จริง หรือแค่เป็นความเชื่อ ว่าหุ้นเล็กๆ ประกาศผลประกอบการวันสุดท้าย จะ "เน่า"


เจ้าคิกคัก

จริง หรือแค่เป็นความเชื่อ ว่าหุ้นเล็กๆ ประกาศผลประกอบการวันสุดท้าย งบจะ "เน่า"

เม่าอ่านเม่าออมอัศวินเหงื่อตกอัศวินเดินทางห่านทองคำ



ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มักจะเป็นช่วงที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร และเก็บหุ้นที่ทำผลงานได้ดีอย่างคึกคัก แต่หลายครั้งสงสัยไหมว่าทำไมบางบริษัทงบดี กำไรเติบโต ราคาหุ้นกลับลง แต่อีกบริษัทงบออกมาแย่ หุ้นกลับขึ้นซะงั้น ทั้งที่ตามความเป็นจริงแล้วใคร ๆ ก็อยากได้หุ้นพื้นฐานดีกันทั้งนั้น
 
          สาเหตุที่เป็นแบบนี้ เราขอแบ่งออกเป็น 2 เรื่องหลัก ๆ ประการแรก คือ ความคาดหวังของตลาด ประการที่สอง คือ งบการเงินที่คิดว่าดี อาจจะไม่ได้ดีจริง ๆ อย่างที่คิด
 
ราคาหุ้นมาจากความคาดหวังของตลาด
          แม้ว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นจะสะท้อนมาจากปัจจัยพื้นฐาน แต่อีกปัจจัยที่กำหนดราคาหุ้นคือ "ความคาดหวังของนักลงทุน" หากส่วนใหญ่มองว่าเป็นช่วงที่หุ้นน่าเข้าซื้อ ราคาหุ้นก็จะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่นักลงทุนยอมซื้อหุ้นในวันนี้ เพราะหวังว่าจะสร้างกำไรในอนาคต ทำให้สรุปสาเหตุว่าทำไมงบออกมาดี แต่หุ้นกลับลง ได้ดังนี้
 
เกิดการ sell on fact ราคาหุ้นขึ้นไปตั้งนานแล้ว
          การที่เราซื้อหุ้นเมื่อข่าวออก บางครั้งอาจจะช้าเกินไป เพราะทุกคนรู้แล้วว่าดี พอผลประกอบการออกมาตามที่ตลาดประเมินไว้ จึงเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า "Sell on Fact" คือ การขายทำกำไรเมื่อมีข่าวดี เนื่องจากราคาหุ้นอาจจะปรับเพิ่มขึ้นจนใกล้เต็มมูลค่าแล้วนั่นเอง
 
งบออกมาโตน้อยกว่าที่คาด
          ก่อนที่งบจริงจะออก จะมีการประเมินผลประกอบการล่วงหน้าจากวิเคราะห์การลงทุนอยู่แล้ว ซึ่งหุ้นบางตัวงบออกมาดีจริง กำไรโต 20% เป็นต้น แต่ถ้าตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะโตถึง 50% แบบนี้แสดงว่าหุ้นทำให้ตลาดผิดหวัง นักลงทุนก็พร้อมจะเทขายได้เช่นกัน เพราะอย่างที่รู้กันว่าตลาดหุ้นคือตลาดแห่งความคาดหวัง
          อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถประเมินความคาดหวังของตลาด และสำรวจประมาณการงบการเงินล่วงหน้าได้จากบทวิเคราะห์การลงทุน ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ รวบรวมไว้ได้ที่นี่ คลิก 
 
งบที่มองว่าดี อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด
          งบการเงินเป็นเหมือนสมุดพกที่บอกฝีมือของการดำเนินธุรกิจ หากเข้าใจข้อมูลสำคัญในงบการเงินได้ถูกต้อง จะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนสมเหตุสมผลขึ้น แต่หากดูไม่ละเอียดเพียงพอ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ตัดสินลงทุนผิดพลาดได้เช่นกัน วิธีอ่านงบการเงินที่ถูกต้องนั้น ควรมองให้ครบทุกมิติ สามารถแยกออกเป็น 5 ส่วนประกอบ ได้แก่
 
งบแสดงฐานะการเงิน
          แสดงถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจและความมั่งคั่งของกิจการ ณ ช่วงใดช่วงหนึ่ง สิ่งที่ควรโฟกัสมีด้วยด้วย 3 ตัวเลข คือ 1. สินทรัพย์ ว่าเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนหรือไม่หมุนเวียน เงินสดเยอะไหม ขนาดของสินทรัพย์เป้นเท่าไหร่ 2. หนี้สิน เป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาว อัตราการเพิ่มขึ้นของหนี้เหมาะสมไหม 3. ทุน สัดส่วนทุนเมื่อเทียบกับหนี้สินเป็นอย่างไร ทุนเพิ่มขึ้นจากอะไร เป็นต้น
 
งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ
          เป็นส่วนที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด ซึ่งบอกว่าผลการดำเนินงานในรอบบัญชีนั้นของบริษัทดีแค่ไหน โครงสร้างของการอ่านงบกำไรขาดทุน แนะให้เริ่มจาก "รายได้" "ต้นทุน" แล้วค่อยไล่ลงไปดูในส่วนของ "กำไร" ทั้ง กำไรขั้นต้น กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) และกำไรสุทธิ
          โดยต้องเปรียบเทียบกำไรกับปีที่แล้ว (YoY) เพราะบางธุรกิจมี seasonal รวมถึงเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้วด้วย (QoQ) เพื่อให้เห็นพัฒนาการเติบโต อีกจุดสังเกตคือกำไรที่เห็น เป็นกำไรคุณภาพหรือไม่? ซึ่งต้องเกิดจากการดำเนินธุรกิจหลัก ไม่ใช่กำไรพิเศษที่เกิดเพียงครั้งเดียว
 
งบกระแสเงินสด
          เงินสดเป็นดั่งเส้นเลือดของธุรกิจ โดยงบส่วนนี้จะแสดงเงินสดที่รับมาและจ่ายออกไป ซึ่งการที่บริษัทมีกำไรเติบโตมาก ๆ ใช่ว่าจะมั่นคงเสมอไป นักลงทุนควรดูกระแสสดประกอบสดประกอบด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจติดขัด
 
หมายเหตุประกอบงบ
           แสดงรายการทางบัญชีที่สำคัญเพื่อให้นักลงทุนตรวจสอบความโปร่งใสในงบการเงิน ประกอบด้วยประเด็นสำคัญ อาทิ นโยบายของกิจการ เหตุการณ์ที่ผิดปกติ และสาระสำคัญที่ไม่ได้แสดงในงบ ซึ่งเราสามารถดูรายงานของผู้ตรวจสอบบัญชีประกอบการพิจารณา หากเจอสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล จะได้ระวังตัวได้ทัน


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่