คืองี้นะ การทำงานของเราคือการเป็นแอดมินทั่วไป ที่ทำงานหลายหน้าเพราะต้องประสานงาน ทำเอกสาร ดูแลสินค้าสต็อกของที่ทำงานด้วย จะแบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วน มี 2 เจ้าของที่เป็นหุ้นส่วนกัน เราอยู่ในส่วนที่ 2
เริ่มจากได้ขึ้นเงินเดือนพร้อมกับความรับผิดชอบที่ตอบอีกเพจเพิ่ม ซึ่งงานไม่ได้/เยอะล้นมือมาก ทำมาหลายปีแล้ว บ.ได้มีการรับคนมาเพิ่ม ทำมาหลายเดือนแต่ไม่ผ่านโปร ก็มีการประชุมปรับแก้ว่าทำไมยังไม่ผ่าน มีปากเสียงเล็กน้อยกับเงื่อนไขการทำงาน และปัญหาก็เกิด พนง.ของส่วนที่ 1 ไม่ชอบใจเท่าไหร่ เพราะต้องการให้คนที่ทดลองงานออก ส่วนที่ 1 เค้าไม่เอา แต่คนทดลองงานทำในส่วนที่ 2 งานเกี่ยวเนื่องกันเพราะมีค่าคอมเข้ามาเกี่ยวด้วย ตัวเราเองไม่ได้ค่าคอมอะไร
ที่นี่ พนง.ส่วนที่ 1 ชอบนำเรื่องของคนทดลองงาน มาพูดให้เราฟัง ว่าทำไมเค้าไม่มาช่วยเราละในเมื่อทำงานส่วนเดียวกัน ขอย้อนก่อน ว่าที่งานไม่ได้ยุ่งทั้งวัน ถ้าไม่มีงานก็คือว่างไปเลยในส่วนของคนทดลอง เค้าก็เป็นที่จับตาว่า งานตัวเองไม่มี ควรช่วยรับลูกค้าหน้าบ้านบ้าง ไม่ใช่นั่งเล่นแต่โทรศัพท์ มีการเคลียร์สต็อกต่างๆโดยถูกมอบหมายให้ทำร่วมกันเนื่องจากต้องยกของย้าย ส่วนที่สินค้าขายได้แล้วได้ค่าคอม มีการวางตัวว่าต้องช่วยกัน แต่อีกวันไม่มาทำงาน หัวหน้างานก็บอกว่า รอมาค่อยไปช่วยกันยกลง พอเช้าอีกวัน ก็มาทำงานแต่ไม่ได้ไปช่วยขึ้นงาน ส่วนที่ 1 เป็นคนไปช่วยเราขนย้าย คือมีการสั่งงานมาแล้ว รับรู้ทั่วกัน แต่คนทดลองงานไม่ได้ไป รออยู่ที่ทำงาน ช่วงขนย้าย
ส่วนที่ 1 ก็พูดกับเรา ว่าทำไมมันไม่มาช่วย เราก็ตอบไปว่าบอกแล้ว คุยกันว่าจะไปยกของละ ก็ได้ยินกันหมด แต่คนที่ทดลองงานไม่ได้มา ส่วนที่ 1 เขามาช่วยเพราะสงสารเราเพราะยกสินค้าเอง เขาก็บอกกับเราว่า กลับไป บ.ช้าๆ มัน(คนทดลองงาน) จะได้ยกคนเดียวบ้าง แต่เราไม่ได้สนใจ ทำงานแข่งกับเวลาเพราะลูกค้าต้องมารับของ ตามรอบเวลาเหลืออีก 1 ชม. พอกลับมาถึงก็ยกและแยกสินค้า เราก็ให้คนทดลองงานช่วยติดสติกเกอร์ที่กล่อง หลังจากนั่นก็รีเช็คสินค้ากันว่ามีปัญหาไหม
(คือเรากับคนทดลองงานก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อะไรทำได้ในหน้าที่ของเรา เราก็ทำ เค้าจะทำส่วนเขาไหม เราไม่ได้สนใจ ถ้าทำได้และคนอื่นไม่ต้องมาคอยบอก เราก็ทำให้มันจบไป)
หลังจากเคลียร์สินค้าเสร็จ พนง.ส่วนที่ 1 คนหนึ่งก็พูดกับเรา ว่าค่าคอมได้เหมือนกัน ทำไมมันไม่มาช่วย เราก็บอกว่าบอกแล้ว เขาก็ต้องรู้หน้าที่ของเขา ไม่มาช่วยก็เราทำไป ทำได้ ส่วนที่ 1 เลยบอกเออเอา แล้วแต่
คือส่วนที่ 1 ไม่ชอบเลย มีการพูดตลอด ตัวเราเองก็รู้สึกว่าเออก็ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้างจริงๆ แต่สายงานเดียวกัน เราไม่เคยพูดให้คนทดลองฟังว่าส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานยังไงบ้าง เพราะไม่อยากให้ทะเลาะกันมากกว่านี้ หลังๆมา ส่วนที่ 1 ก็พยายามมาพูดกับเราเรื่องคนทดลองงานตลอด ว่าอย่างงี้นะ เราก็ฟังและพูด ก็จริงในส่วนที่เขาพูด ที่บางครั้งเขาก็เอาเปรียบเรา บางอย่างเราต้องมาทำแทนทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ช่วยทำแทนให้ได้ เพราะมองว่ามันไม่ได้หนักหนาและงานของตัวเราว่างอยู่ เราก็พูดตรงๆ แต่ไม่ได้มาพูดให้คนทดลองงานฟังว่าคนอื่นมาพูดถึงเขา ให้เราฟังยังไง เพราะไม่อยากให้ปัญหาเพิ่มขึ้น สิ่งที่รับฟังมามันอยู่ในใจเรา
หนักขึ้นคือการทำงานมีการแย่งกันตอบยอดขายมาเป็นของบริษัท และให้งานเราเพิ่มขึ้นโทรคอนเฟิมให้มาตามวันที่แจ้งในส่วนที่เป็นยอดขายของบริษัท เจ้านายบอกเราเองโดยตรง จริงๆส่วนนี้คนที่ได้รับค่าคอมคือคนทดลองงาน ได้ แต่มีการแย่งกันเกิดขึ้น ทั้งที่ยอดไม่ได้เยอะ หลังจากนั่นส่วนที่ 1 มีการพูดกับเราตลอดว่าเออเราควรได้นะ ค่าคอมน่ะ เพราะเราตอบ แต่เจ้านายเขาไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องนี้(ค่าคอม) เลยเลือกให้ตอบทั่วไป และเพิ่มเงินมาแทน ซึ่งเราไม่ติดอะไร เพราะเราว่างอยู่ เราเลยคุยกับเจ้านายโดยตรงว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันเอง ตอนนี้ พนง.ตีกันเอง เขาก็คุยและแจ้งมา เพราะเจ้านายส่วนที่ 1 เค้าไม่เอาคนทดลองงาน แต่คนที่ทดลองงานทำกับส่วนที่ 2 คือให้การตัดสินใจเป็นของส่วนที่ 2 จะมีประชุมข้อสรุป สิ้นเดือนเกี่ยวกับเรื่องนี้
และส่วนที่ 1 เขาโพสถึง ไม่รู้ถึงเราหรือคนทดลองงานว่า นกสองหัว อยากให้รู้เบื้องหลังว่าด่ากันไว้ยังไงบ้าง รอเวลา
ความรู้สึกส่วนตัว คือ สิ่งที่เขาพูดปั่นเหมือนให้เราไปทะเลาะกับคนทดลองงาน พูดเรื่องคนทดลองงานให้เราฟัง แต่เราไม่ได้พูดให้คนทดลองฟังว่าเขาพูดถึงคนนี้ยังไง เรากลายเป็นนกสองหัวหรอ เราฟังส่วนที่ 1 พูดถึง ก็มีการเออ ออในเรื่องที่จริง แต่เราคิดกับตัวเองว่า มันเกี่ยวกับเราไหม มาพูดให้ฟังเพื่ออะไร ส่วนที่ 1 ก็พูดว่าเราควรได้ค่าคอมจากการตอบ ลึกๆ เราก็น่าจะอยากได้แหละ เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก เพราะเจ้านายบอกแล้วว่าไม่ให้ และเราไม่ได้ติดอะไรทีจะไม่ได้ เพราะทำงานตามที่ได้รับมอบมา
เราได้คุยเรื่องนี้กับครอบครัว เขาก็ว่าส่วนที่ 1 พูดเพราะอยากให้เราไปสั่งงานคนที่ทดลองงานว่าต้องทำนั่นนี่หรือพูดให้คนทดลองงานฟังหรือเปล่า ว่าส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานยังไง แต่เราไม่ได้พูดให้ฟัง เพราะไม่อยากให้คนทดลองงานรู้ว่าส่วนนั่น มาพูดแบบไม่ชอบกัน ตามความจริงและไม่ชอบกันเพราะเคยมีปากเสียงก่อนหน้า
สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือเราอึดอัดใจแหละ ว่าการที่เราไม่พูดเป็นระเบิดเวลาฆ่าตัวเองไหม ส่วนที่ 1 มีการแซะว่าเป็นนกสองหัว1 และคนทดลองงานจะคิดกับเรายังไง เรื่องที่จะประชุมสิ้นเดือนนี้ เราคิดว่าจะพูดเรื่องจริงทั้งหมดจากที่ได้รับและโดนรู้สึกว่าเราเป็นนกสองหัวคืออะไร เราควรคุยเปิดกับคนทดลองงานไหม เรารำคาญในสิ่งที่ส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานแบบนี้ เพราะอยู่ในส่วนเดียวกันกลุ่มเดียวกัน เราไม่ได้อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ทั้งๆที่ เราไม่ได้ไปมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย แต่ต้องมารับฟังว่าเขาปั่นเพื่อให้เรามาทะเลาะกับทีมเอง
เครียด กดดัน กังวลล่ะตอนนี้ อยากขอความคิดเห็นและคำปรึกษาแนะนำ ว่าเราควรแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงถึงจบสวยทุกฝ่าย
หลังไมค์ได้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำ อยากให้คนที่เข้ามาอ่าน อ่านโดยละเอียดแตกฉาน แบบเป็นกลาง ขอบคุณค่ะ
ปัญหาการทำงาน เกิดจากการทำงานหรือคำพูดของเพื่อนร่วมงาน
เริ่มจากได้ขึ้นเงินเดือนพร้อมกับความรับผิดชอบที่ตอบอีกเพจเพิ่ม ซึ่งงานไม่ได้/เยอะล้นมือมาก ทำมาหลายปีแล้ว บ.ได้มีการรับคนมาเพิ่ม ทำมาหลายเดือนแต่ไม่ผ่านโปร ก็มีการประชุมปรับแก้ว่าทำไมยังไม่ผ่าน มีปากเสียงเล็กน้อยกับเงื่อนไขการทำงาน และปัญหาก็เกิด พนง.ของส่วนที่ 1 ไม่ชอบใจเท่าไหร่ เพราะต้องการให้คนที่ทดลองงานออก ส่วนที่ 1 เค้าไม่เอา แต่คนทดลองงานทำในส่วนที่ 2 งานเกี่ยวเนื่องกันเพราะมีค่าคอมเข้ามาเกี่ยวด้วย ตัวเราเองไม่ได้ค่าคอมอะไร
ที่นี่ พนง.ส่วนที่ 1 ชอบนำเรื่องของคนทดลองงาน มาพูดให้เราฟัง ว่าทำไมเค้าไม่มาช่วยเราละในเมื่อทำงานส่วนเดียวกัน ขอย้อนก่อน ว่าที่งานไม่ได้ยุ่งทั้งวัน ถ้าไม่มีงานก็คือว่างไปเลยในส่วนของคนทดลอง เค้าก็เป็นที่จับตาว่า งานตัวเองไม่มี ควรช่วยรับลูกค้าหน้าบ้านบ้าง ไม่ใช่นั่งเล่นแต่โทรศัพท์ มีการเคลียร์สต็อกต่างๆโดยถูกมอบหมายให้ทำร่วมกันเนื่องจากต้องยกของย้าย ส่วนที่สินค้าขายได้แล้วได้ค่าคอม มีการวางตัวว่าต้องช่วยกัน แต่อีกวันไม่มาทำงาน หัวหน้างานก็บอกว่า รอมาค่อยไปช่วยกันยกลง พอเช้าอีกวัน ก็มาทำงานแต่ไม่ได้ไปช่วยขึ้นงาน ส่วนที่ 1 เป็นคนไปช่วยเราขนย้าย คือมีการสั่งงานมาแล้ว รับรู้ทั่วกัน แต่คนทดลองงานไม่ได้ไป รออยู่ที่ทำงาน ช่วงขนย้าย
ส่วนที่ 1 ก็พูดกับเรา ว่าทำไมมันไม่มาช่วย เราก็ตอบไปว่าบอกแล้ว คุยกันว่าจะไปยกของละ ก็ได้ยินกันหมด แต่คนที่ทดลองงานไม่ได้มา ส่วนที่ 1 เขามาช่วยเพราะสงสารเราเพราะยกสินค้าเอง เขาก็บอกกับเราว่า กลับไป บ.ช้าๆ มัน(คนทดลองงาน) จะได้ยกคนเดียวบ้าง แต่เราไม่ได้สนใจ ทำงานแข่งกับเวลาเพราะลูกค้าต้องมารับของ ตามรอบเวลาเหลืออีก 1 ชม. พอกลับมาถึงก็ยกและแยกสินค้า เราก็ให้คนทดลองงานช่วยติดสติกเกอร์ที่กล่อง หลังจากนั่นก็รีเช็คสินค้ากันว่ามีปัญหาไหม
(คือเรากับคนทดลองงานก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อะไรทำได้ในหน้าที่ของเรา เราก็ทำ เค้าจะทำส่วนเขาไหม เราไม่ได้สนใจ ถ้าทำได้และคนอื่นไม่ต้องมาคอยบอก เราก็ทำให้มันจบไป)
หลังจากเคลียร์สินค้าเสร็จ พนง.ส่วนที่ 1 คนหนึ่งก็พูดกับเรา ว่าค่าคอมได้เหมือนกัน ทำไมมันไม่มาช่วย เราก็บอกว่าบอกแล้ว เขาก็ต้องรู้หน้าที่ของเขา ไม่มาช่วยก็เราทำไป ทำได้ ส่วนที่ 1 เลยบอกเออเอา แล้วแต่
คือส่วนที่ 1 ไม่ชอบเลย มีการพูดตลอด ตัวเราเองก็รู้สึกว่าเออก็ทำงานบ้างไม่ทำงานบ้างจริงๆ แต่สายงานเดียวกัน เราไม่เคยพูดให้คนทดลองฟังว่าส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานยังไงบ้าง เพราะไม่อยากให้ทะเลาะกันมากกว่านี้ หลังๆมา ส่วนที่ 1 ก็พยายามมาพูดกับเราเรื่องคนทดลองงานตลอด ว่าอย่างงี้นะ เราก็ฟังและพูด ก็จริงในส่วนที่เขาพูด ที่บางครั้งเขาก็เอาเปรียบเรา บางอย่างเราต้องมาทำแทนทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่ช่วยทำแทนให้ได้ เพราะมองว่ามันไม่ได้หนักหนาและงานของตัวเราว่างอยู่ เราก็พูดตรงๆ แต่ไม่ได้มาพูดให้คนทดลองงานฟังว่าคนอื่นมาพูดถึงเขา ให้เราฟังยังไง เพราะไม่อยากให้ปัญหาเพิ่มขึ้น สิ่งที่รับฟังมามันอยู่ในใจเรา
หนักขึ้นคือการทำงานมีการแย่งกันตอบยอดขายมาเป็นของบริษัท และให้งานเราเพิ่มขึ้นโทรคอนเฟิมให้มาตามวันที่แจ้งในส่วนที่เป็นยอดขายของบริษัท เจ้านายบอกเราเองโดยตรง จริงๆส่วนนี้คนที่ได้รับค่าคอมคือคนทดลองงาน ได้ แต่มีการแย่งกันเกิดขึ้น ทั้งที่ยอดไม่ได้เยอะ หลังจากนั่นส่วนที่ 1 มีการพูดกับเราตลอดว่าเออเราควรได้นะ ค่าคอมน่ะ เพราะเราตอบ แต่เจ้านายเขาไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องนี้(ค่าคอม) เลยเลือกให้ตอบทั่วไป และเพิ่มเงินมาแทน ซึ่งเราไม่ติดอะไร เพราะเราว่างอยู่ เราเลยคุยกับเจ้านายโดยตรงว่าเรื่องนี้ต้องคุยกันเอง ตอนนี้ พนง.ตีกันเอง เขาก็คุยและแจ้งมา เพราะเจ้านายส่วนที่ 1 เค้าไม่เอาคนทดลองงาน แต่คนที่ทดลองงานทำกับส่วนที่ 2 คือให้การตัดสินใจเป็นของส่วนที่ 2 จะมีประชุมข้อสรุป สิ้นเดือนเกี่ยวกับเรื่องนี้
และส่วนที่ 1 เขาโพสถึง ไม่รู้ถึงเราหรือคนทดลองงานว่า นกสองหัว อยากให้รู้เบื้องหลังว่าด่ากันไว้ยังไงบ้าง รอเวลา
ความรู้สึกส่วนตัว คือ สิ่งที่เขาพูดปั่นเหมือนให้เราไปทะเลาะกับคนทดลองงาน พูดเรื่องคนทดลองงานให้เราฟัง แต่เราไม่ได้พูดให้คนทดลองฟังว่าเขาพูดถึงคนนี้ยังไง เรากลายเป็นนกสองหัวหรอ เราฟังส่วนที่ 1 พูดถึง ก็มีการเออ ออในเรื่องที่จริง แต่เราคิดกับตัวเองว่า มันเกี่ยวกับเราไหม มาพูดให้ฟังเพื่ออะไร ส่วนที่ 1 ก็พูดว่าเราควรได้ค่าคอมจากการตอบ ลึกๆ เราก็น่าจะอยากได้แหละ เราก็บอกว่าไม่ได้หรอก เพราะเจ้านายบอกแล้วว่าไม่ให้ และเราไม่ได้ติดอะไรทีจะไม่ได้ เพราะทำงานตามที่ได้รับมอบมา
เราได้คุยเรื่องนี้กับครอบครัว เขาก็ว่าส่วนที่ 1 พูดเพราะอยากให้เราไปสั่งงานคนที่ทดลองงานว่าต้องทำนั่นนี่หรือพูดให้คนทดลองงานฟังหรือเปล่า ว่าส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานยังไง แต่เราไม่ได้พูดให้ฟัง เพราะไม่อยากให้คนทดลองงานรู้ว่าส่วนนั่น มาพูดแบบไม่ชอบกัน ตามความจริงและไม่ชอบกันเพราะเคยมีปากเสียงก่อนหน้า
สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือเราอึดอัดใจแหละ ว่าการที่เราไม่พูดเป็นระเบิดเวลาฆ่าตัวเองไหม ส่วนที่ 1 มีการแซะว่าเป็นนกสองหัว1 และคนทดลองงานจะคิดกับเรายังไง เรื่องที่จะประชุมสิ้นเดือนนี้ เราคิดว่าจะพูดเรื่องจริงทั้งหมดจากที่ได้รับและโดนรู้สึกว่าเราเป็นนกสองหัวคืออะไร เราควรคุยเปิดกับคนทดลองงานไหม เรารำคาญในสิ่งที่ส่วนที่ 1 พูดถึงคนทดลองงานแบบนี้ เพราะอยู่ในส่วนเดียวกันกลุ่มเดียวกัน เราไม่ได้อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ทั้งๆที่ เราไม่ได้ไปมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วย แต่ต้องมารับฟังว่าเขาปั่นเพื่อให้เรามาทะเลาะกับทีมเอง
เครียด กดดัน กังวลล่ะตอนนี้ อยากขอความคิดเห็นและคำปรึกษาแนะนำ ว่าเราควรแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงถึงจบสวยทุกฝ่าย
หลังไมค์ได้นะคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำแนะนำ อยากให้คนที่เข้ามาอ่าน อ่านโดยละเอียดแตกฉาน แบบเป็นกลาง ขอบคุณค่ะ