https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_8020198
วันที่ 21 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ อดีต ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และอดีต ผบช.ประจำ สตช. หอบหลักฐานเดินไปรับรถยนต์ไฟฟ้า หลังส่งเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขปัญหาแอร์รถยนต์มีเสียงดังตั้งแต่ระยะ 20,000 กม.และเพลาเกิดเสียงดังตั้งแต่ 80,000 กม.
หลังจากที่ซื้อรถคันดังกล่าวมาและเข้ารับการบำรุงตามระยะทางที่กำหนดไว้ 10,000 กม. แต่ทางศูนย์บริการกลับบ่ายเบี่ยงที่จะเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ที่เกิดปัญหาให้ จนกระทั่งเมื่อใช้รถต่อมาถึงระยะ 130,000 กม.
ทางศูนย์จึงมาแจ้งว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่เพลารถใหม่ ทำให้ต้องเสียเงินค่าตรวจเช็คที่ผ่านมา และเสียสิทธิ์ในการรับประกันอะไหล่รถยนต์หมดลงเนื่องจากรถใช้งานมาเกิน 100,000 กม.
ตามที่กำหนดมาโดยตลอด ซึ่งนำรถเข้าที่ศูนย์แถวท่าน้ำนนทบุรี ทางศูนย์กลับอ้างว่าปัญหาเสียงเกิดจากยางรถยนต์ ทำให้ตนต้องเสียเงินไปเปลี่ยนยางรถใหม่
สุดท้ายรถก็ยังไม่หายเสียงดังอยู่ดี ทำให้ตนอดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุที่ศูนย์หาไม่เจอเพราะต้องการบ่ายเบี่ยงที่จะซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ให้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตนก็บอกไปแล้ว เสียงที่ดังน่าจะมาจากลูกปืนเพลารถหรือไม่ แต่ทางศูนย์ก็ไม่สนใจที่จะแก้ไขในจุดนี้ให้ จนต่อมาศูนย์รถที่ท่าน้ำนนทบุรีได้ปิดตัวลง ทำให้เซลล์แนะนำให้ตนนำรถมาตรวจเช็คที่ศูนย์บางบัวทองแทน
จึงพบปัญหาว่าเกิดมาจากลูกปืนเพลาแตกตามที่ตนคิด และมีเศษวัสดุเข้าไปติดที่คอมแอร์ จึงทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งตนมองว่าศูนย์เดิมได้ยื้อเวลาที่แก้ปัญหาให้กับรถของตนด้วยการยื้อประวิงเวลาให้เลยของเวลาที่รับประกันตามระยะทาง จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่รถให้กับตน
พล.ต.ท.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนมองว่าสำนักงานใหญ่ของรถยี่ห้อนี้ต้องรับผิดชอบตัวแทนจำหน่ายรถยี่ห้อของตนเอง ตนเคยโทรเข้าสำนักงานใหญ่หลายครั้ง 2 ครั้งแรกไม่ติดต่อกลับ โทรครั้งที่ 3 และ 4 ตนได้อัดเสียงไว้ ซึ่งสำนักงานใหญ่แจ้งกลับมาว่าเกิน 120,000 กม.แล้วหมดระยะประกันไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถรับผิดชอบให้ได้ ซึ่งค่ายรถยี่ห้อนี้นอกจากเรื่องระบบรับประกันอะไหล่รถแล้ว ตนยังเจอปัญหาเรื่องการจองรถกับเซลล์ยี่ห้อนี้อีก
โดยทำใบจองรถยนต์ไป แต่เมื่อถึงเวลาจะไปรับรถกลับพบว่าในระบบไม่มีการจองรถยนต์ให้ ทั้งๆ ที่มีเอกสารการจอง แต่ศูนย์รถยนต์ไม่รับผิดชอบ ถึงเงินที่จองไปจะเป็นเงินหลักพันแต่ถ้าทำแบบนี้หลายๆคันก็เป็นเงินจำนวนมากอยู่ หรือเขาคิดว่าเงินหลักพันคนที่จองจะไม่เอาเรื่องเพราะจำนวนเงินมันน้อย เสียเวลา เรื่องแบบนี้ตนมองว่าทางสำนักงานใหญ่ต้องรับผิดชอบแทนตัวแทนหรือเซลล์ทั้งหมด ไม่ใช่ไล่ประชาชนให้ไปแจ้งความดำเนินคดีเอง
สำหรับตนเรื่องการซ่อมรถเสียเงินหลักหมื่นตนพร้อมจ่าย แต่ตนมองว่าเป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อแบรนด์ที่เขาต้องรับผิดชอบให้ลูกค้า ตนคิดว่ามีอีกกลายคนที่ใช้รถยี่ห้อนี้อาจเจอปัญหาแบบเดียวกับตน โทรไปคอลเซ็นเตอร์ก็พูดบ่ายเบี่ยงตลอด ไม่รับผิดชอบ เรื่องนี้ตนคิดว่าทาง สคบ.น่าจะต้องรับเรื่องต่อในการดูแลผู้บริโภค ตนมีหลักฐานหมดเก็บไว้ทุกใบเสร็จ เรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่าหลังจากนี้คงไม่ซื้อรถยนต์แบรนด์นี้ใช้อีก ครอบครัวตนเข็ดกับแบรนด์นี้คงไม่ใช้อีกต่อไป
พล.ต.ท.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารแบรนด์นี้สามารถโทรมาพูดคุยกับตนได้ ตนพร้อมให้หลักฐานยืนยันทั้งหมด ตนอยากให้ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา ขนาดตนเป็นอดีตนายตำรวจยังโดนมาแบบนี้ก็คิดว่าลูกค้าคนอื่นๆ ก็น่าจะโดนเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ สคบ.ต้องลงมาดูแลผู้บริโภค แบรนด์นี้เป็นบริษัทใหญ่ตนคิดว่าผู้บริหารระดับสูงไม่น่าจะรู้เรื่องที่ตัวแทนทำแบบนี้ การดูแลผู้บริหารไม่ได้ลงมาดูแลลูกค้า ปล่อยให้พนักงานทำกันเองจึงไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเงินมันจำนวนไม่มากแต่ที่ตนและครอบครัวยอมเสียเวลา เพราะตนต้องการให้สังคมรับรู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เหมือนเอาเปรียบผู้บริโภค ลูกค้าเกินไป
หลังจากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พล.ต.ท.ศุภกิจ เตรียมทางนำใบเสร็จปลอมที่ถูกใช้ในการรับจองรถเข้าแจ้งความดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องการบ่ายเบี่ยงการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่รถจนเลยระยะเวลาประกันจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ.กลางให้ตรวจสอบกับทางศูนย์รถยนต์ยี่ห้อนี้
อดีตผู้การนนท์ บุกโชว์รูมรถดัง บริษัทบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนอะไหล่ จนเลยระยะประกัน จ่อร้อง สคบ.ค
วันที่ 21 ธ.ค.66 ที่ศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ อดีต ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และอดีต ผบช.ประจำ สตช. หอบหลักฐานเดินไปรับรถยนต์ไฟฟ้า หลังส่งเข้าศูนย์บริการเพื่อแก้ไขปัญหาแอร์รถยนต์มีเสียงดังตั้งแต่ระยะ 20,000 กม.และเพลาเกิดเสียงดังตั้งแต่ 80,000 กม.
หลังจากที่ซื้อรถคันดังกล่าวมาและเข้ารับการบำรุงตามระยะทางที่กำหนดไว้ 10,000 กม. แต่ทางศูนย์บริการกลับบ่ายเบี่ยงที่จะเปลี่ยนอะไหล่รถยนต์ที่เกิดปัญหาให้ จนกระทั่งเมื่อใช้รถต่อมาถึงระยะ 130,000 กม.
ทางศูนย์จึงมาแจ้งว่าต้องเปลี่ยนอะไหล่เพลารถใหม่ ทำให้ต้องเสียเงินค่าตรวจเช็คที่ผ่านมา และเสียสิทธิ์ในการรับประกันอะไหล่รถยนต์หมดลงเนื่องจากรถใช้งานมาเกิน 100,000 กม.
ตามที่กำหนดมาโดยตลอด ซึ่งนำรถเข้าที่ศูนย์แถวท่าน้ำนนทบุรี ทางศูนย์กลับอ้างว่าปัญหาเสียงเกิดจากยางรถยนต์ ทำให้ตนต้องเสียเงินไปเปลี่ยนยางรถใหม่
สุดท้ายรถก็ยังไม่หายเสียงดังอยู่ดี ทำให้ตนอดคิดไม่ได้ว่าสาเหตุที่ศูนย์หาไม่เจอเพราะต้องการบ่ายเบี่ยงที่จะซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ให้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตนก็บอกไปแล้ว เสียงที่ดังน่าจะมาจากลูกปืนเพลารถหรือไม่ แต่ทางศูนย์ก็ไม่สนใจที่จะแก้ไขในจุดนี้ให้ จนต่อมาศูนย์รถที่ท่าน้ำนนทบุรีได้ปิดตัวลง ทำให้เซลล์แนะนำให้ตนนำรถมาตรวจเช็คที่ศูนย์บางบัวทองแทน
จึงพบปัญหาว่าเกิดมาจากลูกปืนเพลาแตกตามที่ตนคิด และมีเศษวัสดุเข้าไปติดที่คอมแอร์ จึงทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งตนมองว่าศูนย์เดิมได้ยื้อเวลาที่แก้ปัญหาให้กับรถของตนด้วยการยื้อประวิงเวลาให้เลยของเวลาที่รับประกันตามระยะทาง จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่รถให้กับตน
พล.ต.ท.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนมองว่าสำนักงานใหญ่ของรถยี่ห้อนี้ต้องรับผิดชอบตัวแทนจำหน่ายรถยี่ห้อของตนเอง ตนเคยโทรเข้าสำนักงานใหญ่หลายครั้ง 2 ครั้งแรกไม่ติดต่อกลับ โทรครั้งที่ 3 และ 4 ตนได้อัดเสียงไว้ ซึ่งสำนักงานใหญ่แจ้งกลับมาว่าเกิน 120,000 กม.แล้วหมดระยะประกันไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถรับผิดชอบให้ได้ ซึ่งค่ายรถยี่ห้อนี้นอกจากเรื่องระบบรับประกันอะไหล่รถแล้ว ตนยังเจอปัญหาเรื่องการจองรถกับเซลล์ยี่ห้อนี้อีก
โดยทำใบจองรถยนต์ไป แต่เมื่อถึงเวลาจะไปรับรถกลับพบว่าในระบบไม่มีการจองรถยนต์ให้ ทั้งๆ ที่มีเอกสารการจอง แต่ศูนย์รถยนต์ไม่รับผิดชอบ ถึงเงินที่จองไปจะเป็นเงินหลักพันแต่ถ้าทำแบบนี้หลายๆคันก็เป็นเงินจำนวนมากอยู่ หรือเขาคิดว่าเงินหลักพันคนที่จองจะไม่เอาเรื่องเพราะจำนวนเงินมันน้อย เสียเวลา เรื่องแบบนี้ตนมองว่าทางสำนักงานใหญ่ต้องรับผิดชอบแทนตัวแทนหรือเซลล์ทั้งหมด ไม่ใช่ไล่ประชาชนให้ไปแจ้งความดำเนินคดีเอง
สำหรับตนเรื่องการซ่อมรถเสียเงินหลักหมื่นตนพร้อมจ่าย แต่ตนมองว่าเป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อแบรนด์ที่เขาต้องรับผิดชอบให้ลูกค้า ตนคิดว่ามีอีกกลายคนที่ใช้รถยี่ห้อนี้อาจเจอปัญหาแบบเดียวกับตน โทรไปคอลเซ็นเตอร์ก็พูดบ่ายเบี่ยงตลอด ไม่รับผิดชอบ เรื่องนี้ตนคิดว่าทาง สคบ.น่าจะต้องรับเรื่องต่อในการดูแลผู้บริโภค ตนมีหลักฐานหมดเก็บไว้ทุกใบเสร็จ เรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่าหลังจากนี้คงไม่ซื้อรถยนต์แบรนด์นี้ใช้อีก ครอบครัวตนเข็ดกับแบรนด์นี้คงไม่ใช้อีกต่อไป
พล.ต.ท.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า ผู้บริหารแบรนด์นี้สามารถโทรมาพูดคุยกับตนได้ ตนพร้อมให้หลักฐานยืนยันทั้งหมด ตนอยากให้ทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา ขนาดตนเป็นอดีตนายตำรวจยังโดนมาแบบนี้ก็คิดว่าลูกค้าคนอื่นๆ ก็น่าจะโดนเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ สคบ.ต้องลงมาดูแลผู้บริโภค แบรนด์นี้เป็นบริษัทใหญ่ตนคิดว่าผู้บริหารระดับสูงไม่น่าจะรู้เรื่องที่ตัวแทนทำแบบนี้ การดูแลผู้บริหารไม่ได้ลงมาดูแลลูกค้า ปล่อยให้พนักงานทำกันเองจึงไม่ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเงินมันจำนวนไม่มากแต่ที่ตนและครอบครัวยอมเสียเวลา เพราะตนต้องการให้สังคมรับรู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง เหมือนเอาเปรียบผู้บริโภค ลูกค้าเกินไป
หลังจากไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนเพื่อแสดงความรับผิดชอบ พล.ต.ท.ศุภกิจ เตรียมทางนำใบเสร็จปลอมที่ถูกใช้ในการรับจองรถเข้าแจ้งความดำเนินต่อไป ส่วนเรื่องการบ่ายเบี่ยงการซ่อมและเปลี่ยนอะไหล่รถจนเลยระยะเวลาประกันจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ สคบ.กลางให้ตรวจสอบกับทางศูนย์รถยนต์ยี่ห้อนี้