แนะนำการควบคุมรถในกรณีฉุกเฉิน(การดริฟท์)

กระทู้คำถาม
ยางมิชลินใช้ดริฟ ดีครับ เกาะถนน
อยู่ที่ประเภทรถด้วยครับ ถ้ายกสูงหรือใต้พื้นรถสูงก็คว่ำง่าย

รถเก๋งหรือรถขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่ใช้ดริฟกันครับ คว่ำอย่างเดียว
ดริฟต้องใช้ล้อหลังเท่านั้น ดริฟล้อหน้าคือคว่ำ(โอเวอร์สเตียร์=อยู่นอกเหนือการควบคุม)
อันเดอร์เสตียร์คือ ดริฟล้อหลัง=ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเรา
เขาไม่ดริฟท์ล้อหน้ากันครับ ดริฟท์ล้อหน้าคือรถแฉลบ รถคว่ำ แล้วครับ

ถ้ารถเก๋งแบบขับเคลื่อนล้อหลังนี่เหมาะกับการดริฟท์เลยครับ ใต้พื้นรถเตี้ยด้วย ทรงตัวดี คว่ำยาก 
แต่มีเก๋งไม่กี่รุ่นที่ขับหลัง

เข้าโค้งเร็วๆ ควรฝึกดริฟท์เผื่อไว้ครับ
ดริฟเป็นจะไม่คว่ำ(ดริฟเป็นจะคว่ำยาก)
คว่ำเป็นจะไม่ดริฟ

คว่ำกับดริฟใกล้เคียงกันมาก จุดเริ่มต้นเหมือนกันคือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

บางครั้งผมเข้าโค้งแคบและหักศอกด้วยความเร็วร้อยกว่าด้วยความไม่ตั้งใจเพราะรีบ ถ้าดริฟไม่เป็นก็คว่ำแล้วครับ ดริฟเป็นก็จะไม่ตกใจ 
หักพวงมาลัยมากกว่าโค้ง ให้ล้อหน้าจิกโค้ง(ล้อหน้าเป็นจุดหมุน=เหมือนตอนเด็กที่หักแฮนด์ล้อหน้าจักรยานไปทางซ้ายให้ล็อคไว้ แล้วออกแรงปั่นจักรยานให้ล้อหลังไถลตะกุยทรายเล่นน่ะครับ) 
รอล้อหลังจะแซงล้อหน้า=รอได้ยินเสียงยางหลังร้อง=ล้อหลังไถล(กำลังจะคว่ำ) ให้คืนพวงมาลัยอย่างนุ่มนวลให้เท่ากับโค้งและประคองให้เท่ากับโค้งจนหมดโค้ง(ไม่มากกว่าโค้งแบบตอนแรก) แล้วรอยางหลังทำหน้าที่ลดความเร็ว(เปลี่ยนความเร็วหรือพลังงานจลน์ เป็นการเผายางหรือพลังงานความร้อนครับ)

ถ้าเข้าโค้งเร็วแต่ดริฟไม่เป็นจะตกใจ ไม่คว่ำเพราะหักพวงมาลัยมากไปแล้วไม่คืนพวงมาลัย หรือคืนพวงมาลัยช้าหรือเร็วเกินไป
ก็
แหกโค้งเพราะหักพวงมาลัยเท่ากับหรือน้อยกว่าโค้ง แต่ความเร็วของรถสูงไป รถจึงวิ่งไปต่อข้างหน้าทะลุโค้งนอก

สรุปการดริฟสั้นๆ เพื่อแก้ไขกรณีกำลังจะคว่ำหรือแหกโค้ง
1. ยิ้มและทำใจเย็นๆ เราฝึกหรือศึกษามาบ้างแล้ว
2. หักพวงมาลัยมากกว่าโค้ง รอฟังเสียงยางหลังร้อง แล้วค่อยๆคืนพวงมาลัยให้เท่ากับโค้งอย่างนุ่มนวล(พร้อมๆกับยางหลังที่กำลังดริฟท์=ยางหลังร้อง=ยางหลังเผาไหม้เพื่อลดความเร็ว) ประคองพวงมาลัยให้เท่ากับสัมพันธ์กับโค้งจนหมดโค้ง
ล้อหน้าต้องเป็นธรรมชาติที่สุด ทิศทางเป็นไปตามทิศทางโค้งที่เจอ ห้ามไถลหรือดริฟ 
ล้อหลังดริฟได้ ทิศทางและความหนักของการดริฟท์ก็ตามที่เราออกแบบในสถานการณ์นั้นๆ
การเติมคันเร่งใช้ความรู้สึก ให้เหมาะสมกับการทรงตัว

เพิ่มเติม
การเบรคหรือถอนเกียร์ให้ทำเฉพาะก่อนเข้าโค้งครับ ทำเพียงเพื่อลดความเร็วให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อน 
การเบรคในโค้งจะทำให้ไถล การถอนเกียร์ในโค้งจะทำให้สะบัดและไถล

แต่ถ้าตั้งใจจะมาดริฟท์อยู่แล้วก็ไม่ต้องเบรคครับ อาจจะแตะเบรคเพียงนิดหน่อย ถอนเกียร์ก่อนโค้งแค่เกียร์เดียวเพื่อช่วยให้ล้อหลังไถลง่ายขึ้น(กรณีดริฟท์ขึ้นเขาup hill ที่ทำความเร็วขาขึ้นเขาไม่ได้มาก)

ไม่แนะนำ ดริฟท์ลงเขา down hill ครับ
ขับลงเขาต้องขับช้าๆครับ

ช่วงเริ่มฝึกนี่ ดริฟท์ขึ้นเขา up hill จะปลอดภัยครับ ความเร็วไม่สูง 
ใช้การถอนเกียร์ลงจากเกียร์เดิม1เกียร์เพื่อช่วยให้ล้อหลังไถลเพื่อฝึกดริฟท์

พื้นเปียกหรือฝนตกนี่ ห้ามดริฟท์ครับ จะคว่ำเนื่องจากแรงเสียดทานระหว่างหน้ายางกับพื้นถนนหายไปเป็น10เท่าเลยครับ
ถ้าพื้นเปียกหรือฝนตกแนะนำขับไม่เกิน70ครับ ถึงจะแฉลบหรือชนก็จะไม่เจ็บครับ

แนะนำกรณีถนนเปียกหรือฝนตกและทางชันขึ้นเขา(หรือทางแห้งแต่เป็นลูกรังลื่นๆและขรุขระขึ้นเขาสูงชัน) รถขึ้นไม่ไหวหรือกำลังไถลลงมา
ให้เหยียบเบรคกับเร่งพร้อมกัน ยางจะหมุนช้าลงด้วยกำลังเครื่องที่สูง ทำให้ไถลน้อยลงและแรงตะกุยมากขึ้น และขึ้นทางชันและเปียกนั้นได้ครับ

กรณีออกตัวทางชันพื้นแห้งปกติ รถกำลังจะไกลลงเนินไปชนคันหลัง 
ให้ใช้เบรคมือช่วยครับ ดึงเบรคมือให้สุดและเหยียบครัช เมื่อจะออกตัวก็ค่อยๆปล่อยเบรคมือไปพร้อมๆกับค่อยๆปล่อยครัชและพร้อมๆกับค่อยๆเติมคันเร่ง

เพิ่มเติม การขับโฉบเฉี่ยว หรือ แข่งขัน
1. "พวงมาลัยสำคัญกว่าเบรค"
2. "เบรคไม่ได้ ไม่ต้องเบรค"
เพราะถ้ายังฝืนเบรค จะเกิดแรงเฉื่อย พารถไปหาจุดอันตรายได้ ถ้าเบรคไม่อยู่แล้ว ให้ใช้พวงมาลัยควบคุมรถให้ไปยังจุดที่ปลอดภัยหรือถ้าจะเจ็บก็เลือกจุดที่จะเจ็บน้อยที่สุด
ปล. ถ้าเบรคไม่อยู่แล้ว นอกจากจะไม่เบรคแล้ว อาจเร่งเพิ่มเพื่อเร่งพารถไปยังจุดที่ปลอดภัยนั้น
3. กรณีเจอวัตถุข้างหน้าและกำลังจะชน ให้หักพวงมาลัยหลบอย่างรวดเร็ว และหักกลับคืนอย่างรวดเร็ว(ไม่หักคืนอย่างรวดเร็วจะคว่ำอย่างรวดเร็วอ่าครับ เพราะหักหลบอย่างรวดเร็วไป)
หักพวงมาลัยหลบและหักคืนอย่างรวดเร็ว เพียงเล็กน้อยครับ รถจัวิ่งซิกแซ็กเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว จะหลบวัตถุที่กำลังจะชนนั้นๆได้เป็นครึ่งเมตร

เพิ่มเติม ดริฟท์โดยใช้แก้มยาง 
(ขั้นสุด ประสบการณ์จริง ใช้ความรู้จากการดูการ์ตูนinitial D ทางช่องการ์ตูนฟรี ก่อนชนแค่6วัน = ทาคุมิเทพเจ้าแห่งเขาอากินะที่ดริฟท์โดยใช้หน้ายางทั้งล้อหน้าซ้ายและล้อหลังซ้ายวิ่งดริฟท์บนตะแกรงน้ำ ทำให้ทรงตัวดีจากความฝืดนั้น และวิ่งได้เร็วขึ้นเอาชนะคู่แข่ง)
กรณีรถเหินน้ำ มุมรถหน้าขวาชนกำแพงกั้นกลางถนน คัทซีงอแล้ว รถกำลังโคลง เบรคก็คว่ำไม่เบรคก็คว่ำ ทำยังไงก็คว่ำ
ให้ประคองรถไปยังกำแพงกั้นกลางถนน ให้อัดพวงมาลัยไปทางขวาให้แก้มยางของล้อหน้าขวาไปอัดเบรคกับฐานกำแพงกั้นกลางถนน
แม้แรคพวงมาลัยหน้าขวาและช่วงล่างเกี่ยวกับล้อหน้าขวา(ลักษณะเป็นเบ้า)จะขาด แต่รถหยุดได้ ด้วยการดริฟท์โดยแก้มยางหน้าขวากับฐานกำแพงกั้น
ปล. วิธีนี้ทำให้ผมรอดจากการคว่ำ รถเหินน้ำไปชนกำแพงกั้น 
รถไม่เกาะถนนเนื่องจากใช้ยางบริดสโตนแข็งกระด้าง

ในสนามแข่งจะหลีกเลี่ยงการดริฟ เพราะจะทำให้ความเร็วลดลง(พลังงานความเร็วเปลี่ยนเป็นการไหม้ของยาง)
จะใช้การกริฟ(grip) คือ เข้าโค้งให้เกาะถนนให้มั่น โดยไม่ไถล จะทำให้ทำความเร็วในสนามแข่งได้มากกว่าการดริฟ
grip แปลว่า จับยึดให้มั่น

แต่ drift ก็มีประโยชน์ ในกรณีเข้าโค้งเร็วเกินไป ใช้การดริฟช่วยลดความเร็วหรือคือช่วยลดพลังงานความเร็วที่เกินมาหรือคือช่วยลดพลังงานที่จะทำให้คว่ำหรือหลุดโค้งได้ครับ

วิธีการกริฟอย่างหนึ่งคือ 
โค้งรูปครึ่งวงกลม จะแบ่งเป็น8เหลี่ยมแทน หักพวงมาลัย8ครั้ง ค่อยๆเล็มโค้ง ไม่ใช่หักพวงมาลัยครั้งเดียว
เข้าโค้งด้วยความเร็วไม่สูงนัก แต่ออกโค้งด้วยความเร็วสูง
เป็นต้น

ตัวอย่างการดริฟขึ้นเขา uphill
https://youtu.be/ANCC56wUMJg
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


ในยูทูปนี้ จะเห็นรถดริฟท์จะโหลดเตี้ยเพื่อให้คว่ำยาก เครื่องจะแรงเพื่อให้ล้อหลังดริฟได้แม้ความเร็วต่ำ และล้อจะทำมุมแคมเบอร์(แบบคนแบะขา) เพื่อให้คว่ำยากขึ้น
https://youtu.be/mWxjRXR7nWI
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สรุปของสรุปอีกที
"ไม่ว่าล้อหลังจะเป็นยังไง คุมล้อหน้าให้ได้"
ควบคุมล้อหน้าให้เป็นปกติ มีทิศทางตามถนน ตามที่เราตั้งใจบังคับทิศทางครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่