีฅนมาดักสาดน้ำบ้างแล้วเพราะใกล้ถึงวันสงกรานต์ ในไทยก็คงมีการเล่นน้ำแล้วเช่นกัน พรุ่งนี้จะถึงวันสงกรานต์ในไทย แต่ที่นี่ลุงบอกว่าต้องรอถึงวันที่สิบห้าจึงจะมีการฉลอง
สวนละมุดใกล้บ้านลุงเธียเริ่มมีการทำความสะอาดตกแต่งสถานที่กัน ตามเส้นทางที่ก๊อบปั่นจักรยานผ่านเริ่มสังเกตเห็นได้แล้วเช่นกันว่า บ้านบางหลังเริ่มมีการตั้งโต๊ะบูชากันแล้ว
ลุงบอกหลานว่าสวนละมุดมักเป็นสถานที่จัดงานต่าง ๆ รวมถึงงานวันสงกรานต์นี่ด้วย
บรรยากาศใกล้สงกรานต์ทำให้ก๊อบคิดถึงบ้าน คิดถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ที่บ้าน
แต่ก๊อบก็แค่คิดถึง เขาไม่ได้อยากกลับ
เพราะถึงอย่างไรก๊อบยังอยากสนุกกับเพื่อน ๆ ในวันเล่นน้ำสงกรานต์ของที่นี่ด้วยเช่นกัน.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ก๊อบ (ตอนที่๑๖ อยากรู้ภาษา)
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๖ อยากรู้ภาษา)
“ว่าไง อยู่นี่สนุกบ้างหรือยัง”
บนที่นอนของสองฅน ลุงแกล้งถามขณะก๊อบสนใจหน้าจอโทรศัพท์ เด็กชายจ้องสิ่งที่อยู่ในมือนิ่งไม่ตอบ
“อะไร ยังไม่รู้สึกชอบเลยเหรอ” ลุงถามอีก
“ชอบ… แต่ไม่อยากตอบ” ก๊อบบอกหน้าตาเฉย ลุงหัวเราะขำ
“กลัวเสียเชิงสิไอ้หมา” หัวเราะอีก
“เด็กที่นี่ทำงานกันสนุกดี” ก๊อบหันมาพูดกับลุงหลังเก็บ โทรศัพท์แล้ว
“แล้วทำไมตอนอยู่ไทยเวลาทำงานถึงไม่สนุกล่ะ” ลุงยิ้มถาม
“ไม่รู้สิ มันไม่เหมือนกันมั้ง”
“แล้วรู้ไหมว่าทำไมถึงไม่เหมือน” ลุงถามหลาน ก๊อบนิ่งรอคำตอบ
ว
“ตรงใจไงล่ะ เด็กที่นี่ทำงานด้วยใจกันทุกฅน ต่างรู้ว่าต้องทำ ไม่เคยมีคำถามว่าทำไมต้องทำ มันจึงดูสนุก” พูดจบหันมองหน้าหลาน
“แต่เด็กไทยบางฅนนี่ เดี๋ยวก่อน ทำไมต้องเป็นหนู ทำไมถึงใช้แต่หนู หนูไม่ว่าง ทั้งที่แทบไม่ไม่ได้ทำอะไรเลยในแต่ละวัน ใช่ไหมล่ะ”
ก๊อบนิ่งไม่ตอบ รู้ว่าลุงหมายถึงตัวเอง ลุงยิ้มแล้วกล่าวต่อ
“ว่าแต่เชื่อลุงหรือยังล่ะว่าที่นี่สนุก ขนาดทำงานยังสนุกเลย จริงไหม”
“ก็ใช่” ก๊อบตอบ เขาไม่เคยคิดว่าจะอยู่ที่นี่ด้วยความสนุกได้เลย แต่มันก็สนุก สนุกกว่าอยู่บ้าน สนุกแม้ตอนทำงานอย่างที่บอกจริง ๆ
“นั่นแหละลุงถึงได้ชอบมาที่นี่ไงล่ะ” ลุงยังคงคุยกับหลาน
“ในขณะที่วันคืนในเมืองไทยหมุนตามเวลา แต่ที่นี่มันถูกหยุดด้วยสงครามเสียเป็นสิบ ๆ ปี เมื่อหมดสงคราม ในขณะที่ไทยเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว ผู้ฅนที่นี่กลับมาใช้วิถีเดิมเหมือนเมื่อตอนเริ่มสงคราม ตอนลุงมาที่นี่ครั้งแรกภาพชาวบ้านขี่เกวียนไปตลาดยังเห็นได้เป็นปกติเลยนะ”
“เหรอครับ” ก๊อบชักสนใจ “แล้วตอนนี้ไปไหนหมดล่ะครับ”
“ไม่เหลือแล้ว” คำตอบของลุงทำให้ก๊อบอดนึกเสียดายไม่ได้
“ไม่ว่าสงครามจะหยุดเวลาไว้นานเท่าไร แต่เมื่อมันกลับมาหมุนได้อีกครั้ง มันก็จะหมุนเร็วขึ้น วันนี้กับตอนที่ลุงมาครั้งแรกต่างกันจนน่าใจหายทีเดียว แม้แต่การเดินไปตลาด เดี๋ยวนี้ฅนที่นี่ยังมองว่าแปลกกันแล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนทุกฅนเห็นเป็นปกติ”
แล้วทำไมลุงยังพาเขาเดินไปตลาดอยู่อีก ก๊อบคิดในใจ
ในที่สุดก๊อบก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเด็กที่นี่แล้วจริง ๆ ทุกวันของเขาคือการเล่นสนุกในกลุ่มเพื่อน ๆ เมื่อไม่มีงานในไร่หรือขึ้นมะพร้าว พวกเขาก็จะพากันลงทุ่ง หาปูหาปลาจากแอ่งน้ำริมทาง หรือตามที่เคยเป็นบึงหนองขนาดใหญ่ตอนหน้าฝน ทอดแหบ้าง เล่นน้ำกันบ้าง ธนนอกจากจะขึ้นมะพร้าวเก่งแล้วเขายังทอดแหได้อย่างทะมัดทะแมงอีกด้วย ความจริงเด็กที่นี่ทอดแหหาปลาเก่งกันทุกฅนนั่นแหละ มีแต่ก๊อบฅนเดียวที่ได้แต่ตามไปยืนดู หรือไม่ก็เป็นภาระเสียมากกว่า แต่เพื่อน ๆ ทุกฅนต่างล้วนยินดีที่มีก๊อบร่วมกลุ่ม อาจเป็นเพราะความแตกต่างที่ทำให้พวกเขามองก๊อบเป็นฅนพิเศษก็ได้ และเพราะไม่เคยมีประสบการณ์วิ่งเล่นกลางทุ่งกลางท่าแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างจึงเป็นความตื่นเต้นสำหรับก๊อบไปหมด
อีกหนึ่งความสนุกสำหรับก๊อบก็คือการได้ขี่จักรยานเที่ยวรอบหมู่บ้าน ตอนนี้ลุงไม่ค่อยห่วงก๊อบเท่าไรแล้ว เขาจึงปั่นจักรยานเที่ยวเล่นกับธนและเพื่อน ๆ ไปไหนต่อไหนในหมู่บ้านได้ แต่ลุงสั่งห้ามพากันไปตลาดเท่านั้น และหมู่บ้านแห่งนี้ก็มีซอยเล็กซอยน้อยหลายเส้นทางจากการที่บ้านเรือนอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งธนก็ดูสนุกกับการได้พาก๊อบปั่นจักรยานซอกซอนไปทุกที่ทุกซอยเช่นกัน
“คลา”
“Taiger”
“ชแก”
“Dog”
“ชมา”
“Cat”
“เตร็ย”
“Fish”
“กดาม”
“Crab”
เมื่อกลับเข้าบ้านก๊อบก็ได้เห็นลุงชัยและลุงเธียนั่งคุยอยู่กับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ฅนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนเล่นของจันเธือน เด็กหญิงกำลังนั่งฟังและหัวเราะขำการพูดคุยของพ่อกับพื่อนตัวน้อยของเธอเช่นกัน เมื่อลุงเธียถามเป็นภาษาขแมร์ เด็กตัวเล็กนั่นจะขานเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างว่องไว ลุงเธียถามพลางยิ้มหัวชื่นชมไปด้วย ลุงชัยก็ดูชอบใจ ป้าเซร็ยยิ้มมองการพูดคุยด้วยเช่นกัน
“พูดไทยได้ไหม” ลุงชัยถาม เด็กฅนนั้นทำหน้างง แกจึงส่งภาษาขแมร์ เจ้าหนูนั่นพยักหน้า ลุงชัยยิ้มชอบใจอีกแล้วเริ่มถามเป็นภาษาไทย
“ไป”
“โตว”
“นอน”
“เดก”
“กิน”
“โฮป”
“ยิ้ม”
“ยอยึม”
“หัวเราะ”
“เสิจ”
แล้วทุกฅนก็หัวเราะตามกัน
“ชะลาด ณาส์ กะเมง นิ” ป้าเซร็ยกล่าวชื่นชมพลางมองตามหลังเด็กชายที่ปั่นจักรยานออกไป แม้จะฟังไม่ออก แต่ก๊อบก็พอคาดเดาจากน้ำเสียงได้ว่าชื่นชม
“ร้ายนักนะไอ้นี่ มันเรียกผมพ่อตาไม่รู้ใครสอน” ลุงเธียว่าพลางหัวเราะชอบใจ ลุงชัยยิ้มตามหลังเด็กตัวเล็กที่ห่างออกไปแล้ว
“ไอ้ร็องนี่ดูจะฉลาดเหมือนพ่อมันนั่นแหละ พ่อมันเมื่อก่อนเป็นฅนเล่น แต่พอมีเมียก็ทำตัวดีขึ้น ทำงานทำการดี”
ลุงชัยกับลุงเธียยังคงคุยกัน ขณะที่ก๊อบเอนตัวในเปลญวน
“เด็กที่นี่เก่งกันทุกฅนเลย” ก๊อบนั่งคุยกับลุงบนเตียงหรือที่นอนของพวกเขา
“ผู้ฅนที่นี่จะค่อนข้างตื่นตัวเรื่องภาษากัน ไม่อย่างนั้นลุงเธียจะพูดไทยได้ทั้งที่หัดเองและไม่เคยไปไทยได้อย่างไรล่ะ”
จริงอย่างลุงว่า หลายฅนพูดไทยได้ แม้ว่าแทบไม่เคยมีฅนไทยมาที่นี่เลยก็ตาม ก๊อบเสียอีก แม้ว่าทั้งตลาดจะมีแต่ฅนขแมร์ที่ไปใช้แรงงาน ได้ฟังภาษาขแมร์บ่อยครั้ง แต่เขากลับบอกได้แต่ว่ามันดังโประเประเท่านั้นเอง แม้ตอนนี้ก๊อบพอจะชินกับภาษาโประเประนี่บ้างแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังฟังไม่ออกเลยสักคำอยู่ดี
“พูดขแมร์ได้ก็ดีนะ” ก๊อบบอกลุงทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ ออกจะรู้สึกรังเกียจเสียด้วยซ้ำ
“เป็นหลานลุงขอให้อยากพูดเถอะ วันละนิดละหน่อยเดี๋ยวลุงสอนให้” ลุงยิ้มชอบใจพลางบอกกับหลาน
“ถ้าเราเข้าใจก็จะรู้ว่าหลายคำของขแมร์จะเป็นคำเดียวกับภาษาไทยเลย แต่การเอามาใช้บางทีจะค่อนข้างซับซ้อนบ้างเท่านั้นเอง” ลุงได้โอกาสรีบสอนหลาน
"เมื่อกี๊ได้ยินที่ลุงเธียบอกว่าพ่อไอ้ร็องเป็นคนเล่นหรือเปล่า"
"ได้ยิน" ก๊อบรับคำสั้น ๆ
"มันแปลว่าอะไร" ถามขึ้นอีก
"ชอบเล่นไพ่" ก๊อบตอบ
"ไม่ใช่ มันแปลว่านักเลง"
อะไรนะ ก๊อบหันมองหน้าลุง ฅนเล่นแปลว่านักเลงได้อย่างไร เด็กชายถามด้วยสายตา
"เริ่มสนุกแล้วใช่ไหมล่ะ มาจะอธิบายให้ฟัง" ลุงยิ้มกว้างบอกหลาน แล้วเริ่มอธิบายที่มาของคำที่ทำให้ก๊อบอดสนใจไม่ได้นั้น
วันนี้ธนพาก๊อบปั่นจักรยานมาถึงโบสถ์คริสต์ที่ลุงเลืองเคยพูดถึง ก๊อบจึงได้เจอกับไทยและพี่น้องฅนอื่น ๆ ทองหันมาตะโกนเรียกชื่อตั้งแต่ก๊อบยังไม่ทันจอดจักรยาน เขายิ้มให้ อยากทักทายแต่ไม่รู้จะพูดอะไร ภาษาที่ลุงสอนเมื่อวานมันหายไปไหนหมดแล้วไม่รู้
หน้าโบสถ์มีสนามหญ้าให้เด็ก ๆ วิ่งเล่น ข้างสนามหญ้ามีสนามตะกร้อที่ไทยกำลังเล่นอยู่กับเพื่อน ก๊อบยืนดูแล้วอดชื่นชมท่าทางคล่องแคล่วไม่ได้ สักพักธนจึงชวนกลับ
ลุงนั่งอยู่ที่ร้านค้าใต้ต้นตาลตอนก๊อบปั่นจักรยานผ่าน แกคงไม่ทันเห็นเขา และก๊อบยังไม่อยากแวะเข้าไปจึงปั่นเลยออกมา ในแวบหนึ่งก๊อบว่าเขาเห็นเด็กผู้หญิงหัวฟูอยู่ในร้านนั้นด้วย
บางช่วงของถนนเริ่มมีฅนมาดักสาดน้ำบ้างแล้วเพราะใกล้ถึงวันสงกรานต์ ในไทยก็คงมีการเล่นน้ำแล้วเช่นกัน พรุ่งนี้จะถึงวันสงกรานต์ในไทย แต่ที่นี่ลุงบอกว่าต้องรอถึงวันที่สิบห้าจึงจะมีการฉลอง
สวนละมุดใกล้บ้านลุงเธียเริ่มมีการทำความสะอาดตกแต่งสถานที่กัน ตามเส้นทางที่ก๊อบปั่นจักรยานผ่านเริ่มสังเกตเห็นได้แล้วเช่นกันว่า บ้านบางหลังเริ่มมีการตั้งโต๊ะบูชากันแล้ว
ลุงบอกหลานว่าสวนละมุดมักเป็นสถานที่จัดงานต่าง ๆ รวมถึงงานวันสงกรานต์นี่ด้วย
บรรยากาศใกล้สงกรานต์ทำให้ก๊อบคิดถึงบ้าน คิดถึงการเล่นน้ำสงกรานต์ที่บ้าน
แต่ก๊อบก็แค่คิดถึง เขาไม่ได้อยากกลับ
เพราะถึงอย่างไรก๊อบยังอยากสนุกกับเพื่อน ๆ ในวันเล่นน้ำสงกรานต์ของที่นี่ด้วยเช่นกัน.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)