สื่อนอกเกาะติด ไอซ์ รักชนก เจอคุก 6 ปี ผิด ม.112
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4329180
สื่อนอกเกาะติด ไอซ์ รักชนก เจอคุก 6 ปี ผิด ม.112
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ เอเอฟพี และบีบีซี พากันนำเสนอข่าว น.ส.
รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปีในข้อหาผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยศาลระบุว่า
รักชนกไมได้แสดงเจตนาใดๆ ที่จะนำเสนอหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ
รักชนกมีชื่อเสียงในฐานะนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทในขบวนการประชาธิปไตยของเยาวชนที่ต่อต้านรัฐบาล และเรียกร้องการปฏิรูป ก่อนที่จะมาลงสมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ร่วมรณรงค์ในการแก้ไข ม.112 โดยเธอเป็นที่รู้จักจากการปั่นจักรยานหาเสียง และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับบเสียงสนับสนุนมากที่สุด
ล่าสุด
รักชนกรอดพ้นจากการสูญเสียสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อไป ทำให้ไม่ต้องโทษจำคุก ซึ่งจะส่งผลให้ต้องพ้นสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปโดยปริยาย
‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดใจหลังรอดคุก จ่อยื่นอุทธรณ์ต่อวอนศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันผู้ต้องหา ม.112 คดีอื่น
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4329159
‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดใจหลังรอดคุก จ่อยื่นอุทธรณ์ต่อวอนศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันผู้ต้องหา ม.112 คดีอื่น
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 13 ธันวาคม นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอติดตามผลยื่นประกันตัว น.ส.
รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ว่าอยู่ระหว่างการรอคำสั่งศาล โดยใช้ตำแหน่งตนเองในการประกันบวกกับหลักทรัพย์ จำนวน 300,000 บาท แนวโน้มการพิจารณาของศาลยังไม่ทราบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล หวังว่า น.ส.
รักชนก จะได้สิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน
นาย
ชัยธวัช กล่าวว่า น.ส.
รักชนก มีโอกาสที่จะได้รับการประกันตัว แต่ตอนนี้บอกแน่นอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล คิดว่ากรณีนางสาวรักชนกไม่น่ามีเหตุอะไรที่ศาลจะไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากตลอดกระบวนการพิจารณาคดีไม่ได้มีปัญหา ปัจจุบันน.ส.
รักชนก ปฏิบัติหน้าที่เป็น ส.ส.มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานชัดเจน ในฐานะหัวหน้าพรรคมองทิศทางเป็นบวก ย้ำว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่บุคคลควรได้รับการประกันตัว
พรรคก้าวไกลยังไม่ได้พูดคุยกันกรณีที่ น.ส.
รักชนก ไม่ได้รับการประกันตัว ขอให้รอผลออกมาก่อน ส่วนกรณีการใช้เอกสิทธิ ส.ส.ในการคุ้มครองไม่ให้ได้รับโทษทางอาญานั้น ไม่สามารถทำได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการประกันตัว ต้องรับโทษตามคำพิพากษาไม่เกี่ยวข้องกัน
นาย
ชัยธวัช ระบุว่ายังไม่ทราบว่าวันนี้ศาลชั้นต้นจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือจะส่งเรื่องไปยังศาลอุทธรณ์ ซึ่งกรณีหลังก็สามารถวินิจฉัยในวันเดียวกันได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาล แต่หากนางสาวรักชนกไม่ได้รับการประกันตัวในวันนี้และต้องเข้าเรือนจำก็จะส่งผลกระทบต่อสถานภาพ ส.ส.
เมื่อถามว่าความมั่นใจที่นางสาวรักชนก จะได้ประกันตัวมีมากน้อยแค่ไหน นายชัยธวัช กล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับศาล”
ต่อมา เวลา 15.00 น. ศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว น.ส.
รักชนก โดยตีราคาประกัน 500,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้องและหรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
ต่อมา น.ส.
รักชนก กล่าวว่า ส่วนตัวตนก็ไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก และคิดว่าสิทธิ์การประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รองรับด้วยรัฐธรรมนูญอยากเรียกร้องให้ศาลพิจารณา ผู้ต้องหา หรือนักโทษคดี 112 คนอื่นได้รับสิทธ์ปล่อยตัวเช่นเดียวกัน อยากให้ศาลปัฏิบัติกับผู้ต้องคดี112 เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ จะมีการยื่นอุทธรณ์คดี แต่ขอคุยกับทนายก่อน เพราะทนายที่เคยสู้คดีนี้ให้คือ นาย
อานนท์ นำภา ซึ่งตอนนี้อยู่ในเรือนจำ หลังจากนี้คงกลับไปคุยกับทนายเรื่องการยื่นอุทธรณ์ หากวันนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ การเป็นส.ส.หรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญ เราเข้ามาทำงานตรงนี้เพื่อทำให้สังคมนี้เป็นที่ทุกคนสามารถ เสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีได้ ทุกคนสามารถมีโอกาสทางเศรษฐกิจได้ ในอนาคตจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนรู้สึกว่าใครจะมาเป็น ส.ส.ในพรรคก้าวไกลนี้ก็เพราะมีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน
เมื่อถามถึงเรื่องประกันตัวในคดี112 แล้ว น.ส.
รักชนกถือเป็นส่วนน้อยที่ได้ประกันนั้น น.ส.
รักชนกตอบว่า เรื่องสถิติตนเองก็ไม่แน่ใจ แต่อยากศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับผู้ต้องหาทุกคนในคดี 112 ตนขอเป็นกระบอกให้กระบอกเสียงให้ จำเลยหรือผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับการปล่อยตัว อย่าง นาย
อานนท์ ,
เก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง อยากให้ทุกคนได้รับสิทธ์อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
จากนั้น น.ส.
รักชนก และนาย
ชัยธวัช ขอตัวไปประชุมสภาต่อ
สส.เหนือ ก้าวไกล ยื่นร่างพรบ.ฝุ่นพิษ เตือนผู้ประกอบการ ถ้าก่อมลพิษ มีโทษเพียบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8007107
“สส.ภาคเหนือ ก้าวไกล” ยื่นร่างพรบ.ฝุ่นพิษฯ ชี้ ผู้ประกอบการ ต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมคลุมทั้งระบบ หากพบทำผิด ก่อให้เกิดฝุ่นพิษ มีโทษเพียบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นาย
ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พร้อมด้วย สส.ภาคเหนือ พรรคก้าวไกล แถลงว่า วันนี้เราได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ให้สภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ผู้ประกอบการต้องทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทั้งระบบและชัดเจน
นาย
ภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยจะสามารถตรวจสอบผู้ที่ทำผิดได้ และสอดคล้องกับข้อตกลงของสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะมีการทำข้อตกลงกันปีหน้า ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า หลังจากที่อียูได้ทำข้อตกลงแล้วภายใน 2 ปี ประเทศที่จะทำการค้าขายกับอียูต้องทำรายงานดังกล่าวด้วย ฉะนั้น กฎหมายฉบับนี้นอกจากจะช่วยเรื่องฝุ่นพิษแล้ว ยังช่วยในการส่งออกให้กับประเทศฝั่งอียูด้วย
นาย
ภัทรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการรายงานไปแล้ว จะมีระบบตรวจสอบย้อนกลับว่าการทำรายงานถูกต้องหรือไม่ หากพบกระทำความผิด ผู้ใดที่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา รวมถึงโทษทางสังคมด้วย
นาย
ภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่า ผู้ประกอบกิจการที่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดมลพิษ ต้องเปิดเผยชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อผู้ประกอบการให้สังคมรู้ นอกจากนี้ยังให้อำนาจกับท้องถิ่นในการประกาศเขตฝุ่นพิษอันตรายได้ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกจะเข้าไปดูเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาลด้วย
‘ทนายแจม’ ตั้งคำถามระเบียบ คุมขังนอกเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบอย่างไร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4329150
‘ทนายแจม’ สงสัยระเบียบ “คุมขังนอกเรือนจำ” ของกรมราชทัณฑ์ จะเกิดการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างไร หากคณะพิจารณาส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ย้ำไทยมีปัญหานักโทษล้นคุก แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าระเบียบนี้จะถูกบังคับใช้อย่างเท่าเทียม
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม น.ส.
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ กรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งให้อำนาจกรมราชทัณฑ์ในการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นๆ นอกเหนือจากเรือนจำได้ ทำให้สังคมเกิดกระแสการตั้งคำถามและเชื่อมโยงไปถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนับตั้งแต่วันที่กลับมาถึงประเทศไทย
น.ส.
ศศินันท์กล่าวว่า ตนได้เห็นและได้อ่านระเบียบฉบับนี้อย่างถี่ถ้วนทุกบรรทัด และกังวลใจอย่างยิ่งต่อวิธีการสรรหา “
คณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง” ว่าเหมาะสมหรือไม่ที่สัดส่วนคณะทำงานกว่าร้อยละ 80 นั้นเป็นข้าราชการ ขณะที่สัดส่วนจากบุคคลภายนอกก็ยังเป็นบุคคลที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง โดยมีรองอธิบดีนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะทำงาน ตนทราบดีถึงปัญหานักโทษล้นเรือนจำ และเห็นเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถาม คงไม่พ้นเรื่องการจะบังคับใช้อย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะนักโทษคดีการเมือง นักการเมือง นักกิจกรรม ผู้มีอำนาจ และคนรวยมีเส้นสาย ก็คงไม่พ้นการถูกจับตามอง
น.ส.
ศศินันท์กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมได้เรียนรู้หลายต่อหลายครั้งว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศเรานั้นยังไม่ผลิดอกออกผลเท่าที่ควร ทำให้ประชาชนหลายคนทั้งที่เป็นประชาชนทั่วไปและที่เป็นญาติผู้ต้องขังกังวลเรื่องการมีสิทธิเข้าถึงระเบียบฉบับนี้ ว่าต่อให้ผู้ต้องขังจะเป็นนักโทษชั้นดีและเข้าเกณฑ์ระเบียบกรมราชทัณฑ์ แต่หากไม่มีเงินและอำนาจก็อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียม
“
เราต้องยอมรับว่าความยุติธรรมในประเทศเรานั้นล่าช้า แต่กับบางคนมันก็มาถึงก่อนเสมอ นั่นเป็นข้อบ่งชี้ว่าในสายตาของประชาชน กระบวนการยุติธรรมในประเทศเรายังคงอ่อนแอ ดิฉันจึงยิ่งมีความกังวลต่อสัดส่วนของคณะทำงาน เมื่อกรมราชทัณฑ์เองก็มีอำนาจในการชี้ขาดตามระเบียบคุ้มครองอยู่แล้ว การที่ให้คณะทำงานเกือบทั้งหมดเป็นสัดส่วนข้าราชการจะทำให้เกิดกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างไร หากเกิดกรณีที่ไม่เป็นธรรม” น.ส.
ศศินันท์กล่าว
JJNY : 5in1 สื่อนอกเกาะติดไอซ์│‘ไอซ์’เปิดใจหลังรอดคุก│ก้าวไกลยื่นร่างพรบ.ฝุ่นพิษ│‘ทนายแจม’ถามระเบียบคุมขัง│หุ้นไทยดิ่ง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4329180
สื่อนอกเกาะติด ไอซ์ รักชนก เจอคุก 6 ปี ผิด ม.112
สำนักข่าวต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ เอเอฟพี และบีบีซี พากันนำเสนอข่าว น.ส.รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคก้าวไกล ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปีในข้อหาผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยศาลระบุว่า รักชนกไมได้แสดงเจตนาใดๆ ที่จะนำเสนอหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ
รักชนกมีชื่อเสียงในฐานะนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทในขบวนการประชาธิปไตยของเยาวชนที่ต่อต้านรัฐบาล และเรียกร้องการปฏิรูป ก่อนที่จะมาลงสมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ร่วมรณรงค์ในการแก้ไข ม.112 โดยเธอเป็นที่รู้จักจากการปั่นจักรยานหาเสียง และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งพรรคก้าวไกลได้รับบเสียงสนับสนุนมากที่สุด
ล่าสุด รักชนกรอดพ้นจากการสูญเสียสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อไป ทำให้ไม่ต้องโทษจำคุก ซึ่งจะส่งผลให้ต้องพ้นสภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปโดยปริยาย
‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดใจหลังรอดคุก จ่อยื่นอุทธรณ์ต่อวอนศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันผู้ต้องหา ม.112 คดีอื่น
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4329159
‘ไอซ์ รักชนก’ เปิดใจหลังรอดคุก จ่อยื่นอุทธรณ์ต่อวอนศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันผู้ต้องหา ม.112 คดีอื่น
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 13 ธันวาคม นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ระหว่างรอติดตามผลยื่นประกันตัว น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ว่าอยู่ระหว่างการรอคำสั่งศาล โดยใช้ตำแหน่งตนเองในการประกันบวกกับหลักทรัพย์ จำนวน 300,000 บาท แนวโน้มการพิจารณาของศาลยังไม่ทราบขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล หวังว่า น.ส.รักชนก จะได้สิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน
นายชัยธวัช กล่าวว่า น.ส.รักชนก มีโอกาสที่จะได้รับการประกันตัว แต่ตอนนี้บอกแน่นอนไม่ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล คิดว่ากรณีนางสาวรักชนกไม่น่ามีเหตุอะไรที่ศาลจะไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากตลอดกระบวนการพิจารณาคดีไม่ได้มีปัญหา ปัจจุบันน.ส.รักชนก ปฏิบัติหน้าที่เป็น ส.ส.มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีหน้าที่การงานชัดเจน ในฐานะหัวหน้าพรรคมองทิศทางเป็นบวก ย้ำว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่บุคคลควรได้รับการประกันตัว
พรรคก้าวไกลยังไม่ได้พูดคุยกันกรณีที่ น.ส.รักชนก ไม่ได้รับการประกันตัว ขอให้รอผลออกมาก่อน ส่วนกรณีการใช้เอกสิทธิ ส.ส.ในการคุ้มครองไม่ให้ได้รับโทษทางอาญานั้น ไม่สามารถทำได้ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการประกันตัว ต้องรับโทษตามคำพิพากษาไม่เกี่ยวข้องกัน
นายชัยธวัช ระบุว่ายังไม่ทราบว่าวันนี้ศาลชั้นต้นจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือจะส่งเรื่องไปยังศาลอุทธรณ์ ซึ่งกรณีหลังก็สามารถวินิจฉัยในวันเดียวกันได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศาล แต่หากนางสาวรักชนกไม่ได้รับการประกันตัวในวันนี้และต้องเข้าเรือนจำก็จะส่งผลกระทบต่อสถานภาพ ส.ส.
เมื่อถามว่าความมั่นใจที่นางสาวรักชนก จะได้ประกันตัวมีมากน้อยแค่ไหน นายชัยธวัช กล่าวว่า “ขึ้นอยู่กับศาล”
ต่อมา เวลา 15.00 น. ศาลอาญา มีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราว น.ส.รักชนก โดยตีราคาประกัน 500,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการหรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้องและหรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
ต่อมา น.ส.รักชนก กล่าวว่า ส่วนตัวตนก็ไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก และคิดว่าสิทธิ์การประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รองรับด้วยรัฐธรรมนูญอยากเรียกร้องให้ศาลพิจารณา ผู้ต้องหา หรือนักโทษคดี 112 คนอื่นได้รับสิทธ์ปล่อยตัวเช่นเดียวกัน อยากให้ศาลปัฏิบัติกับผู้ต้องคดี112 เช่นเดียวกับผู้ต้องหาคดีอื่นๆ จะมีการยื่นอุทธรณ์คดี แต่ขอคุยกับทนายก่อน เพราะทนายที่เคยสู้คดีนี้ให้คือ นายอานนท์ นำภา ซึ่งตอนนี้อยู่ในเรือนจำ หลังจากนี้คงกลับไปคุยกับทนายเรื่องการยื่นอุทธรณ์ หากวันนี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้ การเป็นส.ส.หรือไม่นั้นไม่ได้สำคัญ เราเข้ามาทำงานตรงนี้เพื่อทำให้สังคมนี้เป็นที่ทุกคนสามารถ เสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ทุกคนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดีได้ ทุกคนสามารถมีโอกาสทางเศรษฐกิจได้ ในอนาคตจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนรู้สึกว่าใครจะมาเป็น ส.ส.ในพรรคก้าวไกลนี้ก็เพราะมีอุดมการณ์แนวทางเดียวกัน
เมื่อถามถึงเรื่องประกันตัวในคดี112 แล้ว น.ส.รักชนกถือเป็นส่วนน้อยที่ได้ประกันนั้น น.ส.รักชนกตอบว่า เรื่องสถิติตนเองก็ไม่แน่ใจ แต่อยากศาลใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับผู้ต้องหาทุกคนในคดี 112 ตนขอเป็นกระบอกให้กระบอกเสียงให้ จำเลยหรือผู้ต้องหาที่ไม่ได้รับการปล่อยตัว อย่าง นายอานนท์ ,เก็ท โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง อยากให้ทุกคนได้รับสิทธ์อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
จากนั้น น.ส.รักชนก และนายชัยธวัช ขอตัวไปประชุมสภาต่อ
สส.เหนือ ก้าวไกล ยื่นร่างพรบ.ฝุ่นพิษ เตือนผู้ประกอบการ ถ้าก่อมลพิษ มีโทษเพียบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8007107
“สส.ภาคเหนือ ก้าวไกล” ยื่นร่างพรบ.ฝุ่นพิษฯ ชี้ ผู้ประกอบการ ต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมคลุมทั้งระบบ หากพบทำผิด ก่อให้เกิดฝุ่นพิษ มีโทษเพียบ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พร้อมด้วย สส.ภาคเหนือ พรรคก้าวไกล แถลงว่า วันนี้เราได้ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ให้สภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุชัดเจนว่า ผู้ประกอบการต้องทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทั้งระบบและชัดเจน
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยจะสามารถตรวจสอบผู้ที่ทำผิดได้ และสอดคล้องกับข้อตกลงของสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะมีการทำข้อตกลงกันปีหน้า ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวระบุไว้ชัดเจนว่า หลังจากที่อียูได้ทำข้อตกลงแล้วภายใน 2 ปี ประเทศที่จะทำการค้าขายกับอียูต้องทำรายงานดังกล่าวด้วย ฉะนั้น กฎหมายฉบับนี้นอกจากจะช่วยเรื่องฝุ่นพิษแล้ว ยังช่วยในการส่งออกให้กับประเทศฝั่งอียูด้วย
นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการรายงานไปแล้ว จะมีระบบตรวจสอบย้อนกลับว่าการทำรายงานถูกต้องหรือไม่ หากพบกระทำความผิด ผู้ใดที่ก่อให้เกิดฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา รวมถึงโทษทางสังคมด้วย
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า โดยในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวระบุว่า ผู้ประกอบกิจการที่ถูกตัดสินว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดมลพิษ ต้องเปิดเผยชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อผู้ประกอบการให้สังคมรู้ นอกจากนี้ยังให้อำนาจกับท้องถิ่นในการประกาศเขตฝุ่นพิษอันตรายได้ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกจะเข้าไปดูเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาลด้วย
‘ทนายแจม’ ตั้งคำถามระเบียบ คุมขังนอกเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ จะตรวจสอบอย่างไร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4329150
‘ทนายแจม’ สงสัยระเบียบ “คุมขังนอกเรือนจำ” ของกรมราชทัณฑ์ จะเกิดการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างไร หากคณะพิจารณาส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ย้ำไทยมีปัญหานักโทษล้นคุก แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าระเบียบนี้จะถูกบังคับใช้อย่างเท่าเทียม
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่ กรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ซึ่งให้อำนาจกรมราชทัณฑ์ในการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นๆ นอกเหนือจากเรือนจำได้ ทำให้สังคมเกิดกระแสการตั้งคำถามและเชื่อมโยงไปถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนับตั้งแต่วันที่กลับมาถึงประเทศไทย
น.ส.ศศินันท์กล่าวว่า ตนได้เห็นและได้อ่านระเบียบฉบับนี้อย่างถี่ถ้วนทุกบรรทัด และกังวลใจอย่างยิ่งต่อวิธีการสรรหา “คณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง” ว่าเหมาะสมหรือไม่ที่สัดส่วนคณะทำงานกว่าร้อยละ 80 นั้นเป็นข้าราชการ ขณะที่สัดส่วนจากบุคคลภายนอกก็ยังเป็นบุคคลที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง โดยมีรองอธิบดีนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะทำงาน ตนทราบดีถึงปัญหานักโทษล้นเรือนจำ และเห็นเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเร่งแก้ไข แต่สิ่งที่สังคมตั้งคำถาม คงไม่พ้นเรื่องการจะบังคับใช้อย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะนักโทษคดีการเมือง นักการเมือง นักกิจกรรม ผู้มีอำนาจ และคนรวยมีเส้นสาย ก็คงไม่พ้นการถูกจับตามอง
น.ส.ศศินันท์กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมได้เรียนรู้หลายต่อหลายครั้งว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศเรานั้นยังไม่ผลิดอกออกผลเท่าที่ควร ทำให้ประชาชนหลายคนทั้งที่เป็นประชาชนทั่วไปและที่เป็นญาติผู้ต้องขังกังวลเรื่องการมีสิทธิเข้าถึงระเบียบฉบับนี้ ว่าต่อให้ผู้ต้องขังจะเป็นนักโทษชั้นดีและเข้าเกณฑ์ระเบียบกรมราชทัณฑ์ แต่หากไม่มีเงินและอำนาจก็อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาอย่างเท่าเทียม
“เราต้องยอมรับว่าความยุติธรรมในประเทศเรานั้นล่าช้า แต่กับบางคนมันก็มาถึงก่อนเสมอ นั่นเป็นข้อบ่งชี้ว่าในสายตาของประชาชน กระบวนการยุติธรรมในประเทศเรายังคงอ่อนแอ ดิฉันจึงยิ่งมีความกังวลต่อสัดส่วนของคณะทำงาน เมื่อกรมราชทัณฑ์เองก็มีอำนาจในการชี้ขาดตามระเบียบคุ้มครองอยู่แล้ว การที่ให้คณะทำงานเกือบทั้งหมดเป็นสัดส่วนข้าราชการจะทำให้เกิดกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างไร หากเกิดกรณีที่ไม่เป็นธรรม” น.ส.ศศินันท์กล่าว