เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๔ เก็บมะพร้าว)
เช้านี้ลุงพาก๊อบมาร้านกาแฟก่อนไปกินข้าวต้มกันเช่นเคย ถึงวันนี้ก๊อบพอรู้จักหรือจำหน้าทุกฅนในร้านนี้ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลุงฅนซึ่งดูน่าจะอายุใกล้หกสิบ ที่พาลูกชายขวบกว่ามาด้วย อิสลามกับลูกชายฅนนั้นก๊อบจำได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ชายที่ชอบใส่ชุดทหารฅนนั้น รวมถึงฅนอื่น ๆ ด้วย
ตอนนี้ก๊อบเข้าใจแล้วว่า ทุกฅนที่มานั่งในร้านกาแฟนั้น ส่วนใหญ่คือฅนที่นำรถมอเตอร์ไซค์พาภรรยามาซื้อของในตลาดตอนเช้า ระหว่างที่ภรรยาจ่ายตลาดพวกเขาจะนำรถมาจอดที่ร้านกาแฟและนั่งรอกันที่นี่ นั่นเป็นสาเหตุให้หลายฅนต้องนำลูกเล็กมาด้วยนั่นเอง
‘ชาวบ้านที่นี่หลายฅน ล้วนแต่มีอดีตฝังจำกับสงครามกันแทบทั้งนั้นแหละ อดีตที่อยากลืม แต่ก็ยากจะลืม’
ก๊อบนึกถึงคำพูดเมื่อคืนนี้ของลุงขณะฉีกยิ้มให้กับผู้ที่กำลังชวนคุยตรงหน้า
ลุงเลน หรือพ่อค้าร้านกาแฟเพื่อนของลุงชัยเป็นฅนจีน ลุงเลนชอบทักทายก๊อบเป็นภาษาไทยแบบฅนหัดพูด หรือไม่ก็ชี้ไปยังสิ่งของรอบตัว แล้วถามว่าสิ่งนี้ฅนไทยเรียกอะไร เมื่อก๊อบตอบลุงเลนก็จะหัวเราะชอบใจ บางครั้งลุงเลนก็หัดพูดไทย แล้วถามก๊อบว่าถูกไหม ถามไปหัวเราะชอบใจไป
ลุงเลนต้องเสียแม่เพราะสงครามตั้งแต่อายุได้สี่ห้าขวบ ก๊อบนึกถึงคำบอกเล่าของลุงชัยที่บอกว่า ตอนนั้นลุงเลนยังเล็กมากเกินจะจำทุกเรื่องราว แต่วัยเยาว์ไม่อาจลบความรู้สึกแห่งความสูญเสีย ความรู้สึกที่ต้องเร่ร่อนอ้างว้างกลางสงครามได้ มันยังเป็นสิ่งฝังจำใต้รอยยิ้มของลุงเลนมาจนทุกวันนี้ และในตอนนั้น ทั้งที่หลายฅนต่างสงสารเด็กกำพร้าเช่นแก แต่ไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้ลุงเลนได้เลย เพราะแกเป็นลูกฅนจีน ซึ่งเขมรแดงจะรังเกียจฅนจีนไม่ต่างจากเวียดนาม และทุกฅนในเวลานั้นล้วนแล้วแต่ขลาดกลัวเขมรแดงไม่ต่างกัน ขลาดกลัวเกินกว่าจะออกหน้าช่วยเหลือแกได้ ลุงเลนต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ อยู่กับใครก็ได้ไม่นาน แกจึงได้รู้จักคำว่าชีวิตมาตั้งแต่ตัวแค่นั้น...
ลุงเลนยังคงพูดพลางหัวเราะไปพลาง ขณะก๊อบนึกถึงที่ลุงชัยบอกว่า ผู้ฅนที่นี่ไม่ว่าจนหรือรวย ล้วนน่าชื่นชมมากกว่าสงสารหรืออิจฉา เพราะพวกเขาต่างเคยต่อสู้กับความระกำลำบากกันมาแทบทั้งนั้น เพราะสู้จึงมีวันนี้ เพราะสู้ถึงยังมีชีวิต
ก๊อบตอบคำถามลุงเลนพลางมองเลยไปด้านหลังฅนถาม ตลาดในเวลานี้ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้ฅน ผู้ฅนที่เขาควรชื่นชมมากกว่า สงสารอิจฉาหรือรังเกียจ
บ่ายวันนี้ลุงชัยยอมให้ก๊อบออกไปกับเหล่าลูกชายของลุงเธียตามลำพัง ก๊อบจึงได้นั่งบนพ่วงท้ายรถไถกับกลุ่มเด็กในหมู่บ้านที่ต่างร่วมขบวนไปเก็บมะพร้าวด้วยกัน เภียเป็นฅนขับรถไป พ่วงท้ายของมันยังคงเขย่าทุกฅนอย่างไม่ปรานี และเด็ก ๆ ยังคงยิ้มหัวหยอกล้อกันไปตลอดทาง
การทำงานของเด็กที่นี่ดูเป็นความสนุกอย่างที่ก๊อบไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะสนุกได้ ก๊อบไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันจึงดูสนุก อาจเป็นเพราะเด็กทุกฅนต่างกระตือรือร้น จึงทำให้ดูสนุก หรือเป็นเพราะมีแต่เด็ก ๆ ทำงานกันเอง ไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาคอยควบคุมดูแล มันจึงดูสนุก หรือเพราะได้ทำไปเล่นไปหยอกล้อกันไปบ้างแกล้งกันบ้าง มันจึงสนุก หรือบางทีมันอาจเป็นเพราะทั้งหมดที่ว่ามาเลยก็ได้
‘เวลาทำงานหัดทำให้มันมีชีวิตชีวาบ้าง ไม่ใช่ทำหน้าซังกะตายอย่างนี้’
ก๊อบนึกถึงคำพูดของแม่ เขาเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่า ทำงานให้มีชีวิตชีวานั้นเป็นอย่างไร
เภียขับรถไถไปตามสวนต่าง ๆ พูดคุยกับเจ้าของสวนก่อนพากันขึ้นมะพร้าว เด็กที่นี่แต่ละฅนดูจะช่ำชองการปีนป่ายต้นไม่มีกิ่งนี้กันทุกฅน แม้แต่ธนซึ่งเป็นน้องเล็กอายุเท่ากันกับก๊อบ ยังปีนต้นมะพร้าวได้อย่างคล่องแคล่วให้ก๊อบได้อายเช่นกัน ธนจะมัดเชือกติดเอวขึ้นไปด้วย เมื่อถึงยอดเขาจะมัดเชือกไว้กับทะลายมะพร้าวที่ต้องการ พรรคพวกซึ่งอยู่ด้านล่างจะช่วยกันดึงเชือกไว้เมื่อธนเริ่มตัดฟัน ก่อนจะค่อยผ่อนเชือกปล่อยทะลายมะพร้าวที่ถูกตัดขาดลงมา เมื่อถึงทะลายสุดท้ายธนจะนั่งลงมากับมันด้วย ภาพธนหัวเราะร่าอยู่กับทะลายมะพร้าวที่ถูกหย่อนลงดินท่ามกลางความเฮฮาของทุกฅน ยิ่งทำให้ก๊อบรู้สึกว่ามันน่าสนุก แต่ก๊อบปีนต้นมะพร้าวไม่ได้แน่ เขาจึงได้แต่ดูเพื่อน ๆ สนุกกับการลงสู่พื้นด้วยวิธีการอันน่าตื่นเต้นนี้แทน
บางทีก๊อบก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ แม้แต่การฟันลูกมะพร้าวเพื่อกินน้ำและเนื้อในของมัน ธนยังต้องเป็นฝ่ายจัดการให้เขาหมด ทุกครั้งที่ธนฟันมะพร้าวกินน้ำ เขาจะมีหนึ่งลูกให้ก๊อบด้วยเสมอ ทั้งที่อายุเท่ากัน แต่ก๊อบรู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนเด็กที่ธนต้องคอยดูแลอย่างไรอย่างนั้นเลย
และแม้ก๊อบจะพยายามช่วยทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง แต่บางครั้งมันกลับกลายเป็นเกะกะฅนอื่นเสียมากกว่า ทำไมเด็ก ๆ ที่นี่จึงดูเก่งกันเสียทุกฅน พวกเขาดูน่าชื่นชมอย่างที่ลุงว่าจริง ๆ
เสร็จจากขึ้นมะพร้าวแล้วเภียยังขับรถพาพวกเพื่อน ๆ นำมันไปส่งตามร้านต่าง ๆ ทั้งในตลาด และตลอดริมทางสองฝั่งไกลออกไป เด็ก ๆ ยังคงสนุกกับการนั่งรถส่งมะพร้าว ช่วยกันลงมะพร้าว สุดท้ายที่เหลือก็ถูกนำติดรถมาเก็บไว้ใต้ถุนบ้าน รอลูกค้าสั่งหรือบางฅนอาจมาซื้อถึงที่ก็มี
เมื่อเสร็จจากงานเด็กรุ่นเดียวกับก๊อบและธนก็ได้เวลาเล่นน้ำกันอีกแล้ว ขณะที่วัยรุ่นอย่างเภียและธีจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร เด็ก ๆ พากันส่งเสียงหยอกล้อไปยังสระน้ำ ลุงแก่ยังคงยืนถอดเสื้อส่งยิ้มให้เมื่อพวกเขาเดินผ่าน และวันนี้ก๊อบมีแต่ความชื่นชมให้แกเท่านั้น
ธนและฅนอื่นๆ ต่างถอดเสื้อผ้ารีบโดดลงน้ำกันเหมือนเดิม
วันนี้ก๊อบคิดว่าเขาควรมีความกล้าเหมือนพวกเพื่อน ๆ บ้าง อย่างน้อยจะได้กลมกลืนกัน เด็ก ๆ จึงได้พากันแปลกใจ เมื่อเห็นก๊อบถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก่อนโดดน้ำลงมา ต่างพากันส่งเสียงเฮรับ ไม่มีความแตกต่างระหว่างความเป็นเพื่อนของพวกเขาอีกแล้ว.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ก๊อบ (ตอนที่๑๔ เก็บมะพร้าว)
โดย : ละเว้
(ตอนที่๑๔ เก็บมะพร้าว)
เช้านี้ลุงพาก๊อบมาร้านกาแฟก่อนไปกินข้าวต้มกันเช่นเคย ถึงวันนี้ก๊อบพอรู้จักหรือจำหน้าทุกฅนในร้านนี้ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นลุงฅนซึ่งดูน่าจะอายุใกล้หกสิบ ที่พาลูกชายขวบกว่ามาด้วย อิสลามกับลูกชายฅนนั้นก๊อบจำได้ตั้งแต่วันแรกแล้ว ชายที่ชอบใส่ชุดทหารฅนนั้น รวมถึงฅนอื่น ๆ ด้วย
ตอนนี้ก๊อบเข้าใจแล้วว่า ทุกฅนที่มานั่งในร้านกาแฟนั้น ส่วนใหญ่คือฅนที่นำรถมอเตอร์ไซค์พาภรรยามาซื้อของในตลาดตอนเช้า ระหว่างที่ภรรยาจ่ายตลาดพวกเขาจะนำรถมาจอดที่ร้านกาแฟและนั่งรอกันที่นี่ นั่นเป็นสาเหตุให้หลายฅนต้องนำลูกเล็กมาด้วยนั่นเอง
‘ชาวบ้านที่นี่หลายฅน ล้วนแต่มีอดีตฝังจำกับสงครามกันแทบทั้งนั้นแหละ อดีตที่อยากลืม แต่ก็ยากจะลืม’
ก๊อบนึกถึงคำพูดเมื่อคืนนี้ของลุงขณะฉีกยิ้มให้กับผู้ที่กำลังชวนคุยตรงหน้า
ลุงเลน หรือพ่อค้าร้านกาแฟเพื่อนของลุงชัยเป็นฅนจีน ลุงเลนชอบทักทายก๊อบเป็นภาษาไทยแบบฅนหัดพูด หรือไม่ก็ชี้ไปยังสิ่งของรอบตัว แล้วถามว่าสิ่งนี้ฅนไทยเรียกอะไร เมื่อก๊อบตอบลุงเลนก็จะหัวเราะชอบใจ บางครั้งลุงเลนก็หัดพูดไทย แล้วถามก๊อบว่าถูกไหม ถามไปหัวเราะชอบใจไป
ลุงเลนต้องเสียแม่เพราะสงครามตั้งแต่อายุได้สี่ห้าขวบ ก๊อบนึกถึงคำบอกเล่าของลุงชัยที่บอกว่า ตอนนั้นลุงเลนยังเล็กมากเกินจะจำทุกเรื่องราว แต่วัยเยาว์ไม่อาจลบความรู้สึกแห่งความสูญเสีย ความรู้สึกที่ต้องเร่ร่อนอ้างว้างกลางสงครามได้ มันยังเป็นสิ่งฝังจำใต้รอยยิ้มของลุงเลนมาจนทุกวันนี้ และในตอนนั้น ทั้งที่หลายฅนต่างสงสารเด็กกำพร้าเช่นแก แต่ไม่มีใครเป็นที่พึ่งให้ลุงเลนได้เลย เพราะแกเป็นลูกฅนจีน ซึ่งเขมรแดงจะรังเกียจฅนจีนไม่ต่างจากเวียดนาม และทุกฅนในเวลานั้นล้วนแล้วแต่ขลาดกลัวเขมรแดงไม่ต่างกัน ขลาดกลัวเกินกว่าจะออกหน้าช่วยเหลือแกได้ ลุงเลนต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ อยู่กับใครก็ได้ไม่นาน แกจึงได้รู้จักคำว่าชีวิตมาตั้งแต่ตัวแค่นั้น...
ลุงเลนยังคงพูดพลางหัวเราะไปพลาง ขณะก๊อบนึกถึงที่ลุงชัยบอกว่า ผู้ฅนที่นี่ไม่ว่าจนหรือรวย ล้วนน่าชื่นชมมากกว่าสงสารหรืออิจฉา เพราะพวกเขาต่างเคยต่อสู้กับความระกำลำบากกันมาแทบทั้งนั้น เพราะสู้จึงมีวันนี้ เพราะสู้ถึงยังมีชีวิต
ก๊อบตอบคำถามลุงเลนพลางมองเลยไปด้านหลังฅนถาม ตลาดในเวลานี้ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้ฅน ผู้ฅนที่เขาควรชื่นชมมากกว่า สงสารอิจฉาหรือรังเกียจ
บ่ายวันนี้ลุงชัยยอมให้ก๊อบออกไปกับเหล่าลูกชายของลุงเธียตามลำพัง ก๊อบจึงได้นั่งบนพ่วงท้ายรถไถกับกลุ่มเด็กในหมู่บ้านที่ต่างร่วมขบวนไปเก็บมะพร้าวด้วยกัน เภียเป็นฅนขับรถไป พ่วงท้ายของมันยังคงเขย่าทุกฅนอย่างไม่ปรานี และเด็ก ๆ ยังคงยิ้มหัวหยอกล้อกันไปตลอดทาง
การทำงานของเด็กที่นี่ดูเป็นความสนุกอย่างที่ก๊อบไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะสนุกได้ ก๊อบไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันจึงดูสนุก อาจเป็นเพราะเด็กทุกฅนต่างกระตือรือร้น จึงทำให้ดูสนุก หรือเป็นเพราะมีแต่เด็ก ๆ ทำงานกันเอง ไม่ต้องมีผู้ใหญ่มาคอยควบคุมดูแล มันจึงดูสนุก หรือเพราะได้ทำไปเล่นไปหยอกล้อกันไปบ้างแกล้งกันบ้าง มันจึงสนุก หรือบางทีมันอาจเป็นเพราะทั้งหมดที่ว่ามาเลยก็ได้
‘เวลาทำงานหัดทำให้มันมีชีวิตชีวาบ้าง ไม่ใช่ทำหน้าซังกะตายอย่างนี้’
ก๊อบนึกถึงคำพูดของแม่ เขาเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่า ทำงานให้มีชีวิตชีวานั้นเป็นอย่างไร
เภียขับรถไถไปตามสวนต่าง ๆ พูดคุยกับเจ้าของสวนก่อนพากันขึ้นมะพร้าว เด็กที่นี่แต่ละฅนดูจะช่ำชองการปีนป่ายต้นไม่มีกิ่งนี้กันทุกฅน แม้แต่ธนซึ่งเป็นน้องเล็กอายุเท่ากันกับก๊อบ ยังปีนต้นมะพร้าวได้อย่างคล่องแคล่วให้ก๊อบได้อายเช่นกัน ธนจะมัดเชือกติดเอวขึ้นไปด้วย เมื่อถึงยอดเขาจะมัดเชือกไว้กับทะลายมะพร้าวที่ต้องการ พรรคพวกซึ่งอยู่ด้านล่างจะช่วยกันดึงเชือกไว้เมื่อธนเริ่มตัดฟัน ก่อนจะค่อยผ่อนเชือกปล่อยทะลายมะพร้าวที่ถูกตัดขาดลงมา เมื่อถึงทะลายสุดท้ายธนจะนั่งลงมากับมันด้วย ภาพธนหัวเราะร่าอยู่กับทะลายมะพร้าวที่ถูกหย่อนลงดินท่ามกลางความเฮฮาของทุกฅน ยิ่งทำให้ก๊อบรู้สึกว่ามันน่าสนุก แต่ก๊อบปีนต้นมะพร้าวไม่ได้แน่ เขาจึงได้แต่ดูเพื่อน ๆ สนุกกับการลงสู่พื้นด้วยวิธีการอันน่าตื่นเต้นนี้แทน
บางทีก๊อบก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาสู้เด็กพวกนี้ไม่ได้จริง ๆ แม้แต่การฟันลูกมะพร้าวเพื่อกินน้ำและเนื้อในของมัน ธนยังต้องเป็นฝ่ายจัดการให้เขาหมด ทุกครั้งที่ธนฟันมะพร้าวกินน้ำ เขาจะมีหนึ่งลูกให้ก๊อบด้วยเสมอ ทั้งที่อายุเท่ากัน แต่ก๊อบรู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนเด็กที่ธนต้องคอยดูแลอย่างไรอย่างนั้นเลย
และแม้ก๊อบจะพยายามช่วยทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง แต่บางครั้งมันกลับกลายเป็นเกะกะฅนอื่นเสียมากกว่า ทำไมเด็ก ๆ ที่นี่จึงดูเก่งกันเสียทุกฅน พวกเขาดูน่าชื่นชมอย่างที่ลุงว่าจริง ๆ
เสร็จจากขึ้นมะพร้าวแล้วเภียยังขับรถพาพวกเพื่อน ๆ นำมันไปส่งตามร้านต่าง ๆ ทั้งในตลาด และตลอดริมทางสองฝั่งไกลออกไป เด็ก ๆ ยังคงสนุกกับการนั่งรถส่งมะพร้าว ช่วยกันลงมะพร้าว สุดท้ายที่เหลือก็ถูกนำติดรถมาเก็บไว้ใต้ถุนบ้าน รอลูกค้าสั่งหรือบางฅนอาจมาซื้อถึงที่ก็มี
เมื่อเสร็จจากงานเด็กรุ่นเดียวกับก๊อบและธนก็ได้เวลาเล่นน้ำกันอีกแล้ว ขณะที่วัยรุ่นอย่างเภียและธีจะไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร เด็ก ๆ พากันส่งเสียงหยอกล้อไปยังสระน้ำ ลุงแก่ยังคงยืนถอดเสื้อส่งยิ้มให้เมื่อพวกเขาเดินผ่าน และวันนี้ก๊อบมีแต่ความชื่นชมให้แกเท่านั้น
ธนและฅนอื่นๆ ต่างถอดเสื้อผ้ารีบโดดลงน้ำกันเหมือนเดิม
วันนี้ก๊อบคิดว่าเขาควรมีความกล้าเหมือนพวกเพื่อน ๆ บ้าง อย่างน้อยจะได้กลมกลืนกัน เด็ก ๆ จึงได้พากันแปลกใจ เมื่อเห็นก๊อบถอดเสื้อผ้าออกจนหมดก่อนโดดน้ำลงมา ต่างพากันส่งเสียงเฮรับ ไม่มีความแตกต่างระหว่างความเป็นเพื่อนของพวกเขาอีกแล้ว.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)