คนแบบนี้เขาต้องการอะไรคะ ตามติดชีวิตยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวร

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปทุกท่านนะคะ 
      เรามีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาและแก้ปัญหาเรื่องนี้คะ ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ปัจจุบันเราอายุประมาณ 20 ปลาย ๆ เป็นพี่คนโต มีน้อง 2 คน เราโชคช่วยที่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ตไม่มาก ฐานะทางบ้านจัดอยู่ในระดับปานกลาง  มีอยู่วันหนึ่งไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายของเรานะคะ ในการตัดสินใจเลือกเส้นทางการทำงานในครั้งนี้ มันทำให้เราเกือบจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเลยคะ
      ขอเข้าเรื่องก่อนเลยนะคะหลังจากที่เราเรียนจบปวส.และได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง หากเอ่ยถึงชื่อบริษัทนี้ใครๆก็รู้จักคะ เราทำงานที่นี่มาได้ 4 ปี จึงตัดสินใจยื่นใบลาออก เนื่องจากสอบติดตำแหน่งลูกจ้างรพ.รัฐแห่งหนึ่ง เราคิดว่าการทำงานที่นี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนต่อ  แต่ตอนที่เราทำเอกชนก็ได้เรียนป.ตรีควบคู่ไปกับการทำงานด้วยนะคะ  พอมาทำงานที่รพ.รัฐเราเห็นว่าชีวิตของเรามันว่างมากจนเกินไปหรือเปล่าจึงได้ตัดสินใจเรียนควบป.ตรี 3 ใบคนละสาขา ของมหาวิทยาลัยคนละแห่ง
       วันแรกที่เราได้เข้าไปทำงาน เราคิดว่าสังคมที่นี่น่าอยู่มาก ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากตัวเราเองเป็นคนมองโลกสวยอยู่แล้ว คิดแค่ว่าทำงานเสร็จเดี๋ยวก็ได้กลับบ้าน (ทุกคนที่ทำงานรู้นะคะว่าเราเรียน 3 ใบ เขายังบอกเลยว่าเราขยันเรียนไปได้ยังไง หัวสมองไม่ตีกันหรอ55) แต่ด้วยความที่เรายังเป็นเด็กน้อยอยู่ในตอนนั้น กลับไม่รู้เลยว่ามีทั้งคนที่ชอบเราและไม่ชอบเราปะปนกันไป คิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าทุก ๆ คนต้องชอบเรา เพราะเราไม่เคยก้าวร้าวใส่พวกเขา
       หลังจากที่เราทำงานไปได้เดือนกว่า ๆ เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นคะ  ช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุเราได้มาทำงานตามปกติ แต่ด้วยความบังเอิญ สายตาของเราก็เหลือบมองไปเห็นว่าตู้เงินบริจาคของรพ.โดนงัด เราจึงตกใจและก็รีบวิ่งขึ้นไปแจ้งหัวหน้าว่าตู้บริจาคด้านหน้าห้องถูกงัด ซึ่งหัวหน้าก็ได้ลงมาดู ทำให้ข่าวเรื่องตู้บริจาคแพร่กระจายไปทั่วรพ. และเดียวกันนั้นเองทุกคนในรพ.ต่างคิดว่าเราเป็นคนขโมยเงินบริจาคนี้ เพียงเพราะเราไปแจ้งหัวหน้าเป็นคนแรกซึ่งตัวเราเองก็งง.มากๆคะ ว่าทำไมพวกเขาถึงคิดแบบนั้น (เราลืมบอกทุกคนไป ว่าเราอยู่ห้องชำระเงินได้มาแทนตำแหน่งป้าคนหนึ่ง ซึ่งป้าคนนี้ก็ได้ย้ายจุดไปทำแผนกอื่นแทน เนื่องจากป้าคนนี้มาสายและด่ากราดคนไข้ที่เข้ามารับการรักษา ป้าคนนี้เขาเคยพูดกับคนอื่นว่าเราจะทำงานที่นี่ได้ไม่นานหรอก เพราะคนก่อนหน้าเราที่ลาออกไปก็โดนป้าเขาเล่นงานเหมือนกัน) 
      แต่โชคยังดีที่มีกล่องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งข้อสรุปก็คือลูกชายของป้าคนที่ได้ย้ายจุดเป็นคนก่อเหตุคะ แล้วผอ. จึงได้เรียกป้าคนนี้มาตักเตือนบอกป้าเขาให้เอาเงินมาคืน สุดท้ายป้าเขาก็เอาเงินมาคืน แต่เรื่องยังไม่จบเท่านี้นะคะป้าคนนี้เอาเราไปพูดเสีย ๆ หาย ๆ ว่าเราเป็นคนเอาไป เราก็บอกคนอื่นนะคะว่าเราไม่ได้เอาไป แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเราเลยคะ เข้าข้างป้าเขาเพียงเพราะป้าเขาอยู่มานาน เราก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเรานะคะว่าเราขอหลักฐานภาพของกล่องวงจรปิดได้ไหมเราจะได้เอาไปชี้แจ้งให้คนอื่นดูว่าเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่หัวหน้ากับบอกเราว่าเราอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่น เขาบอกเราว่าเขาให้ภาพพวกนี้ไม่ได้เพราะจะทำให้ป้าคนนี้เสียหาย ตอนนั้นเราอยากร้องไห้มากเลยคะ เราอยากจะถามว่าคนที่เสียหายที่สุดคือเราไม่ใช่เขา สุดท้ายเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ได้แต่ยอมรับชะตากรรมโดนถูกกล่าวหาจากป้าคนนี้ แต่จุดที่พีคที่สุดในชีวิตของเราก็คือ เราได้สูญเสียคนที่รักมากที่สุดในชีวิตไป นั่นจึงทำให้เรากินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้ทุกคืน ไม่อยากตื่นไปทำงาน เราต้องคอยแอบที่บ้านซื้อยานอนหลับมากินคะ ไม่อยากให้คนในบ้านรับรู้เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง เรากินทุกวันติดต่อกันเป็นเดือน แต่เราก็ยังไปทำงานนะคะ เราอยากช่วยเหลือแบ่งเบาภาระจากครอบครัวบ้าง แต่ไม่คิดเลยนะคะว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่มันจะค่อย ๆ กลายเป็นโรคซึมเศร้า
      ผลของการที่เรากินยานอนหลับมาเป็นระยะเวลานาน มันทำให้ร่างกายของเราเกิดปฎิกิริยาคะ เกิดภาพหลอน หวาดระแวง มือสั่น กลัวการพบเจอผู้คน กลัวการโดนกล่าวหา สุดท้ายเพื่อนสนิทจึงแนะนำให้เราไปหาหมอคะ เพราะรับสภาพแบบนี้ไม่ได้ เราจึงตัดสินใจไม่หาหมอคะ และหมอก็ได้ให้ยาและแนะนำให้เราควรออกจากสังคมตรงที่ทำอยู่ดีไหม แต่เราก็ทนทำมาได้ปีกว่า จนเราเรียนจบ จึงได้ตัดสินใจลาออก ตอนแรกบางคนในที่ทำงานคิดว่าเราคงเรียนไม่จบคงท้อซะก่อน 
      ตอนที่เราเรียนภาคพิเศษในวันหยุดลูกของคนที่เข้าข้างป้าคนนี้เขาก็ยุยงให้ลูกเขาไปบอกเพื่อนในที่มหาลัยเราว่าเราเป็นคนขี้ขโมย อย่าไปคบด้วย  บางทีเราก็ไม่เข้าใจพวกเขาเหมือนกันนะคะว่าทำไมถึงต้องทำกับเราขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่เราเองก็ไม่เคยไปทำอะไรให้พวกเขาเลย ไม่เคยรู้จักพวกเขาด้วยซำ้ เราผิดหรอที่เรียนควบปริญญาหลายใบ เราไม่เคยอวดโอ้พวกเขาด้วยซำ้ ถามว่าทำไมพวกเขาถึงรู้อาจจะเป็นเพราะเราชอบโพสว่าเราเรียนอยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ
      หลังจากที่เราลาออกมา เรารู้สึกว่าอาการของเราเริ่มดีขึ้น เราเริ่มยิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น แต่ก็ยังกลัวสายตาจากคนรอบข้างอยู่คะ จนเราลืมนึกถึงไปเลยว่าคนที่ครอบครัวเราสนิทเขาจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนรอบตัวเราเข้าใจผิด ใช่แล้วคะจำป้าในสถานที่ทำงานเก่าเราได้ใช่ไหมคะ ป้าคนนี้กับเพื่อนสนิทของครอบครัวเรา พวกเขาทั้งสองคนสนิทกันมาก่อนครอบครัวเราคะ  และเพื่อนสนิทคนนี้เขาก็ทำงานที่นี่ด้วย และเราเองก็มามราบทีหลังว่าพวกเขากลั่นแกล้งและใส่ไฟเรา เพียงเพราะเห็นเราเรียนจบมากกว่าลูกของพวกเขา ได้งานใหม่และเงินเดือนที่ดีกว่าลูกเขา  ถามว่าทำไมเราถึงรู้เพราะว่าคนในที่ทำงานคนหนึ่งเขาบอกเรามา
      ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อคะ จนเราได้ทำงานที่ใหม่ซึ่งญาติของเพื่อนสนิทพ่อเราคนนี้เขาก็เป็นหัวหน้าของเราคะ วันแรกที่เรามาทำงานที่ใหม่เพื่อนร่วมงานของเรายังดี ๆ อยู่เลยนะคะพูดจาดีกับเรา พอสัปดาห์ต่อไปเขาก็เริ่มตีตัวออกห่างเรา พี่บางคนพูดกระแทกเสียงดัง ๆ ในแผนก ว่าขี้ขโมย  ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจนะคะ แต่พอเจอหลายวันเข้าเราก็มานั่งคิดคะ  ถามว่าทำไมถึงมานั่งคิดก็เพราะว่าแรกที่เราไปสัมภาษณ์งานเราไม่รู้ว่าจะมีญาติเขาทำงานอยู่ด้วย พอตกเย็นพ่อก็มาเล่าให้เราฟังว่าเพื่อนสนิทของพ่อคนนี้ เขารีบเข้ามาถามพ่อเราว่าเราไปสมัครงานที่นี่หรอ ซึ่งพ่อเราก็งง ๆ ว่าเขาทราบมาได้อย่างไร เพราะไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวของคนในครอบครัวให้ใครฟัง จนเพื่อนคนนี้หลุดปากพูดออกมา บอกว่าญาติที่ทำงานที่เราไปสัมภาษณ์เขาโทรมาถามว่าเห็นเรามาสัมภาษณ์งาน แต่ตัวของเพื่อนสนิทคนนี้เขาก็เอาเรื่องลูกชายของญาติเขามาเล่าให้ในวงฟังว่า ลูกชายของญาติเขาชอบคบเพื่อนที่ไฮโซ สาวที่มาคบด้วยก็หลอกกินจนหมดตัว เรียนก็ยังไม่จบแถมโปรเจ็คที่อาจารย์สั่งก็ยังไม่ส่ง และนี่ก็ทำให้ครอบครัวของเราตกผนึกคะว่าไม่ควรคบกับเพื่อนคนนี้ขนาดญาติของตัวเองยังมาพูดจาเสีย ๆ หาย ๆ เลย  แต่ก็ยังมีหลาย ๆ เหตุการณ์นะคะที่เราอยากจะเข้าไปต่อยหน้าเขาสักสองสามหมัดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย อย่างเช่นเหตุการณ์นี้
1.เพื่อนสนิทของพ่อเขานินทาในที่ทำงานเก่าให้คนในแผนกฟังว่า พ่อเราเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะให้ลูกตัวเองเรียนหลายใบ
2.บอกว่าเราขี้เกรียจ ไม่ช่วยที่บ้านทำงานบ้าน (เขารู้นะคะว่าวันหยุดเราจะไปรับจ้างแพ็คของ )
3.บอกว่าเราผ่านผช.มาเยอะ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยมีแฟน
4.พอเขารู้ว่าเราออกจากที่ทำงานเก่า เขาก็พูดว่าสมนำ้หน้าลับหลังครอบครัวเรา แต่ไม่พูดต่อหน้าครอบครัวเรานะคะ
5.บอกให้ญาติเขาในที่ทำงานใหม่ฟังว่าเราเล่นของ เพียงเพราะเราเข้าวัดไปปฎิบัติธรรม
5.และล่าสุดเขาแอบมาส่องหน้าเฟสเรา ดูการเคลื่อนไหวของเรา ทุกวันนี้ครอบครัวนี้ยิ่งกว่าสต๊อกเกอร์อีกคะ เราควรทำอย่างไรดีคะเพื่อน ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ป ตรี ที่ว่า
สาขาไหน
ที่ไหนบ้าง

เพี้ยนส่องเพี้ยนส่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่