อาการ...ไตบวมน้ำ หรือ Hydronephosis

ไตบวมน้ำ หรือ Hydronephosis เป็นภาวะที่สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย 
หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม  จะหายขาดได้ไม่ส่งผลต่อระบบใดๆในระยะยาว แต่หากปล่อยไว้ให้รุนแรง
ภาวะไตบวมน้ำอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตอย่างถาวรได้ exclaim
  
วันนี้พี่หมอฝั่งธน....จะมาให้ความรู้  idea อาการ...ไตบวมน้ำ หรือ Hydronephosis idea

ไตบวมน้ำ (Hydronephrosis) เป็นภาวะที่ไตมีสารน้ำคั่งอยู่จนเกิดอาการบวม
เนื่องจากระบบทางเดินปัสสาวะเกิดการอุดตันหรือทำงานผิดปกติ 
โดยอาจเกิดขึ้นเฉพาะไตข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจเกิดขึ้นทั้งสองข้าง
ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติบางอย่าง เช่น ปวดหลัง ปวดบั้นเอว ปัสสาวะเป็นเลือด มีไข้ หรือรู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ 

exclaimโดยปกติแล้วระบบทางเดินปัสสาวะของร่างกาย ซึ่งประกอบไปด้วยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ
มีหน้าที่หลักในการกำจัดของเหลวส่วนเกินและของเสียออกจากร่างกาย
แต่เมื่อกลไกการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะทำงานผิดปกติไป
เช่น เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้น้ำปัสสาวะไม่สามารถระบายออกนอกร่างกายได้
ทำให้สารน้ำและของเสียคั่งอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ท่อไต หรือไหลย้อนกลับจนนำไปสู่ภาวะไตบวมน้ำได้
โดยภาวะดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจมีสาเหตุมาจากโรคหรือภาวะผิดปกติบางอย่าง เช่น
- นิ่วในไต ก้อนนิ่วอาจอุดตันอยู่ในไต หรือบริเวณอื่น ๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะได้
มะเร็งบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดการอุดตัน หรือขัดขวางทางเดินของน้ำปัสสาวะได้ 
เช่น มะเร็งไต มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งรังไข่ 
- โรคต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากที่โตผิดปกติอาจไปเบียดท่อปัสสาวะจนส่งผลให้น้ำปัสสาวะไหลติดขัด
การตั้งครรภ์ มดลูกที่ขยายตัวในช่วงตั้งครรภ์อาจไปกดทับท่อไตจนส่งผลให้น้ำปัสสาวะไหลลำบาก
- ทางเดินปัสสาวะตีบตัน โดยอาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อ การผ่าตัด อาการบาดเจ็บ หรืออาจเป็นโดยกำเนิด
- อวัยวะบริเวณอุ้งเชิงกรานหย่อน เช่น ภาวะกระเพาะปัสสาวะหย่อน หรือภาวะมดลูกหย่อน 
ความผิดปกติทางเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อที่ส่งผลกระทบต่อไตหรือท่อไต
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในไตหรือท่อไต ภาวะปัสสาวะไม่ออก โรคเบาหวาน ภาวะปัสสาวะไหลย้อนกลับ หรือภาวะส่วนปลายสุดของท่อไตที่เชื่อมกับกระเพาะปัสสาวะบวมผิดปกติ (Uterocele) 
สำหรับกรณีทารกในครรภ์ นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ภาวะไตบวมน้ำยังอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่น เช่น การที่ร่างกายของทารกผลิตน้ำปัสสาวะมากขึ้นในช่วงใกล้คลอด หรืออาจเป็นผลมาจากการที่ท่อไตของทารกอยู่ผิดตำแหน่งตั้งแต่เกิด 



ideaภาวะไตบวมน้ำเป็นภาวะที่เป็นผลมาจากโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ 
ผู้ที่มีภาวะไตบวมน้ำจึงอาจพบอาการที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน 
อาการอาจเกิดขึ้นได้ทั้งอย่างฉับพลันหรือแย่ลงอย่างช้า ๆ โดยอาการที่มักพบ 
- ปวดหลังหรือปวดบั้นเอว และอาการจะยิ่งแย่ลงเมื่อดื่มน้ำมาก ๆ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อาการเกี่ยวกับปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อยขึ้น รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ ปริมาณน้ำปัสสาวะน้อยลง
ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะไม่สุดหรือรู้สึกว่ามีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ 
- เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
- มีไข้

ideaบางคนอาจพบอาการผิดปกติในลักษณะข้างต้น ผู้ที่มีภาวะไตบวมน้ำบางคนอาจไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ
โดยเฉพาะในเด็ก แต่เนื่องจากภาวะไตบวมน้ำอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
ดังนั้น ผู้ที่พบอาการในลักษณะข้างต้นหรือเริ่มสังเกตพบอาการผิดปกติ
เช่น ไข้ขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งในกรณีเด็กและผู้ใหญ่
ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ
แพทย์จะสอบถามประวัติและอาการผิดปกติต่าง ๆ ของผู้ป่วย และตรวจร่างกายทั่วไป
โดยเฉพาะการคลำบริเวณไตและกระเพาะปัสสาวะ
ร่วมกับการใช้วิธีตรวจทางการแพทย์อื่นเพิ่มเติมเพื่อหาสัญญาณของภาวะไตบวมน้ำ เช่น 
กรณีผู้ชาย แพทย์อาจสอดนิ้วผ่านทางทวารหนักเพื่อตรวจดูขนาดของต่อมลูกหมาก (Rectal Exam) 
กรณีผู้หญิง แพทย์อาจใช้วิธีตรวจภายใน (Pelvic Exam) เพื่อตรวจดูความผิดปกติของมดลูกและรังไข่
การตรวจเลือด เพื่อตรวจดูการทำงานของไต หรือตรวจหาสัญญาณการติดเชื้อของร่างกาย
การตรวจปัสสาวะ แพทย์อาจตรวจปัสสาวะเพื่อหาความผิดปกติบางอย่าง เช่น การติดเชื้อของร่างกาย หรือนิ่วในปัสสาวะ 
การใช้ภาพวินิจฉัย แพทย์อาจใช้วิธีอัลตราซาวด์หรือเอกซเรย์ร่วมกับการฉีดสี 
เพื่อช่วยให้แพทย์เห็นภาพการทำงานและความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ 
ในบางกรณีแพทย์อาจใช้วิธีซีทีสแกน (CT Scan) หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) ร่วมด้วย



ideaการรักษาไตบวมน้ำ
ในการรักษาภาวะไตบวมน้ำ แพทย์จะรักษาผู้ป่วยแต่ละคนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงคะ
โรคก้อนนิ่วในไต แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาโรคก้อนนิ่วในไตที่เหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน 
มะเร็ง วิธีการรักษามะเร็งที่แพทย์มักใช้ เช่น เคมีบำบัดหรือคีโม รังสีรักษา หรือการผ่าตัด 
ต่อมลูกหมากโต ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาตามความเหมาะสมต่อผู้ป่วยแต่ละคน 
เช่น การใช้ยา หรือการผ่าตัดนำต่อมลูกหมากบางส่วนออก 
การติดเชื้อ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง แพทย์อาจเพียงให้ยาบางชนิดและนัดตรวจเพิ่มเติมเป็นระยะ ๆ 
หรือในกรณีผู้ป่วยตั้งครรภ์ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักหายได้เองในระยะเวลา 2–3 สัปดาห์หลังจากคลอดบุตร 
แพทย์อาจไม่จำเป็นต้องรักษา และเพียงติดตามอาการเท่านั้น 

ideaเนื่องจากภาวะไตบวมน้ำเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางกรณีอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
การป้องกันจึงอาจทำได้ยาก แต่ในเบื้องต้นอาจลดความเสี่ยงได้โดยการป้องกันตัวเองจากโรคหรือปัจจัยต่าง ๆ
ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือมากเกินพอดีเพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในไต 
นอกจากนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ หากพบอาการผิดปกติใด ๆ หรือกำลังป่วยเป็นโรคต่าง ๆ 
ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆค่ะ

ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=x9niPlikkSo
https://www.youtube.com/watch?v=AEvNsrfjacg

lovelovelove
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่