ก๊อบ (ตอนที่๖ ขนมไทย)

กระทู้สนทนา
เรื่อง : ก๊อบ 
โดย : ละเว้
(ตอนที่๖ ขนมไทย)

“ไปตลาดกันไหม” ลุงเอ่ยชวนหลังมื้อเย็นผ่านไปได้สักพัก ยังหัวค่ำอยู่ ก๊อบซึ่งกำลังนอนเล่นในเปลญวนรีบรับคำ

“ไปสิ”

กินข้าวเสร็จจนถึงค่ำแล้วก็ไม่มีอะไรทำ นึกเบื่ออยู่พอดี พวกเด็ก ๆ ขึ้นไปดูทีวีบนบ้านกันหมด โทรศัพท์ที่เอามาด้วยก็ยังซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้า ไม่มีสัญญาณเครือข่ายไทยโทรศัพท์ก็ไร้ความหมายไม่ต่างจากที่บ้านลุง

“เดี๋ยวให้ลุงเธียพาไป” ลุงชัยบอกและหันไปพยักหน้ากับเพื่อน ลุงเธียพยักหน้ารับ เดินไปจับรถเครื่องที่พิงอยู่กับเสา ขยับมันออกมาแล้วขึ้นคร่อมสตาร์ตเครื่อง พยักหน้าเรียกอีกครั้ง

“ธนไปด้วยไหม” ก๊อบถามลุง คิดว่าถ้ามีเพื่อนไปด้วยจะสนุกกว่า 

“ธนมันไม่ไปหรอก” ลุงเธียตอบขึ้นแทน ยังไม่ทันได้ถามสักคำ ก๊อบคิดในใจ แต่ก็ขึ้นซ้อนท้าย เมื่อลุงชัยขึ้นมาอีกฅนทั้งหมดก็ไปตลาดด้วยกัน

นี่นะหรือตลาด ทำไมมันมืดได้ขนาดนี้ล่ะ ก๊อบถามตัวเองในใจระหว่างนั่งรอขนมที่ลุงชัยเป็นคนสั่ง ก๊อบไม่รู้หรอกว่าลุงชัยสั่งขนมอะไรให้ แต่เมื่อดูจากของที่วางในร้านก็พอเดาได้ว่า มันน่าจะเป็นพวกน้ำแข็งไสหรืออะไรสักอย่างที่คล้ายกัน 

โต้รุ่งที่นี่ผิดกับที่บ้านมากเลย ทั้งที่ก๊อบคิดอยู่แล้วว่ามันต้องแย่กว่า แต่ไม่คิดว่ามันจะแย่ได้ถึงขนาดนี้ บรรยากาศนั้นเรียกว่าวังเวงก็คงไม่เกินไป มีร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้าน กับของขายที่แทบจะเหมือนกันหมด ลูกชิ้น น้ำปั่น ขนมหวาน นอกจากนั้นก๊อบยังเห็นมีขนมปังท่อนยาว ๆ วางขายอยู่ด้วย  แต่ละร้านจะมีหลอดไฟอยู่แค่ดวงเดียว มันจึงเป็นโต้รุ่งในความมืดสลัว มีฅนมานั่งกันน้อยจนนับจำนวนได้ รอบตัวมีแต่ความมืดดำ ไฟส่องสว่างบนถนนไม่มีเลยสักดวง 

และทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไร แต่ร้านรวงต่าง ๆ ก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว จะมีก็แค่ตรงแผงหรือร้านขายโทรศัพท์ที่ยังพอมีแสงอยู่บ้าง แต่มันก็อยู่ห่างออกไปและเงียบเหงาไม่ต่างกัน

“แหวะ มันหวานเลี่ยนเลย” ก๊อบร้องออกมาเมื่อตักขนมคำแรกเข้าปาก ลุงเธียหัวเราะชอบใจ โต๊ะข้าง ๆ พากันหันมอง จะสนใจอะไรกันนักนะพวกนี้ ก๊อบคิดในใจ 

“รู้ไหม มันชื่อขนมไทยเลยนะ” ลุงเธียบอกกับเขา 

“ใช่ ๆ บองแอมไทยแปลว่าขนมไทย” ลุงชัยเสริมขึ้น

“แต่ส่วนใหญ่เขาเรียกบองแอมเซี้ยมกัน คำว่าเซี้ยมก็เหมือนที่เราเรียกเขาว่าเขมรนนั่นแหละ อาจไม่สุภาพนัก แต่บางฅนก็เรียกจากความเคยชินมากกว่า” ลุงชัยยังอธิบายต่อ เด็กชายมองถ้วยขนมที่เอาของหวานทุกอย่างมาใส่รวมกัน ทั้งวุ้น ทองหยิบทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุนก็มี ข้าวเหนียวถั่วดำอีก โปะน้ำแข็งไสราดนมข้นหวานลงไปด้วย มันจึงหวานเลี่ยนจนเขากินไม่ลงเลย

“มันเป็นขนมไทยที่ฅนไทยกินไม่เป็นกันหรอก” สองฅนหัวเราะชอบใจกับคำพูดของเขา 

“นั่นสิ เป็นขนมไทยแต่หากินในเมืองไทยไม่ได้แน่นอน ต้องมากินที่เขมร” ลุงเธียตอบทั้งหัวเราะไปด้วย 

ก๊อบจำได้ว่า ก่อนมาลุงชัยสอนให้เรียกฅนที่นี่ว่าขแมร์นี่นา แต่ที่เขาได้ยินนั้น ลุงเธีย เรียกตัวเองว่าเขมรเต็มปากเต็มคำ ไม่เห็นบอกว่าเป็นขแมร์เหมือนที่ลุงชัยสอนเลย

เมื่อกลับถึงบ้านก๊อบก็เห็นว่ามีเปลญวนผูกเพิ่มที่ใต้ถุนอีกหลายปาก มีฅนนอนอยู่ในนั้น น่าจะเป็นพวกไอ้ธนนั่นแหละ ฅนที่นี่ใช้เปลญวนเป็นเตียงนอนกันด้วย ก๊อบคิด แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เขาง่วงและเพลียเกินกว่าจะสนใจอะไรแล้ว 

เสียงไก่ขันดังตั้งแต่ฟ้ายังมืดดำอยู่เลย ก๊อบได้ยินเสียงฅนลุกจากที่นอน ไฟฟ้าดวงเดียวที่ใต้ถุนถูกเปิด เด็กชายดึงผ้าห่มมาคลุมหัวขดตัวนอน เสียงปลุกไอ้ธนขณะที่ก๊อบยังคงหลับตา เสียงฅนก่อไฟในครัว มีกลิ่นควันโชยมา หลายฅนตื่นกันแล้ว ไอ้ธนก็ตื่นแล้วเช่นกัน ก๊อบอดคิดถึงแม่ไม่ได้ แม่ของเขาตื่นแต่เช้าขณะก๊อบยังคงหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ต่างจากตอนนี้ 

เป็นทุกเช้าที่ป้าเซร็ยเมียของลุงเธียจะต้องไปขายของในตลาด พวกพืชผักผลไม้ที่หาซื้อมา บางทีก็ทำขนมอะไรไปขายบ้าง ทุกฅนในบ้านจึงต้องลุกจากที่นอนช่วยกันจัดเตรียมของแต่เช้า

เสียงกระดิ่งเสียงหายใจฟืดฟาด ผสมเสียงย่ำเท้าของวัวดังออกไปทางทุ่งนา ขณะที่ก๊อบเริ่มเคลิ้มหลับอีกครั้ง

“ตื่นได้แล้วไอ้หมา ไปตลาดกัน” ลุงชวนไปตลาดอีกแล้ว แต่เช้าเลยด้วย 

“ไปทำไมอีกล่ะ” ก๊อบงัวเงียถาม เขาไม่อยากไปตลาดแล้ว 

“ไปหาข้าวต้มกินกันไง อยู่นี่ไม่ข้าวกินหรอกนะ” 

ก๊อบคงได้แต่สงสัยว่า  ทำไมเขาถึงจะไม่มีข้าวกินที่นี่ 

“ฅนที่นี่ส่วนใหญ่แล้วเขาไม่กินข้าวเช้ากันหรอก โดยเฉพาะ ชาวบ้านอย่างลุงเธียนี่แหละ” ลุงอธิบายให้หลานฟังขณะพาเดินไปตามทาง ลุงไม่ยอมให้ลุงเธียขับรถไปส่ง กลับพาเขาเดินไปทั้งที่ตลาดอยู่ไกลเป็นกิโลทีเดียว 

“ทำไมล่ะ” เด็กชายถามทั้งที่ไม่ได้สนใจสักเท่าไร 

“ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะมาจากช่วงสงคราม ตอนนั้นผู้ฅนอดอยากกันมาก”

ก๊อบเคยได้ยินเรื่องสงครามเขมรมาบ้างเหมือนกัน แต่คงไม่เข้าใจอะไรมากนัก เขาไม่เคยได้สนใจมันด้วย

ชาวบ้านข้างทางยังคงส่งเสียงทักทายเมื่อเขาสองฅนเดินผ่าน 

ทั้งที่บอกว่าจะพามากินข้าวต้ม แต่ลุงกลับพามาร้านกาแฟเสียอย่างนั้น บางทีเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจลุงสักเท่าไรเหมือนกัน 

เจ้าของร้านกาแฟที่มองออกว่าเป็นคนจีนร้องทักลุงด้วยความคุ้นเคยแต่ไกล และไม่เพียงแต่เจ้าของร้านเท่านั้นที่ดูคุ้นเคย ก๊อบว่าน่าจะทุกฅนในร้านนี้เลยด้วยซ้ำที่รู้จักลุง นั่นทำให้ก๊อบกลายเป็นจุดสนใจอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว มันช่างน่ารำคาญที่ต้องพยายามฉีกยิ้มให้ฅนที่ไม่รู้จัก แต่ละฅนเข้ามาทักทายด้วยเสียงโประเประไม่ต่างกัน แต่ก็ค่อยโล่งอก เพราะฅนในร้านสนใจเขาแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น อาจเพราะพูดกันไม่รู้เรื่องด้วยก็ได้

และนอกจากจะมีเจ้าของร้านเป็นฅนจีนแล้ว ที่นี่ยังมีลูกค้าที่เป็นอิสลามด้วย ก๊อบคุ้นเคยกับการแต่งตัวของอิสลาม เพราะที่ตราดก็มีอิสลามเช่นกัน อิสลามฅนหนึ่งพาลูกชายวัยไม่ถึงขวบมากับเขาด้วย 

ร้านกาแฟดูจะเป็นแหล่งจับกลุ่มพูดคุยยามเช้าของฅนที่นี่ หลายฅนพาลูกเล็กมาด้วย บ้างนั่งเล่นหมากรุก บางฅนสนใจข่าวในจอทีวี

โอวัลตินของก๊อบหมดแก้วไปนานแล้ว กาแฟร้อนของลุงก็หมดแล้วเช่นกัน แต่ลุงยังคงนั่งพูดคุยอีกเป็นพักจึงพาเขาเดินออกมา 

ก๊อบเดินตามลุง ผ่านตลาดที่ดูคึกคักผิดกับเมื่อคืน หรือตอนกลางวันของเมื่อวานมากทีเดียว ทางเดินยิ่งดูเฉอะแฉะและสกปรกมากกว่าเดิมเช่นกัน เวลาเดินต้องคอยเขย่งเท้าไปด้วย แม่ค้าส่งเสียงเรียกลูกค้า ผู้ฅนจอแจต้องหลบหลีกกันและกันตลอด เมียลุงเธียที่นั่งขายของอยู่ร้องทักเมื่อเขาและลุงเดินผ่าน ลุงหยุดพูดคุยขณะก๊อบได้แต่ฝืนยิ้ม ยังคงไม่รู้สึกคุ้นเคยที่นี่เอาเสียเลย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)



หมายเหตุ : แม้ผมจะพยายามเลี่ยงภาษาพูด แต่บางครั้งยังคงต้องใช้บ้าง โดยเฉพาะในเครื่องหมายคำพูด และถ้าห้ามใช้ภาษาพูดโดยเด็ดขาด ผมว่าผมเขียนไม่ไ่ด้แน่นอน เพราะอย่างน้อย ๆ ผมคงไม่รู้จะหาอะไรมาแทนคำว่า 'ละ ล่ะ' ได้ และแม้ว่า 'ละ' จะมาจาก 'แล้ว' 'ล่ะ' จะมาจาก 'เล่า' แต่ถ้าใช้แบบนั้นมันคงแปลกน่าดูในบางบริบท และผมเชื่อว่า นักเขียนหลายคนต่างใช้ 'ละ ล่ะ' เป็นปกติเหมือนผมด้วยเช่นกัน คงไม่มีใครไม่เคยใช้ 'ละ ล่ะ' จึงขอฝากคนที่คอยจับผิดว่า ถ้าอยากจับผิดจริง ๆ ช่วยจับผิดการใช้ 'ละ ล่ะ' ด้วยนะครับ (ด้วยความรำคาญจริง ๆ )

ปล. ทุกเรื่องของผมวิจารณ์ได้ะครับ แต่ผมขอรักษาสิทธิ์ในการอธิบายเมื่อมีข้อโต้แย้งด้วยเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่