คนขุดคลิป Pigkaploy โดนฉะ ประเด็นอ่อนไหว ทิเบต-จีน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8060743
คนขุดคลิปเก่า Pigkaploy หรือ พลอย พลอยไพลิน โดนฉะยับ ไม่รู้เรื่องประเด็นอ่อนไหว ระหว่าง ทิเบต และ จีน แถมเสิร์ชดูข้อมูลในกูเกิ้ลแมพ
กลายเป็นดราม่าใหญ่ไปไม่นานมานี้สำหรับ
Pigkaploy หรือ
พลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวและนักแสดงชื่อดัง หลังทำคลิป PR ให้กองทัพ ทำชาเน็ตถกสนั่น ความเห็นแตกเป็นหลายฝ่าย
ก่อนเจ้าตัวจะออกมาชี้แจงถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ชาวเน็ตสงสัยและตำหนิ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นไอโอของกองทัพ
ล่าสุดดูเหมือนชาวเน็ตจะไม่จบดราม่านี้ได้ง่าย ๆ เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว “
เท่าที่ดูมา เค้าดูตามการเมืองน้อยจริงแหละ ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่การเมืองต่างประเทศด้วย อย่างอีพีเลห์ก็มีพูดเรื่องเขตแดนทิเบต โดยที่ดูยังไม่เข้าใจปัญหาเรื่องจีนกับทิเบตเลย”
พร้อมแนบคลิปวิดีโอคอนเทนต์เก่าของพลอยมาฉะเละ โดยเป็นคลิปวิดีโอที่
พลอยและ
เบนซ์ Gaijin ยูทูบเบอร์อีกคนหนึ่งเดินทางไปยัง เลห์ ในทิเบต แล้วเจอป้ายภาษาอังกฤษที่ติดข้างเสา พร้อมรอยขีดฆ่าจากคำว่า China (จีน) เขียนด้วยลายมือเป็นคำว่า Tibet (ทิเบต) แทน
พลอยกล่าวในคลิปวิดีโอว่า “
นี่คือความน่าสนใจ จริงๆ มันเขียน China แต่ไม่รู้ใครไปขีดฆ่าแล้วเขียนคำว่า Tibet เข้าไป” เธอจึงสงสัยว่าทำไมต้องทำแบบนี้
เบนซ์ ที่มาด้วยกันจึงกล่าวว่า “
อาจจะเป็นของจีนมาก่อน แล้วคนทิเบตรู้สึกว่าของฉันรึเปล่า เพราะถ้าดูตามป้ายก็พิมพ์มาอย่างชัดเจนเนอะ”
พลอยจึงทำการค้นหาในกูเกิ้ลแมพ หรือแผนที่โลก ว่าบริเวณตรงนั้นเป็นของใคร ก่อนเธอจะกล่าวว่า “
ถ้าในกูเกิ้ลแมพมันก็จะเขียนว่า China เว้ย”
นั่นทำให้ชาวเน็ตไม่พอใจอย่างมาก เพราะประเด็นเรื่อง ทิเบต และ จีน นั้นเป็นประเด็นทางการเมืองที่อ่อนไหว และมีคนเสียชีวิตจากการประท้วง
อีกทั้งชาวเน็ตยังตั้งคำถามว่าคนเราถ้าไม่รู้ข้อมูลทำไมถึงไม่เสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิ้ลมากกว่ากูเกิ้ลแมพซึ่งไม่ได้ให้คำตอบอะไรนอกจากการวัดเส้นแบ่งพื้นที่
หลายคนมองว่าในเมื่อเป็นอินฟลูฯ ก็ควรทำการบ้านก่อนไปท่องเที่ยว ยิ่งไปในพื้นที่ที่มีประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองก็ควรศึกษาให้ดี การไม่รู้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การกระทำภายในคลิปวิดีโอของ
พลอยนั้นสื่อว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรเลยจริง ๆ
‘กมธ.มั่นคง’ ลุยสอบปม ‘หมู-ตีนไก่เถื่อน’ เรียก ‘ดีเอสไอ – ปปง.’ ชี้ แจง 24 ม.ค.นี้
https://www.dailynews.co.th/news/3102190/
"กมธ.มั่นคง" ลุยสอบ "หมู-ตีนไก่เถื่อน" เชิญ “ดีเอสไอ - ปปง.”เข้าชี้ แจง 24 ม.ค. พร้อมพ่วงตรวจสอบ ฝ่ายมั่นคงใต้ ปมดำเนินคดี เยาวชนจัดกิจกรรม “มลายูรายา”วันที่ 25 ม.ค.
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากสภาผู้แทนราษฎร ว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. ได้นัดประชุม เพื่อพิจารณาต่อเนื่องเป็น ครั้งที่สอง ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณา กรณีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและตีนไก่สวมสิทธิเข้ามาในประเทศและส่งออกไปยังประเทศจีนโดยสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จ ที่กระทบต่อความมั่นคงและประเทศ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ทาง กมธ. ยังได้นัดประชุมในประเด็นเรื่องการฟ้องร้องคดีความมั่นคงเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่25 ม.ค. นี้ ซึ่งได้เชิญ เลขาธิกรสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9
ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นกรณี ที่เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ รวม 9 คน ถูกตำรวจอ.สายบุรี จ.ปัตตานี ฟ้องดำเนินคดีว่าด้วยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เป็นอั้งยี่ เป็นช่องโจร จากกรณีการจัดกิจกรรมมลายูรายา เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรีจ.ปัตตานี.
เศรษฐกิจไม่ฟื้น แนะ SME ลดเสี่ยง รัดเข็มขัด ลดต้นทุน
https://www.thansettakij.com/business/economy/586342
• ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้น GDP ให้กับประเทศและเพิ่มสัดส่วน GDP SME มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
• 7 ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่ 1. สงคราม 2. เศรษฐกิจ 3. ปัญหาสังคม 4. สิ่งแวดล้อม 5. สุขภาพ 6. ด้านการศึกษา 7. เสถียรภาพทางการเมือง กับนโยบาย มาตรการของรัฐบาลกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงรุกที่เป็นรูปธรรม
• SME ต้องมีแผนบริหารความเสี่ยง ต้องมีมาตรการรัดเข็มขัด ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มออกไป การรักษาตลาดฐานลูกค้าเดิม การแสวงหาตลาดใหม่
นาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้น GDP ให้กับประเทศและเพิ่มสัดส่วน GDP SME ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกได้แก่
1. สงคราม สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาคของโลกที่มีระหว่างคู่ขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์ของโลกและสะเทือนถึงเศรษฐกิจไทยที่ส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน ต้นทุนโลจิสติกส์ ต้นทุนปัจจัยวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต และสินค้าทุนจากต่างประเทศที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. เศรษฐกิจ ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน พร้อมกับสภาพบอบช้ำของสภาวะหนี้ที่รุมเร้า ดอกเบี้ยปรับตัวสูง รายได้ไม่เพียงรายจ่าย ผู้คนพร้อมรัดเข็ดขัด ผู้ประกอบการเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้น กำลังซื้อในแต่ละประเทศที่ลดลงส่งผลต่อภาคการส่งออก รวมทั้งกำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซาจาก GDP ที่ขยายตัวต่ำเพียง 2.4% ในปี 2566 ไทยยังต้องระวังความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากระเบิดหนี้ครัวเรือน หนี้เสีย และหนี้นอกระบบที่ประทุรอลุกลาม ผู้ประกอบการไทยเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
3. ปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การพนันออนไลน์ และการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นมะเร็งทางสังคมไทย และสร้างค่านิยมเป็นวัฒนธรรมวัตถุนิยม ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเพราะงบประมาณที่มีอย่างจำกัดในการพัฒนาประเทศ
4. สิ่งแวดล้อม ปัญหาโลกร้อน โลกเดือด คาร์บอนเครดิต Carbon Neutrality Net Zero การเปลี่ยนผ่านสู่ Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว ต้องสร้างให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ไม่ใช่เป็นอุปสรรค
5. สุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนไทยที่มีภาวะความเสี่ยงต่อโรคอุบัติใหม่ที่ยังต้องเฝ้าระวังดูแลรักษาสุขภาพการดูแลรักษาสุขภาพที่จะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำ ลดค่าใช้จ่าย มีคุณภาพมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ใกล้เคียงกัน และเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพไม่สร้างภาระให้คนวัยทำงาน
6. ด้านการศึกษา ปัญหาเรื่องของความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ที่ขยายวงออกไปจะต้องเตรียมความพร้อมการพัฒนากำลังคนในประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ทั้งทักษะทางคิดวิเคราะห์ ภาษาต่างประเทศ การสื่อสาร การแก้ไขปัญหา ดิจิทัลเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัวเข้ากับสังคมและความเป็นผู้ประกอบการ
7. เสถียรภาพทางการเมือง กับนโยบาย มาตรการของรัฐบาลกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงรุกที่เป็นรูปธรรมผ่านงบประมาณไปยังแต่ละหน่วยงานแต่ละพื้นที่ รวมถึงความผันผวนทางการเมืองกับทิศทางการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภากลางปีที่จะเกิดขึ้น และการแก้ไขกฎหมายต่างๆที่จำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
นาย
แสงชัย กล่าวอีกว่า แผนกลยุทธ์เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คือ การประยุกต์ใช้ 7 หลักเศรษฐกิจพิชิตความเสี่ยง สร้าง DNA SME ไทย คือ เศรษฐกิจพอเพียง สร้างภูมิคุ้มกันไม่ก่อหนี้เกินตัว, เศรษฐกิจดิจิทัล การประยุกต์ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ดิจิทัลเทคโนโลยีกับธุรกิจเพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพกิจการ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การส่งเสริมพัฒนาทักษะ ขีดความสามารถความเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและแรงงานให้เข้าถึงนวัตกรรม, เศรษฐกิจสีเขียว ที่สร้างความตระหนักในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ,เศรษฐกิจหมุนเวียน ลดนำเข้า ผลิตเอง ใช้เอง,เศรษฐกิจแบ่งปัน การสร้างสรรค์ธุรกิจที่ให้คุณค่าควบคู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสมดุลและเป็นธรรม , เศรษฐกิจฐานราก กระจายโอกาส และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
“
สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2567 แผนการบริหารความเสี่ยงยังต้องคำนึงถึงมาตรการรัดเข็มขัด ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มออกไป การรักษาตลาดฐานลูกค้าเดิม การแสวงหาตลาดใหม่เพิ่มเติมยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเพิ่มรายได้ยอดขายของธุรกิจที่ต้องมาพร้อมกับการเร่งพัฒนา สินค้า บริการ ผู้ประกอบการ แรงงาน และธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรมมาขับเคลื่อนองค์กรสร้างความยั่งยืน”
JJNY : Pigkaploy โดนฉะ ประเด็นอ่อนไหว│‘กมธ.มั่นคง’ลุย‘หมู-ตีนไก่เถื่อน’│ศก.ไม่ฟื้น แนะ SME ลดเสี่ยง│อิสราเอลพบอุโมงค์อีก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8060743
คนขุดคลิปเก่า Pigkaploy หรือ พลอย พลอยไพลิน โดนฉะยับ ไม่รู้เรื่องประเด็นอ่อนไหว ระหว่าง ทิเบต และ จีน แถมเสิร์ชดูข้อมูลในกูเกิ้ลแมพ
กลายเป็นดราม่าใหญ่ไปไม่นานมานี้สำหรับ Pigkaploy หรือ พลอย – พลอยไพลิน ตั้งประภาพร ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวและนักแสดงชื่อดัง หลังทำคลิป PR ให้กองทัพ ทำชาเน็ตถกสนั่น ความเห็นแตกเป็นหลายฝ่าย
ก่อนเจ้าตัวจะออกมาชี้แจงถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ชาวเน็ตสงสัยและตำหนิ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เป็นไอโอของกองทัพ
ล่าสุดดูเหมือนชาวเน็ตจะไม่จบดราม่านี้ได้ง่าย ๆ เมื่อชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว “เท่าที่ดูมา เค้าดูตามการเมืองน้อยจริงแหละ ไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่การเมืองต่างประเทศด้วย อย่างอีพีเลห์ก็มีพูดเรื่องเขตแดนทิเบต โดยที่ดูยังไม่เข้าใจปัญหาเรื่องจีนกับทิเบตเลย”
พร้อมแนบคลิปวิดีโอคอนเทนต์เก่าของพลอยมาฉะเละ โดยเป็นคลิปวิดีโอที่พลอยและ เบนซ์ Gaijin ยูทูบเบอร์อีกคนหนึ่งเดินทางไปยัง เลห์ ในทิเบต แล้วเจอป้ายภาษาอังกฤษที่ติดข้างเสา พร้อมรอยขีดฆ่าจากคำว่า China (จีน) เขียนด้วยลายมือเป็นคำว่า Tibet (ทิเบต) แทน
พลอยกล่าวในคลิปวิดีโอว่า “นี่คือความน่าสนใจ จริงๆ มันเขียน China แต่ไม่รู้ใครไปขีดฆ่าแล้วเขียนคำว่า Tibet เข้าไป” เธอจึงสงสัยว่าทำไมต้องทำแบบนี้
เบนซ์ ที่มาด้วยกันจึงกล่าวว่า “อาจจะเป็นของจีนมาก่อน แล้วคนทิเบตรู้สึกว่าของฉันรึเปล่า เพราะถ้าดูตามป้ายก็พิมพ์มาอย่างชัดเจนเนอะ”
พลอยจึงทำการค้นหาในกูเกิ้ลแมพ หรือแผนที่โลก ว่าบริเวณตรงนั้นเป็นของใคร ก่อนเธอจะกล่าวว่า “ถ้าในกูเกิ้ลแมพมันก็จะเขียนว่า China เว้ย”
นั่นทำให้ชาวเน็ตไม่พอใจอย่างมาก เพราะประเด็นเรื่อง ทิเบต และ จีน นั้นเป็นประเด็นทางการเมืองที่อ่อนไหว และมีคนเสียชีวิตจากการประท้วง
อีกทั้งชาวเน็ตยังตั้งคำถามว่าคนเราถ้าไม่รู้ข้อมูลทำไมถึงไม่เสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิ้ลมากกว่ากูเกิ้ลแมพซึ่งไม่ได้ให้คำตอบอะไรนอกจากการวัดเส้นแบ่งพื้นที่
หลายคนมองว่าในเมื่อเป็นอินฟลูฯ ก็ควรทำการบ้านก่อนไปท่องเที่ยว ยิ่งไปในพื้นที่ที่มีประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองก็ควรศึกษาให้ดี การไม่รู้ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การกระทำภายในคลิปวิดีโอของพลอยนั้นสื่อว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรเลยจริง ๆ
‘กมธ.มั่นคง’ ลุยสอบปม ‘หมู-ตีนไก่เถื่อน’ เรียก ‘ดีเอสไอ – ปปง.’ ชี้ แจง 24 ม.ค.นี้
https://www.dailynews.co.th/news/3102190/
"กมธ.มั่นคง" ลุยสอบ "หมู-ตีนไก่เถื่อน" เชิญ “ดีเอสไอ - ปปง.”เข้าชี้ แจง 24 ม.ค. พร้อมพ่วงตรวจสอบ ฝ่ายมั่นคงใต้ ปมดำเนินคดี เยาวชนจัดกิจกรรม “มลายูรายา”วันที่ 25 ม.ค.
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากสภาผู้แทนราษฎร ว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. ได้นัดประชุม เพื่อพิจารณาต่อเนื่องเป็น ครั้งที่สอง ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณา กรณีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนและตีนไก่สวมสิทธิเข้ามาในประเทศและส่งออกไปยังประเทศจีนโดยสำแดงเอกสารอันเป็นเท็จ ที่กระทบต่อความมั่นคงและประเทศ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง ได้แก่ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ทาง กมธ. ยังได้นัดประชุมในประเด็นเรื่องการฟ้องร้องคดีความมั่นคงเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่25 ม.ค. นี้ ซึ่งได้เชิญ เลขาธิกรสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9
ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นกรณี ที่เครือข่ายประชาสังคมเพื่อสันติภาพ รวม 9 คน ถูกตำรวจอ.สายบุรี จ.ปัตตานี ฟ้องดำเนินคดีว่าด้วยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เป็นอั้งยี่ เป็นช่องโจร จากกรณีการจัดกิจกรรมมลายูรายา เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2565 ที่หาดวาสุกรี อ.สายบุรีจ.ปัตตานี.
เศรษฐกิจไม่ฟื้น แนะ SME ลดเสี่ยง รัดเข็มขัด ลดต้นทุน
https://www.thansettakij.com/business/economy/586342
• ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้น GDP ให้กับประเทศและเพิ่มสัดส่วน GDP SME มีทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
• 7 ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่ 1. สงคราม 2. เศรษฐกิจ 3. ปัญหาสังคม 4. สิ่งแวดล้อม 5. สุขภาพ 6. ด้านการศึกษา 7. เสถียรภาพทางการเมือง กับนโยบาย มาตรการของรัฐบาลกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงรุกที่เป็นรูปธรรม
• SME ต้องมีแผนบริหารความเสี่ยง ต้องมีมาตรการรัดเข็มขัด ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มออกไป การรักษาตลาดฐานลูกค้าเดิม การแสวงหาตลาดใหม่
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย การกระตุ้น GDP ให้กับประเทศและเพิ่มสัดส่วน GDP SME ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกได้แก่
1. สงคราม สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาคของโลกที่มีระหว่างคู่ขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่จะส่งผลกระทบต่อภูมิรัฐศาสตร์ของโลกและสะเทือนถึงเศรษฐกิจไทยที่ส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน ต้นทุนโลจิสติกส์ ต้นทุนปัจจัยวัตถุดิบ ปัจจัยการผลิต และสินค้าทุนจากต่างประเทศที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2. เศรษฐกิจ ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น เพราะเศรษฐกิจโลกผันผวน พร้อมกับสภาพบอบช้ำของสภาวะหนี้ที่รุมเร้า ดอกเบี้ยปรับตัวสูง รายได้ไม่เพียงรายจ่าย ผู้คนพร้อมรัดเข็ดขัด ผู้ประกอบการเผชิญต้นทุนเพิ่มขึ้น กำลังซื้อในแต่ละประเทศที่ลดลงส่งผลต่อภาคการส่งออก รวมทั้งกำลังซื้อภายในประเทศที่ซบเซาจาก GDP ที่ขยายตัวต่ำเพียง 2.4% ในปี 2566 ไทยยังต้องระวังความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากระเบิดหนี้ครัวเรือน หนี้เสีย และหนี้นอกระบบที่ประทุรอลุกลาม ผู้ประกอบการไทยเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
3. ปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การพนันออนไลน์ และการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นมะเร็งทางสังคมไทย และสร้างค่านิยมเป็นวัฒนธรรมวัตถุนิยม ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจเพราะงบประมาณที่มีอย่างจำกัดในการพัฒนาประเทศ
4. สิ่งแวดล้อม ปัญหาโลกร้อน โลกเดือด คาร์บอนเครดิต Carbon Neutrality Net Zero การเปลี่ยนผ่านสู่ Green Economy หรือ เศรษฐกิจสีเขียว ต้องสร้างให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ไม่ใช่เป็นอุปสรรค
5. สุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนไทยที่มีภาวะความเสี่ยงต่อโรคอุบัติใหม่ที่ยังต้องเฝ้าระวังดูแลรักษาสุขภาพการดูแลรักษาสุขภาพที่จะทำให้ลดความเหลื่อมล้ำ ลดค่าใช้จ่าย มีคุณภาพมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่ใกล้เคียงกัน และเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพไม่สร้างภาระให้คนวัยทำงาน
6. ด้านการศึกษา ปัญหาเรื่องของความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ที่ขยายวงออกไปจะต้องเตรียมความพร้อมการพัฒนากำลังคนในประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ทั้งทักษะทางคิดวิเคราะห์ ภาษาต่างประเทศ การสื่อสาร การแก้ไขปัญหา ดิจิทัลเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัวเข้ากับสังคมและความเป็นผู้ประกอบการ
7. เสถียรภาพทางการเมือง กับนโยบาย มาตรการของรัฐบาลกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงรุกที่เป็นรูปธรรมผ่านงบประมาณไปยังแต่ละหน่วยงานแต่ละพื้นที่ รวมถึงความผันผวนทางการเมืองกับทิศทางการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภากลางปีที่จะเกิดขึ้น และการแก้ไขกฎหมายต่างๆที่จำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน
นายแสงชัย กล่าวอีกว่า แผนกลยุทธ์เพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว คือ การประยุกต์ใช้ 7 หลักเศรษฐกิจพิชิตความเสี่ยง สร้าง DNA SME ไทย คือ เศรษฐกิจพอเพียง สร้างภูมิคุ้มกันไม่ก่อหนี้เกินตัว, เศรษฐกิจดิจิทัล การประยุกต์ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ดิจิทัลเทคโนโลยีกับธุรกิจเพื่อลดต้นทุนการทำธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพกิจการ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การส่งเสริมพัฒนาทักษะ ขีดความสามารถความเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและแรงงานให้เข้าถึงนวัตกรรม, เศรษฐกิจสีเขียว ที่สร้างความตระหนักในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ,เศรษฐกิจหมุนเวียน ลดนำเข้า ผลิตเอง ใช้เอง,เศรษฐกิจแบ่งปัน การสร้างสรรค์ธุรกิจที่ให้คุณค่าควบคู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสมดุลและเป็นธรรม , เศรษฐกิจฐานราก กระจายโอกาส และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
“สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2567 แผนการบริหารความเสี่ยงยังต้องคำนึงถึงมาตรการรัดเข็มขัด ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มออกไป การรักษาตลาดฐานลูกค้าเดิม การแสวงหาตลาดใหม่เพิ่มเติมยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเพิ่มรายได้ยอดขายของธุรกิจที่ต้องมาพร้อมกับการเร่งพัฒนา สินค้า บริการ ผู้ประกอบการ แรงงาน และธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรมมาขับเคลื่อนองค์กรสร้างความยั่งยืน”