เมื่อคุณมีคู่ชีวิตประมาณนี้คุณจะจัดการและดูแลอย่างไร

ผมอายุ 33-34 แฟน35-36 คือต่างกันก็สองปี
ความคิดอาจจะไม่ตรงกันบ้างในบางมุม
ผมเองเป็นคน ง่ายๆติดตลกในบางมุมกับงาน แต่บางทีก็สามารถตอบประเด็นที่ชัดเจน ทำงานตรงๆ ไม่รู้คือไม่รู้ ถ้ารู้คือทำ พูดชัดเจนไม่แยกแยะลำดับ  จะผู้ใหญ่หรือเพื่อน ภาษาบ้านๆ ขวานผ่าซาก ไม่เคร่งครัดเรื่องศาสนา ไม่ชอบเข้าวัดทำบุญไหว้พระเลยเมื่อเทียบกับแฟนผม ที่เป็นคนชัดเจนตรงๆทุกเม็ดเหมือนถอดบทบาทจากละครคุณธรรมในโซเชียลมิเดีย แต่การตัดสินใจในบางจังหวะคือคิดช้า แต่ชัวร์ เรื่องการมูเตคือเบอร์ต้น แต่ไม่ตรงกับความจริงในหลักศาสนาหรือหลุดกรอบไปนิดนึง ซึ่งจะมีหมอประจำตัวติดหนึบไปไหนได้กันในเรื่องมูๆ ซึ่งต่างกันแต่ดันมีสิ่งนึงที่เข้ากันได้คือ “มุกตลก” ที่ต่างคนต่างปล่อยใส่กันทำให้ความตึงจากบุคลิกที่ขนานกันกลับมาเอ็นจอยกันได้บ้าง ทำให้ความสัมพันธ์คู่เรายังคงอยู่ได้ด้วยการปั่นประสาทนี่เอง ซึ่งมันก็ธรรมดาเหมือนคู่ทั่วๆไป
แต่จนวันนึงเราเกิดได้มีกิจกรรมร่วมรักเร็วๆนี้ ที่เป็นประเด็นจะกล่าว
คือคู่เราไม่ค้อยทำกิจกรรมกันมานาน เพราะต่างคนต่างทำงาน เจอหน้าเป็นหลับ เลยว่างเว้นไปนาน  โดยเราทั้งคู่ มีขอตกลงกันอย่างนึง คือจะไม่ทำเสร็จข้างในหรือ บ้านๆ แตกใน เพราะความกลัวจะพลาดนี่เอง กลัวดูแลไม่ไหวในความรู้สึกของแฟนนั้นเอง
แล้ววันที่เกิดกิจกรรมแล้วเสร็จนั้นเอง
ผมจึงเปรยๆว่า “ผมเสร็จในนะ”
(ซึ่งจริงๆผมไม่เสร็จใน แต่ลองดูใจแฟนว่าจะอากับกิริยาอย่างไร)
แฟนถามกลับแบบทันควัน “เสร็จในจริงเหรอ”
ผมตอบกลับแบบนึงๆว่า “จริงๆรอบนี้ไม่แกล้ง”
แฟนผมเองถามย้ำเช่นเดิม ผมก็ตอบกลับเช่นเดิม
แฟนเหมือนจะถอนหายใจเบาๆแล้วเปรยคำว่า “แน่ใจแล้วใช่ไหม ถ้าเกิดขึ้นมาไหวใช่ไหม?”
ผมก็ตอบไปว่า “ถ้าจะมีเขามาจริงๆเราไหวนะ“
แฟนก็ตอบแบบกลัวๆ ”แน่ใจหรอว่าที่เป็นกันอยู่ก็มีภาระ ไหนจะโน้นนี่นั้น มันหลายอย่างนะ เธอเองก็ต้องดูแลทั้งหมด เรากลัวว่าไม่ไหว ไปไม่รอดเอานะ”
ผมที่ฟังอยู่แล้วคิดอยู่พักนึงตอบแบบเชิงประชดเบาๆ “ อืม ไม่ไหวก็ไม่ไหว ไม่เป็นไรหรอก เพราะไม่ได้ปล่อยใน ”
แฟนก็มีท่าที่สบายใจแล้วรีเช็คคำตอบผมอีกที “นอกจริงใช่ไหม”
ผมก็ตอบว่า จริงๆ
หลังจากนั้นเหตุการณ์จากคลุมเครือก็กลับมาปกติ แต่ความรู้สึกผมเองไม่ปกติเหมือนเดิม
จากคำพูดแฟนที่กล่าวว่าไม่พร้อมในความรู้สึก คือยังไงกันแน่ ผมเองนอนดึกเพราะจากการทำงานโหมหนักตลอด บอกกับสุขภาพผมเองก็นับว่าไม่สมบูรณ์ ระดับที่น้อยกว่า 80% และผมเองมีโรคประจำตัวโดยหมอแจ้งว่าจะทำให้มีลูกยากมากๆ ผมอาจจะเคยลองปั่มปั้มกับแฟนเก่ามา ตลอดแรมปีตุงเต็มถังทุกประตู ผมก็ไม่เคยติดหรือเฉียดความว่าสองแทบสักที จนทำให้ผมเองรู้สึกว่าไม่น่ามีโอกาส กลายเป็นความว้าเว่ หรือความคิดในจิตใต้สึกนึกที่ว่า ”ไม่มีน้ำยา“ มาโดยตลอด
ซึ่งแฟนคนปัจจุบันก็รู้และรู้ดีว่าร่างกายผมไม่พร้อม เพราะหมอก็เคยและแนะนำให้มาปรึกษาก่อนจะมีบุตร
แต่ด้วยเหตุเกิดจากความตลกร้ายในตัวผมเองจะแกล้งตอบ ให้แฟนตอบกลับมาในเชิงตลกว่า “จะบ้าหรือเทอ เทอหมั้นแดรก” อะไรเบอร์นั้น กลายเป็นผมเฟลไปซะดื้อๆเลย  จริงๆก็ไม่คิด แต่พอเจอแฟนตอบมาแบบนี้ก็มีความคิดแปลกๆตรงที่ว่า ว่าผมเองไม่พร้อมจริงๆ ที่ไม่พร้อมกับสุขภาพผมเอง แต่มันคิดไผเวย์ว่าผมเองที่ไม่พร้อมสำหรับเขาแทน ความรู้สึกมันดาว์นแบบไม่รู้ตัวมาก่อนเลย จากที่ผมติดยิ้มก็กลายเป็นนิ่งๆและตั้งคำถามกับตัวเองอยู่นาน เราอาจจะไม่พร้อมในทุกๆด้านสำหรับเขาหรือเปล่า ?
ก็ได้แต่ก็ช่างมันมาประมาณนึง แล้วคิดได้ว่า เราเองคงไม่พร้อมกับเขาจริงๆ แบบนี้ผมควรจะคิดยังไงต่อ เพราะเคสนี้ผมใหม่มากครับ ความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นพี่ๆจะจัดการชุดกระบวนความคิดแบบนี้ไปยังไงครับ
บางคำก็ลืมได้ แต่ลบมันจากความรู้สึกยากจริงๆ

#ขอบคุณครับถ้าเข้ามาอ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่