กิจการร้านก๋วยเตี๋ยวไปได้ด้วยดีเริ่มเป็นที่รู้จักทำให่แต่ละวันมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอุดหนุน มัจฉาใช้เวลาวาดภาพหลังจากเก็บจากจากเก็บร้านเสร็จ
โรงเพาะฟักสัตว์น้ำกร่อยมัจฉาและเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันล้างบ่อปูนเพื่อเตรียมอนุบาลลูกปลา มัจฉาแกล้งสาดน้ำใส่น้ำหวานจนเปียกไปทั้งตัว ทุกคนหัวเราะ น้ำหวานสาดน้ำกลับแต่มัจฉาหลบได้ทันจนตัวเองลื่นล้มไปนอนกองกับพื้น น้ำหวานพยามลุกขึ้นเดินแต่ขาแผลงเดินไม่ไหว มัจฉาช่วยพยุงตัวน้ำหวานให้น้ำหวานขี่หลังไปห้องพยาบาล
“ เป็นไงบ้าง ฉันขอโทษ ”
“ อือ ! ไม่เป็นไร ”
“ เดินไหวไหมเนี่ยให้ฉันช่วยพยุงไหม ”
“ ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ” มัจฉาถอนหายใจ
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักที่ห้อง ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บ ”
“ ทำดีกับฉันแบบนี้กลัวฉันไปฟ้องครูสุใช่ไหม ”
“ ป่าว ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ” พรศรีแวะมาหาสุปราณีย์ที่วิทยาลัย นานหลายปีแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน สุปราณีย์ดีใจที่ได้เจอกับพรศรีทั้งคู่นั่งคุยอย่างถูกคอ พรศรีไม่ลืมที่จะถามถึงมัจฉา สุปราณีย์ยิ้ม
“ เธอได้เจอมัจบ้างไหมตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้ว พรุ่งนี้วันหยุดฉันจะชวนเธอไปหาเพ็ญจันทร์ที่บ้านด้วยและอีกอย่างหนึ่งฉันอยากเจอหลานด้วย หลายปีแล้วที่ฉันไม่ไปหาหลานตอนนี้คงจำฉันไม่ได้แล้ว ”
“ เธอไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก วันนี้เธอก็เจอหลานได้ไม่ถึงห้านาที มัจฉาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอตรงนี้ ”
“ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม ” สุปราณีย์พูดไม่ทันขาดคำ มัจฉาเดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับตะโกนเรียก มัจฉาได้ยินเสียงของสุปราณีย์รีบเดินไปหาในทันที
“ ครูเรียกมัจมีอะไรเปล่า ”
“ โอ้ย ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกป้าสักทีละ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะลูก ป้าไม่ชินเลย ”
“ ได้ค่ะแต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยมัจขอเรียกป้าว่าครูเหมือนเดิมนะคะ ”
“ จ๊ะลูก ” พรศรียิ้มด้วยความดีใจ
“ เผลอแปบเดียวโตเป็นสาวแล้ว ”
“ สวัสดีค่ะป้าศรี ”
“ หวัดดีจ๊ะ ”
“ ป้าคิดถึงหนูมากเลย วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉา มัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่พรศรีมีให้กับตัวเอง
“ ถ้าอย่างนั้นป้าขอเบอร์โทร ไลน์และก็เฟสบุคของหลานด้วย เอาไว้คุยกัน ”
“ ค่ะป้า ”
“ ยังไม่เลิกเห่อหลานอีก ”
“ มัจขอตัวไปก่อนนะคะออกมานานแล้ว เพื่อนรอแย่แล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉาอีกครั้ง
หลังจากเลิกเรียนมัจฉาไปหาชลธีที่โรงเรียน ก้องภพไม่พอใจที่เห็นมัจฉาสนิทกับชลธีแต่พยายามเก็บอาการต่อหน้าชลธีไม่ให้เขารู้ มัจฉาเองก็เช่นกันเกลียดหน้าก้องภพสุด ๆ ต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งทำคุยกันดีแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนหมาไม่มีใครยอมใคร
“ ไอ้ชล คิดถึงฉันหรอถึงโทรให้ฉันมาหา ” ชลธียิ้ม
“ ฉันจะให้แกมาช่วยวาดภาพส่งครูให้หน่อย ฉันวาดไม่สวยเลย ”
“ เรื่องแค่นี้เองให้ฉันวาดให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากให้มัจมาเลย ”
“ ไม่ลำบากเลยก้อง ฉันเต็มใจ สำหรับไอ้ชลฉันว่างเสมอ ว่างทุกเวลา อย่าว่าแต่วาดภาพเลยทำอย่างอื่นฉันก็เต็มใจทำให้ ” มัจฉาส่งสายยั่วยวนมองไปที่ชลธี ก้องภพเข้าใจความหมายคำพูดของมัจฉา
“ อย่างอื่นที่ว่า ฉันทำให้ชลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นคงได้แค่มอง ”
“ ใครจะไม่รู้ละเผื่อวันข้างหน้า เพื่อนของฉันคนนี้อาจกลับใจมาลิ้มรสชาติชะนีอย่างฉันก็เป็นไปได้ ”
“ พวกแกสองคนพูดอะไรกัน ฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับก้องแค่พูดหยอกกันเล่น แก้เซ็ง ” มัจฉารีบตัดบท ก้องภพพยายามยั่วโมโหมัจฉาแต่ก็ไม่เป็นผล มัจฉาขอแยกตัวกลับไปก่อนเมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน กิจการร้านขายก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาเป็นไปด้วยดี เพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว
ร้านสามเกลอในช่วงค่ำเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่พากันมาเข้ามาอุดหนุน มัจฉาปรุงก๋วยเตี๋ยวจนมือระวิง เข้มมีหน้าที่ดูแลลูกค้า เบิ้มมีหน้าที่เสริฟร์ก๋วยเตี๋ยว จำนวนที่โต๊ะเพิ่มขึ้นทำให้มีลูกค้ามานั่งกินเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ละวันทั้งสามคนกว่าทั้งสามคนจะเก็บร้านเสร็จใช่เวลานานนับชั่วโมงเพราะเหตุนี้เองทำให้มัจฉากลับบ้านดึกทุกวัน เพ็ญจันทร์ก็เช่นกันนั่งรอมัจฉากลับบ้านทุกคืน
“ ดึกแล้วทำไมคุณผู้หญิงยังไม่นอนอีกค่ะ ”
“ ฉันรอยัยมัจกลับบ้าน ทำไมวันนี้ยังไม่กลับมา ”
“ สักพักคุณหนูคงกลับค่ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณหนูอยู่ใกล้นิดเดียวตรงหน้าปากซอยนี่เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ”
“ ฉันจะให้ยัยมัจเลิกขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด ฉันไม่น่ายื่นข้อเสนอบ้า ๆ นี่เลย ”
“ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากไปนะคะ คุณหนูชินแล้วที่คุณผู้หญิงเป็นแบบนี้ สักพักคุณหนูคงกลับมา คุณผู้หญิงไปนอนเถอะค่ะ นอกดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ ”
“ ยัยมัจยังไม่กลับจะให้ฉันข่มตานอนได้ยังไงละ รอให้ยัยมัจกลับมาก่อนฉันค่อยไปนอนแล้วกัน ”
มัจฉาลงประกวดวาดภาพใช้เวลาฝึกซ้อมวาดรูปหลังจากปิดร้านยิ่งใกล้วันแข่งยิ่งทำให้มัจฉากลับบ้านดึก ความลับขั้นสุดยอดที่เพ็ญจันทร์รู้ไม่ได้ ส่วนเพ็ญจันทร์ยังคงรอมัจฉากลับบ้านทุกวัน
ต่อหน้าทำไม่สนใจแต่ในใจรักหมดหัวใจ การแสดงออกของความรักที่ดูผิดเพี๊ยนแปลกประหลาด การกระทำกับการแสดงออกที่แตกต่างกันทำให้มัจฉาเข้าใจผิดคิดว่าเพ็ญจันทร์ไม่เคยมีความรัก ความห่วงใยมอบให้เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นกาฝากของบ้าน มัจฉากลับบ้านช้ากว่าปกติเลยใช้ทางหลังบ้านกลับเข้าบ้านทำให้เพ็ญจันทร์ไม่เห็นมัจฉากลับเข้ามาในบ้านนั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องโถงจนเช้า
“ นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เพ็ญจันทร์เข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาเพิ่งกลับบ้านทำท่าไม่ค่อยใจเมื่อเห็นมัจฉากลับมา
“ ทำไมเพิ่งกลับบ้านมัวไปทำอะไรอยู่ เมื่อคืนไปนอนที่ไหน ”
“ นอนที่บ้าน คุณนายให้มัจไปนอนที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่บ้านหรือคุณนายจะให้มัจไปนอนวัด ”
“ คุณหนูกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ ”
“ ทำไมฉันไม่เห็น ”
“ คุณผู้หญิงจะเห็นได้ยังไงค่ะในเมื่อคุณหนูกลับมาทางหลังบ้าน ”
“ มัจไปหาป้าที่ห้องทำงานด้วยละ วันนี้ป้ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย ”
“ รับทราบค่ะคุณนาย ” เพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาไม่เข้าใจ พิมพ์ภาช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้มัจฉาเข้าใจ
“ เมื่อคืนคุณผู้หญิงมานั่งรอคุณหนูจนเช้า ”
“ มัจไม่อยากจะเชื่อ คุณนายนั้นหรอจะมานั่งรอมัจกลับบ้าน มัจไม่อยากจะเชื่อ ”
“ คุณผู้หญิงรักคุณหนูมาก คุณหนูรู้ไหม ”
“ อีกคนแล้วพูดเหมือนพี่พุดเลย ”
“ สักวันหนึ่งคุณหนูจะเข้าใจแต่ว่าตอนนี้คุณหนูรีบไปหาคุณผู้หญิง ” มัจฉาถอนหายใจ
เพ็ญจันทร์ยืนกอดอกรับลมอยู่ตรงระเบียงห้อง มัจฉาเดินเข้ามาในห้อง เพ็ญจันทร์เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน มัจฉานั่งลง
“ นี่มัจทำอะไรผิดอีกละเรียกมัจมาหาตั้งแต่เช้าเลย ” เพ็ญจันทร์เงียบพร้อมกับยื่นบัตรกดเงินให้มัจฉา
“ ป้าให้มัจ นับตั้งแต่นี้มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะ ป้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของมัจทุกอย่าง ”
“ ไม่เป็นไร คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้พี่พุด มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องรบกวนเงินของคุณนาย ”
“ ทำไมละ ป้าเต็มใจให้ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ”
“ กราบขอบพระคุณในความหวังดีแต่มัจไม่ขอรับไว้ในเมื่อคุณนายบอกมัจเองว่า ถ้าหากมัจไม่ได้เรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายสั่ง มัจจะต้องหาเงินเรียนด้วยตนเองแล้วทำไมตอนนี้คุณนายเปลี่ยนใจให้เงินมัจ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนกันว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ มัจไม่กล้าเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองมารับความช่วยเหลือจากคุณนายหรอกนะ ”
“ อวดดีนึกว่าตัวเองเก่งมากหรือไงถึงกล้าพูดแบบนี้ ”
“ มัจไม่ต้องการมีอะไรติดค้างกับคุณนายอีกแล้ว หนี้ด้วยเงินมันชดใช้ได้ทั้งหมดแต่หนี้บุญคุณชดใช้ทั้งชีวิตมันก็ไม่มีวันหมด คุณนายมีเรื่องที่จะคุยกับมัจแค่นี้ใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัจขอตัว ” คำพูดของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ปวดใจรู้สึกแย่ที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้มัจฉาเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปรียบเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ มัจฉายังคงไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม เพ็ญจันทร์คิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว ภายในหอประชุมนักศึกษาชายหญิงจากวิทยาลัยต่าง ๆ ทยอยกันเดินเข้ามาในหอประชุม มัจฉาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันของวันนี้ เข้ม เบิ้ม และชลธีโดดเรียนมาให้กำลังใจมัจฉาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ ไอ้ชล เด็กเรียนอย่างแกหนีเรียนเป็นด้วยหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อ ”
“ วันนี้เป็นวันสำคัญของแก ฉันต้องมาให้กำลังใจอยู่ใกล้ชิดติดขอบเวทีอยู่แล้ว ในช่วงชีวิตของแกต้องมีฉันอยู่ด้วยเสมอ ”
“ น่ารักที่สุดเลย ” มัจฉาเอียงแก้มไปหาชลธี ชลธีหอมแก้มมัจฉาเบา ๆ เข้มกับเบิ้มแกล้งแซวทั้งคู่
“ พวกแกสองคนเหมือนคู่รักกันเลย นี่ถ้าหากพวกฉันสองคนเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่าแกสองคนเป็นแฟนกัน ”
“ เป็นได้ก็ดีสิ ผู้ชายนิสัยดี อบอุ่นอย่างชลธีใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟนกันทั้งนั้น ”
“ มัวแต่พูดอยู่นั้นแหละใกล้ถึงเวลาแข่งแล้ว ” มัจฉาไปยังจุดนัดหมาย เสียงพิธีกรกล่าวเปิดงานพร้อมทั้งอธิบายกติกาการแข่งขันให้ทุกคนฟัง สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก้มหน้าวาดภาพของตัวเองด้วยความประณีต ชลธี เข้ม และเบิ้มยืนให้กำลังใจมัจฉาอยู่ด้านนอกหอประชุม เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหมดเวลา ทุกคนเงยหน้าขึ้นพากันออกมานอกห้องประชุม มัจฉาเดินออกจากหอประชุมไปเพื่อนทั้งสามคน กรรมการตัดสินกำลังให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน
“ .ใกล้ถึงเวลาประกาศผลแล้ว ฉันตื่นเต้นจังเลย ” ชลธีกุมมือของมัจฉาเอามาแนบอก
“ ได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นกระทบมือของแกไหม ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าแกเสีย ” มัจฉายิ้ม
“ เมื่อไหร่พวกแกสองคนจะเลิกจีบกันสักที ถ้ารักกันชอบกันคบเป็นแฟนกันเสียเลย ไม่ต้องคบกันให้เสียเวลา ”
“ ไอ้เข้มแกก็พูดเกินไปฉันกับมัจฉาเป็นเพื่อนไม่มีวันที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก นอกจากคำว่าเพื่อน ”
“ ถ้าใครจะมาจีบคุณหนูมัจฉาต้องผ่านด่านฉันก่อน ฉันรักและหวงเพื่อนนี้คนนี้มาก ฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเด็ดขาดทั้งทางกายและทางใจ ”
“ วันนี้พวกแกสองคนถ้าจะเพี๊ยนเป็นอะไรมากไปไหม หลังเลิกงานเราไปหาอะไรอร่อยกระแทกปากกันดีกว่าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ”
“ เป็นความคิดที่ดีมาก พักบ้างก็ดีนะ ” เสียงเรียกของพิธีกรให้ทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อรอฟังผลประกาศรางวัล มัจฉาและเพื่อนกลับเข้าไปในหอประชุมแต่ พรศรีเป็นประธานมอบรางวัล พิธีกรประกาศผลรางวัลตั้งแต่รางวัลชมเชยจวบจนกระทั่งรางวัลชนะเลิศ
“ รางวัลชนะเลิศในการประกวดภาพวาดในครั้งนี้ได้แก่ผลงานของ นางสาวมัจฉา รักษ์ดี ”
“ ไอ้มัจแกได้รางวัลชนะเลิศ ” เข้มและเบิ้มจับมือแสดงความยินดี ชลธีสวมกอดมัจฉาด้วยความดีใจ มัจฉาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที พรศรีดีใจมากที่เจอมัจฉาที่นี้ หลังจากรับรางวัลเสร็จพรศรีมาแสดงความยินดีกับมัจฉาพร้อมทั้งชวนมัจฉาไปกินข้าวที่บ้าน
“ เก่งมากเลยลูก ป้าขอแสดงความยินดีด้วย ”
“ ขอบคุณค่ะ ป้าศรีอย่าบอกเรื่องนี้กับป้านะคะ ”
“ จ๊ะลูก ป้าเข้าใจ สุเล่าเรื่องของมัจให้ป้าฟังหมดแล้ว มัจไม่ต้องกังวลใจไปนะ ป้าสัญญาเรื่องของมัจทุกอย่างจะเป็นความลับ คุณนายของมัจจะไม่มีวันรู้ เย็นนี้ว่างไหมไปกินข้าวกับป้าที่บ้าน ป้าชวนทุกคนเลยนะ ” มัจฉามองหน้าทุกคนแต่ละคนพยักหน้าเป็นการตอบรับ
บ้านของพรศรีเป็นบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงานร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ พรศรีดีใจมากทีมัจฉามาที่บ้านสั่งให้แม่บ้านทำอาหารพร้อมทั้งโทรไปบอกเพ็ญจันทร์ว่ามัจฉาอยู่กับตนเอง ทรงพลทำกับข้าวอยู่ในครัว
“ พล ! ดูสิแม่พาใครมาวางตะหลิวแล้วออกมาคุยกับแม่ก่อนสิลูก ”
“ ครับแม่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ” ทรงพลวางตะหลิวถอดผ้ากันเปื้อนให้แม่บ้านทำกับข้าวต่อเดินออกไปหาพรศรี ทรงพลเป็นผู้ชายที่รักในการทำอาหารทำงานรับราชการทหาร
“ ใครกันที่แม่อยากให้ผมรู้จัก อย่าบอกนะแม่พาผู้หญิงมาให้ผมดูตัว ผมยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวนะครับแม่ ”
“ นี่ไงลูกคนที่แม่อยากให้พลรู้จัก มัจฉาไงลูก จำน้องได้ไหม ” ทรงพลยิ้มกว้างวิ่งถลาเข้าไปกอดมัจฉาด้วยความดีใจ มัจฉางงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เข้าใจว่าทำไมคนบ้านนี้ว่าทำไมต้องดีใจมากขนาดนี้เมื่อเจอกับตนเอง
“ มัจ ! หลายปีแล้วที่พี่ไม่ได้เจอกับน้อง ตั้งแต่ที่พี่ไปเรียนต่อเมืองนอก
กลรักสาวมีนกร ตอนที่ 2 ร้านสามเกลอ ( ต่อ )
โรงเพาะฟักสัตว์น้ำกร่อยมัจฉาและเพื่อน ๆ กำลังช่วยกันล้างบ่อปูนเพื่อเตรียมอนุบาลลูกปลา มัจฉาแกล้งสาดน้ำใส่น้ำหวานจนเปียกไปทั้งตัว ทุกคนหัวเราะ น้ำหวานสาดน้ำกลับแต่มัจฉาหลบได้ทันจนตัวเองลื่นล้มไปนอนกองกับพื้น น้ำหวานพยามลุกขึ้นเดินแต่ขาแผลงเดินไม่ไหว มัจฉาช่วยพยุงตัวน้ำหวานให้น้ำหวานขี่หลังไปห้องพยาบาล
“ เป็นไงบ้าง ฉันขอโทษ ”
“ อือ ! ไม่เป็นไร ”
“ เดินไหวไหมเนี่ยให้ฉันช่วยพยุงไหม ”
“ ไม่ต้องฉันเดินเองได้ ” มัจฉาถอนหายใจ
“ เดี๋ยวฉันพาแกไปพักที่ห้อง ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้แกต้องเจ็บ ”
“ ทำดีกับฉันแบบนี้กลัวฉันไปฟ้องครูสุใช่ไหม ”
“ ป่าว ทำไมฉันต้องกลัวในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ” พรศรีแวะมาหาสุปราณีย์ที่วิทยาลัย นานหลายปีแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกัน สุปราณีย์ดีใจที่ได้เจอกับพรศรีทั้งคู่นั่งคุยอย่างถูกคอ พรศรีไม่ลืมที่จะถามถึงมัจฉา สุปราณีย์ยิ้ม
“ เธอได้เจอมัจบ้างไหมตอนนี้คงโตเป็นสาวแล้ว พรุ่งนี้วันหยุดฉันจะชวนเธอไปหาเพ็ญจันทร์ที่บ้านด้วยและอีกอย่างหนึ่งฉันอยากเจอหลานด้วย หลายปีแล้วที่ฉันไม่ไปหาหลานตอนนี้คงจำฉันไม่ได้แล้ว ”
“ เธอไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก วันนี้เธอก็เจอหลานได้ไม่ถึงห้านาที มัจฉาจะมายืนอยู่ตรงหน้าของเธอตรงนี้ ”
“ พูดจริงหรือเปล่าเนี่ย เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม ” สุปราณีย์พูดไม่ทันขาดคำ มัจฉาเดินออกมาจากห้องพอดีพร้อมกับตะโกนเรียก มัจฉาได้ยินเสียงของสุปราณีย์รีบเดินไปหาในทันที
“ ครูเรียกมัจมีอะไรเปล่า ”
“ โอ้ย ! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกป้าสักทีละ ตอนนี้ไม่มีใครเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะลูก ป้าไม่ชินเลย ”
“ ได้ค่ะแต่ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยมัจขอเรียกป้าว่าครูเหมือนเดิมนะคะ ”
“ จ๊ะลูก ” พรศรียิ้มด้วยความดีใจ
“ เผลอแปบเดียวโตเป็นสาวแล้ว ”
“ สวัสดีค่ะป้าศรี ”
“ หวัดดีจ๊ะ ”
“ ป้าคิดถึงหนูมากเลย วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอ นับตั้งแต่วันนี้เราไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉา มัจฉาสัมผัสได้ถึงความรักที่พรศรีมีให้กับตัวเอง
“ ถ้าอย่างนั้นป้าขอเบอร์โทร ไลน์และก็เฟสบุคของหลานด้วย เอาไว้คุยกัน ”
“ ค่ะป้า ”
“ ยังไม่เลิกเห่อหลานอีก ”
“ มัจขอตัวไปก่อนนะคะออกมานานแล้ว เพื่อนรอแย่แล้ว ” พรศรีสวมกอดมัจฉาอีกครั้ง
หลังจากเลิกเรียนมัจฉาไปหาชลธีที่โรงเรียน ก้องภพไม่พอใจที่เห็นมัจฉาสนิทกับชลธีแต่พยายามเก็บอาการต่อหน้าชลธีไม่ให้เขารู้ มัจฉาเองก็เช่นกันเกลียดหน้าก้องภพสุด ๆ ต่อหน้าชลธีทั้งคู่แกล้งทำคุยกันดีแต่ลับหลังชลธีกัดเหมือนหมาไม่มีใครยอมใคร
“ ไอ้ชล คิดถึงฉันหรอถึงโทรให้ฉันมาหา ” ชลธียิ้ม
“ ฉันจะให้แกมาช่วยวาดภาพส่งครูให้หน่อย ฉันวาดไม่สวยเลย ”
“ เรื่องแค่นี้เองให้ฉันวาดให้ก็ได้ไม่เห็นต้องลำบากให้มัจมาเลย ”
“ ไม่ลำบากเลยก้อง ฉันเต็มใจ สำหรับไอ้ชลฉันว่างเสมอ ว่างทุกเวลา อย่าว่าแต่วาดภาพเลยทำอย่างอื่นฉันก็เต็มใจทำให้ ” มัจฉาส่งสายยั่วยวนมองไปที่ชลธี ก้องภพเข้าใจความหมายคำพูดของมัจฉา
“ อย่างอื่นที่ว่า ฉันทำให้ชลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นคงได้แค่มอง ”
“ ใครจะไม่รู้ละเผื่อวันข้างหน้า เพื่อนของฉันคนนี้อาจกลับใจมาลิ้มรสชาติชะนีอย่างฉันก็เป็นไปได้ ”
“ พวกแกสองคนพูดอะไรกัน ฉันไม่เห็นเข้าใจ ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ฉันกับก้องแค่พูดหยอกกันเล่น แก้เซ็ง ” มัจฉารีบตัดบท ก้องภพพยายามยั่วโมโหมัจฉาแต่ก็ไม่เป็นผล มัจฉาขอแยกตัวกลับไปก่อนเมื่อถึงใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน กิจการร้านขายก๋วยเตี๋ยวของมัจฉาเป็นไปด้วยดี เพ็ญจันทร์ต้องการให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว
ร้านสามเกลอในช่วงค่ำเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่พากันมาเข้ามาอุดหนุน มัจฉาปรุงก๋วยเตี๋ยวจนมือระวิง เข้มมีหน้าที่ดูแลลูกค้า เบิ้มมีหน้าที่เสริฟร์ก๋วยเตี๋ยว จำนวนที่โต๊ะเพิ่มขึ้นทำให้มีลูกค้ามานั่งกินเพิ่มขึ้นไปด้วย แต่ละวันทั้งสามคนกว่าทั้งสามคนจะเก็บร้านเสร็จใช่เวลานานนับชั่วโมงเพราะเหตุนี้เองทำให้มัจฉากลับบ้านดึกทุกวัน เพ็ญจันทร์ก็เช่นกันนั่งรอมัจฉากลับบ้านทุกคืน
“ ดึกแล้วทำไมคุณผู้หญิงยังไม่นอนอีกค่ะ ”
“ ฉันรอยัยมัจกลับบ้าน ทำไมวันนี้ยังไม่กลับมา ”
“ สักพักคุณหนูคงกลับค่ะ ร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณหนูอยู่ใกล้นิดเดียวตรงหน้าปากซอยนี่เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ”
“ ฉันจะให้ยัยมัจเลิกขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะเป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด ฉันไม่น่ายื่นข้อเสนอบ้า ๆ นี่เลย ”
“ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากไปนะคะ คุณหนูชินแล้วที่คุณผู้หญิงเป็นแบบนี้ สักพักคุณหนูคงกลับมา คุณผู้หญิงไปนอนเถอะค่ะ นอกดึกไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ ”
“ ยัยมัจยังไม่กลับจะให้ฉันข่มตานอนได้ยังไงละ รอให้ยัยมัจกลับมาก่อนฉันค่อยไปนอนแล้วกัน ”
มัจฉาลงประกวดวาดภาพใช้เวลาฝึกซ้อมวาดรูปหลังจากปิดร้านยิ่งใกล้วันแข่งยิ่งทำให้มัจฉากลับบ้านดึก ความลับขั้นสุดยอดที่เพ็ญจันทร์รู้ไม่ได้ ส่วนเพ็ญจันทร์ยังคงรอมัจฉากลับบ้านทุกวัน
ต่อหน้าทำไม่สนใจแต่ในใจรักหมดหัวใจ การแสดงออกของความรักที่ดูผิดเพี๊ยนแปลกประหลาด การกระทำกับการแสดงออกที่แตกต่างกันทำให้มัจฉาเข้าใจผิดคิดว่าเพ็ญจันทร์ไม่เคยมีความรัก ความห่วงใยมอบให้เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นกาฝากของบ้าน มัจฉากลับบ้านช้ากว่าปกติเลยใช้ทางหลังบ้านกลับเข้าบ้านทำให้เพ็ญจันทร์ไม่เห็นมัจฉากลับเข้ามาในบ้านนั่งรอมัจฉาอยู่ในห้องโถงจนเช้า
“ นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เพ็ญจันทร์เข้าใจผิดคิดว่ามัจฉาเพิ่งกลับบ้านทำท่าไม่ค่อยใจเมื่อเห็นมัจฉากลับมา
“ ทำไมเพิ่งกลับบ้านมัวไปทำอะไรอยู่ เมื่อคืนไปนอนที่ไหน ”
“ นอนที่บ้าน คุณนายให้มัจไปนอนที่ไหน ถ้าไม่ใช่ที่บ้านหรือคุณนายจะให้มัจไปนอนวัด ”
“ คุณหนูกลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ ”
“ ทำไมฉันไม่เห็น ”
“ คุณผู้หญิงจะเห็นได้ยังไงค่ะในเมื่อคุณหนูกลับมาทางหลังบ้าน ”
“ มัจไปหาป้าที่ห้องทำงานด้วยละ วันนี้ป้ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย ”
“ รับทราบค่ะคุณนาย ” เพ็ญจันทร์เดินออกไป มัจฉาไม่เข้าใจ พิมพ์ภาช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้มัจฉาเข้าใจ
“ เมื่อคืนคุณผู้หญิงมานั่งรอคุณหนูจนเช้า ”
“ มัจไม่อยากจะเชื่อ คุณนายนั้นหรอจะมานั่งรอมัจกลับบ้าน มัจไม่อยากจะเชื่อ ”
“ คุณผู้หญิงรักคุณหนูมาก คุณหนูรู้ไหม ”
“ อีกคนแล้วพูดเหมือนพี่พุดเลย ”
“ สักวันหนึ่งคุณหนูจะเข้าใจแต่ว่าตอนนี้คุณหนูรีบไปหาคุณผู้หญิง ” มัจฉาถอนหายใจ
เพ็ญจันทร์ยืนกอดอกรับลมอยู่ตรงระเบียงห้อง มัจฉาเดินเข้ามาในห้อง เพ็ญจันทร์เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน มัจฉานั่งลง
“ นี่มัจทำอะไรผิดอีกละเรียกมัจมาหาตั้งแต่เช้าเลย ” เพ็ญจันทร์เงียบพร้อมกับยื่นบัตรกดเงินให้มัจฉา
“ ป้าให้มัจ นับตั้งแต่นี้มัจไม่ต้องไปขายก๋วยเตี๋ยวแล้วนะ ป้าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของมัจทุกอย่าง ”
“ ไม่เป็นไร คุณนายเก็บเงินของตัวเองไว้ให้พี่พุด มัจหาเงินเรียนเองได้ไม่ต้องรบกวนเงินของคุณนาย ”
“ ทำไมละ ป้าเต็มใจให้ไม่ได้รบกวนอะไรเลย ”
“ กราบขอบพระคุณในความหวังดีแต่มัจไม่ขอรับไว้ในเมื่อคุณนายบอกมัจเองว่า ถ้าหากมัจไม่ได้เรียนมัธยมปลายตามที่คุณนายสั่ง มัจจะต้องหาเงินเรียนด้วยตนเองแล้วทำไมตอนนี้คุณนายเปลี่ยนใจให้เงินมัจ มัจจะเชื่อใจคุณนายได้แค่ไหนกันว่าวันหนึ่งคุณนายจะไม่เปลี่ยนใจ มัจไม่กล้าเสี่ยงทุบหม้อข้าวตัวเองมารับความช่วยเหลือจากคุณนายหรอกนะ ”
“ อวดดีนึกว่าตัวเองเก่งมากหรือไงถึงกล้าพูดแบบนี้ ”
“ มัจไม่ต้องการมีอะไรติดค้างกับคุณนายอีกแล้ว หนี้ด้วยเงินมันชดใช้ได้ทั้งหมดแต่หนี้บุญคุณชดใช้ทั้งชีวิตมันก็ไม่มีวันหมด คุณนายมีเรื่องที่จะคุยกับมัจแค่นี้ใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วมัจขอตัว ” คำพูดของมัจฉายิ่งทำให้เพ็ญจันทร์ปวดใจรู้สึกแย่ที่ตนเองเป็นสาเหตุทำให้มัจฉาเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเปรียบเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ มัจฉายังคงไปขายก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิม เพ็ญจันทร์คิดหาวิธีให้มัจฉาเลิกขายก๋วยเตี๋ยว ภายในหอประชุมนักศึกษาชายหญิงจากวิทยาลัยต่าง ๆ ทยอยกันเดินเข้ามาในหอประชุม มัจฉาเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันของวันนี้ เข้ม เบิ้ม และชลธีโดดเรียนมาให้กำลังใจมัจฉาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ ไอ้ชล เด็กเรียนอย่างแกหนีเรียนเป็นด้วยหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อ ”
“ วันนี้เป็นวันสำคัญของแก ฉันต้องมาให้กำลังใจอยู่ใกล้ชิดติดขอบเวทีอยู่แล้ว ในช่วงชีวิตของแกต้องมีฉันอยู่ด้วยเสมอ ”
“ น่ารักที่สุดเลย ” มัจฉาเอียงแก้มไปหาชลธี ชลธีหอมแก้มมัจฉาเบา ๆ เข้มกับเบิ้มแกล้งแซวทั้งคู่
“ พวกแกสองคนเหมือนคู่รักกันเลย นี่ถ้าหากพวกฉันสองคนเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่าแกสองคนเป็นแฟนกัน ”
“ เป็นได้ก็ดีสิ ผู้ชายนิสัยดี อบอุ่นอย่างชลธีใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟนกันทั้งนั้น ”
“ มัวแต่พูดอยู่นั้นแหละใกล้ถึงเวลาแข่งแล้ว ” มัจฉาไปยังจุดนัดหมาย เสียงพิธีกรกล่าวเปิดงานพร้อมทั้งอธิบายกติกาการแข่งขันให้ทุกคนฟัง สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก้มหน้าวาดภาพของตัวเองด้วยความประณีต ชลธี เข้ม และเบิ้มยืนให้กำลังใจมัจฉาอยู่ด้านนอกหอประชุม เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหมดเวลา ทุกคนเงยหน้าขึ้นพากันออกมานอกห้องประชุม มัจฉาเดินออกจากหอประชุมไปเพื่อนทั้งสามคน กรรมการตัดสินกำลังให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน
“ .ใกล้ถึงเวลาประกาศผลแล้ว ฉันตื่นเต้นจังเลย ” ชลธีกุมมือของมัจฉาเอามาแนบอก
“ ได้ยินเสียงหัวใจของฉันเต้นกระทบมือของแกไหม ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่าแกเสีย ” มัจฉายิ้ม
“ เมื่อไหร่พวกแกสองคนจะเลิกจีบกันสักที ถ้ารักกันชอบกันคบเป็นแฟนกันเสียเลย ไม่ต้องคบกันให้เสียเวลา ”
“ ไอ้เข้มแกก็พูดเกินไปฉันกับมัจฉาเป็นเพื่อนไม่มีวันที่จะเป็นอย่างอื่นไปได้หรอก นอกจากคำว่าเพื่อน ”
“ ถ้าใครจะมาจีบคุณหนูมัจฉาต้องผ่านด่านฉันก่อน ฉันรักและหวงเพื่อนนี้คนนี้มาก ฉันไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเด็ดขาดทั้งทางกายและทางใจ ”
“ วันนี้พวกแกสองคนถ้าจะเพี๊ยนเป็นอะไรมากไปไหม หลังเลิกงานเราไปหาอะไรอร่อยกระแทกปากกันดีกว่าเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ”
“ เป็นความคิดที่ดีมาก พักบ้างก็ดีนะ ” เสียงเรียกของพิธีกรให้ทุกคนมารวมตัวกันที่หอประชุมเพื่อรอฟังผลประกาศรางวัล มัจฉาและเพื่อนกลับเข้าไปในหอประชุมแต่ พรศรีเป็นประธานมอบรางวัล พิธีกรประกาศผลรางวัลตั้งแต่รางวัลชมเชยจวบจนกระทั่งรางวัลชนะเลิศ
“ รางวัลชนะเลิศในการประกวดภาพวาดในครั้งนี้ได้แก่ผลงานของ นางสาวมัจฉา รักษ์ดี ”
“ ไอ้มัจแกได้รางวัลชนะเลิศ ” เข้มและเบิ้มจับมือแสดงความยินดี ชลธีสวมกอดมัจฉาด้วยความดีใจ มัจฉาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที พรศรีดีใจมากที่เจอมัจฉาที่นี้ หลังจากรับรางวัลเสร็จพรศรีมาแสดงความยินดีกับมัจฉาพร้อมทั้งชวนมัจฉาไปกินข้าวที่บ้าน
“ เก่งมากเลยลูก ป้าขอแสดงความยินดีด้วย ”
“ ขอบคุณค่ะ ป้าศรีอย่าบอกเรื่องนี้กับป้านะคะ ”
“ จ๊ะลูก ป้าเข้าใจ สุเล่าเรื่องของมัจให้ป้าฟังหมดแล้ว มัจไม่ต้องกังวลใจไปนะ ป้าสัญญาเรื่องของมัจทุกอย่างจะเป็นความลับ คุณนายของมัจจะไม่มีวันรู้ เย็นนี้ว่างไหมไปกินข้าวกับป้าที่บ้าน ป้าชวนทุกคนเลยนะ ” มัจฉามองหน้าทุกคนแต่ละคนพยักหน้าเป็นการตอบรับ
บ้านของพรศรีเป็นบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงานร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ พรศรีดีใจมากทีมัจฉามาที่บ้านสั่งให้แม่บ้านทำอาหารพร้อมทั้งโทรไปบอกเพ็ญจันทร์ว่ามัจฉาอยู่กับตนเอง ทรงพลทำกับข้าวอยู่ในครัว
“ พล ! ดูสิแม่พาใครมาวางตะหลิวแล้วออกมาคุยกับแม่ก่อนสิลูก ”
“ ครับแม่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ” ทรงพลวางตะหลิวถอดผ้ากันเปื้อนให้แม่บ้านทำกับข้าวต่อเดินออกไปหาพรศรี ทรงพลเป็นผู้ชายที่รักในการทำอาหารทำงานรับราชการทหาร
“ ใครกันที่แม่อยากให้ผมรู้จัก อย่าบอกนะแม่พาผู้หญิงมาให้ผมดูตัว ผมยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัวนะครับแม่ ”
“ นี่ไงลูกคนที่แม่อยากให้พลรู้จัก มัจฉาไงลูก จำน้องได้ไหม ” ทรงพลยิ้มกว้างวิ่งถลาเข้าไปกอดมัจฉาด้วยความดีใจ มัจฉางงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เข้าใจว่าทำไมคนบ้านนี้ว่าทำไมต้องดีใจมากขนาดนี้เมื่อเจอกับตนเอง
“ มัจ ! หลายปีแล้วที่พี่ไม่ได้เจอกับน้อง ตั้งแต่ที่พี่ไปเรียนต่อเมืองนอก