'ศิริกัญญา' ตลก 'อดิศร' ท้าไปบวชชี-ลาออก ข้องใจไม่ตอบคำถาม ทำได้หรือไม่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7959115
‘ศิริกัญญา’ ตลก ‘อดิศร’ ท้าไปบวชชี-ลาออก ข้องใจไม่ตอบคำถาม ดิจิทัลวอลเล็ต ทำได้หรือไม่ ยัน “ก้าวไกล” จะใช้กลไกสภาตรวจสอบ เผยข้อมูลที่ทำให้เจ็บปวดที่สุด
วันที่ 12 พ.ย.2566 น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นาย
อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ออกมาท้า 4 ข้อ ให้นางสาว
ศิริกัญญาลาออก , เลิกให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจ , ไปบวชชี และกราบขอโทษประชาชน หากรัฐบาลผลักดันนโยบายแจกเงินดิจิทัลสำเร็จว่า เป็นเรื่องน่าตลก แทนที่การตอบโต้จะเป็นการตอบคำถามที่ตนได้ตั้งเอาไว้ว่าสรุปแล้วสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมายหรือไม่
โดยการพยายามอธิบายว่าจำเป็นเร่งด่วนอย่างไรด้วยข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริง รวมถึงอธิบายว่าถูกกฎหมายมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังและมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญได้อย่างไร
“
ดิฉันกลับถูกโจมตี กลายเป็นการพนัน ว่าถ้าทำสำเร็จล่ะ ซึ่งเรื่องของการรับผิดชอบทางการเงินของทางฝั่งฝ่ายบริหาร น่าจะถูกตั้งคำถามมากกว่าว่าถ้าสุดท้ายไม่สำเร็จ ด้วยกลไกใดก็ตาม จะมีความรับผิดชอบทางฝ่ายบริหารอย่างไร เพราะก็เป็นนโยบายเรือธงใหญ่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็คือ พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป” น.ส.
ศิริกัญญา กล่าว
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังรอคอยคำตอบอยู่ หากนาย
อดิศรมีข้อมูลที่จะตอบคำถาม ก็สามารถตอบได้เลย
เมื่อถามว่ากรณีตอบโต้แบบนี้ถือเป็นการร้อนตัวหรือไม่ น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ยังสับสนอยู่กับหน้าที่ของประธานวิปรัฐบาลมากกว่า ว่าเราควรต้องทำงานประสานกันกับฝ่ายค้านมากกว่าโจมตีฝ่านค้านหรือไม่ เพราะตนเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นลักษณะแบบนี้ ในอดีตเรามีความสัมพันธ์อันดีในการประสานกับวิปรัฐบาลให้งานการเมืองสามารถเดินได้ ซึ่งการทำงานของนาย
อดิศรถือเป็นแนวใหม่
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า คงใช้กลไกในสภา ตอนนี้จับตาดูตามขั้นตอน คงต้องรอคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งน่าแปลกใจมากทั้งที่ในคณะกรรมการพิจารณาเงินดิจิทัลชุดใหญ่ ตนเห็นรายชื่อของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ในนั้นด้วย ยังอยากรู้ว่าในคณะกรรมการชุดใหญ่ หารือกันว่าอย่างไร แล้วเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นอย่างไร
“
สิ่งที่ทำได้เลยในการตอบโต้ดิฉันอย่างเจ็บปวดที่สุดคือ เอารายงานการประชุมของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตออกมาเปิดเผยว่าเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเขาไฟเขียวแล้ว หรือแม้แต่คณะอนุกรรมการต่างๆ ก็เอารายงานมาเปิดเผยก็ได้ว่าถกกันอย่างไร ในเรื่องของแหล่งเงิน” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
เอกชนขอนแก่น ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไม่น่าเป็นไปได้ เชื่อคนตกงานนับล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7959151
เอกชนขอนแก่น ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไม่น่าเป็นไปได้ ธุรกิจรายย่อยอาจเจ๊ง คนตกงานนับล้าน แรงงานต่างด้าวจะแห่เข้ามาทำงานในไทย
วันที่ 12 พ.ย. 2566 นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าแรงจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า พรรคการเมืองมักจะใช้เรื่องค่าจ้างมาหาเสียง อย่าง 400 บาทคือนโยบายของพรรคเพื่อไทย และปี 70 จะปรับเป็น 600 บาท แต่ข้อเท็จจริงจะไปไหวหรือไม่ เพราะการพิจารณาค่าจ้างจะพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อในพื้นที่ ดัชนีค่าครองชีพ สถานภาพแรงงานในพื้นที่มีการว่างงานเยอะหรือไม่ มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นอย่างไร มีการจ้างงานเป็นอย่างไร และพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ทุกจังหวัดจะพิจารณาจากเกณฑ์ประมาณนี้ ว่าจะขึ้นหรือไม่ ขึ้นเท่าไร ทุกอย่างต้องเป็นมติ ถ้าคณะกรรมการเห็นต่างแม้แต่เสียงเดียวต้องทำการโหวต ความเห็นส่วนตัวเรื่องค่าแรงขั้นต่ำทั้งประเทศและขอนแก่นควรปรับขึ้น แต่ตัวเลขจะเป็นอย่างไรต้องแล้วแต่กรรมการพิจารณา
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า จากที่ฟังจากรัฐมนตรีแรงงานบอกว่าจะปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นแน่นอน แต่ตัวเลข 400 บาท ไม่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนตัวก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าปรับขึ้น 400 บาทจริง ผลกระทบในทางลบเยอะกว่าทางบวก ถึงขั้นมีปัญหาในภาคการผลิต
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการปรับคือสร้างสมดุลค่าจ้างของตัวเลขลูกจ้างอยู่ได้ นายจ้างไม่กระทบ ต่างคนต่างอยู่ได้ ถ้าตัวเลขที่ปรับมากเกินไป ธุรกิจ SME จะมีผลกระทบมากที่สุด ถ้าถึงขั้นนั้นอาจจะต้องหยุดกิจการ หากปรับเยอะแล้วคนตกงาน มองว่าไม่เกิดประโยชน์
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ถ้าประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำแล้ว แรงงานต่างด้าวทั้งหมดในประเทศไทยก็ได้ด้วย ทั้งเมียนมา กัมพูชา ลาว ที่เข้ามาทำงานได้หมด จะเกิดการแห่มาทำงานของแรงงานต่างด้าวอีกเยอะ เพราะค่าจ้างบ้านเราจะสูงขึ้นกว่าในประเทศเขา ซึ่งจะส่งผลกระทบกับแรงงานไทย ถ้าปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาทจริงๆ คาดว่าอัตราคนตกงานจะมีหลายล้านคน
ชาวโคราช วอนรัฐบาลปรับหลักเกณฑ์ใช้เงินดิจิตอล ควรชำระหนี้ได้
https://www.matichon.co.th/region/news_4278853
ชาวโคราชวอนรัฐบาลปรับหลักเกณฑ์ใช้เงินดิจิตอล ควรชำระหนี้ได้
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นชาวบ้านที่มีสิทธิ์ในการรับเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ในพื้นที่ชุมชนพาณิชย์เจริญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังรัฐบาลแถลงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท พบว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทให้กับประชาชนเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าและของใช้ในครัวเรือนและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามถึงแม้ประชาชนจะเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท แต่หลักเกณฑ์เงื่อนไขในการใช้เงินนั้นมีจำกัด เช่น ต้องใช้เงินในพื้นที่อำเภอตามทะเบียนบ้าน หรือการจำกัดการใช้เงินดิจิตอลที่ทำใด้เพียงซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ซึ่งประชาชนได้สะท้อนความคิดเห็นผ่านไปยังรัฐบาลอยากให้มีการปรับแก้หลักเกณฑ์ในการใช้เงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ด้วยการเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายเงิน เช่น การจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าเช่าบ้านน ค่าเทอม เป็นต้น
โดยนาง
ตรีรัตน์ อินทรานพ แม่ค้าอาหารตามสั่ง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้ลำบากแต่หลักเกณฑ์ในการใช้เงินนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากและอาจจะสร้างความยากลำบากในการใช้จ่ายเงินให้กับชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุถ้าเป็นไปได้นั้นอยากให้แจกเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหรือแอ๊พเป๋าตังค์ก็ได้ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างโดยเฉพาะการชำระหนี้ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสามารถเอาไปเติมน้ำมันก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่แล้วตอนแจกเงิน 15,000 บาท ประชาชนสามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ปกติไร้เงื่อนไขซึ่งตนมองว่าจะได้ประโยชน์สูงที่สุด
ขณะเดียวกันทางด้านนาง
กิ่งแก้ว ศรีจำนงค์ ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทของทางรัฐบาลนั้นตนมองว่าดีครึ่งหนึ่งไม่ดีครึ่งหนึ่ง ข้อดีคือชาวบ้านได้เงินมาใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในครัวเรือน ข้อเสียคือข้อจำกัดในการใช้เงินดิจิตอลนั้นไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน หรือค่าเทอม ทำได้เพียงแค่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงเท่านั้นซึ่งถ้าซื้อครั้งนึงแล้วจะสามารถใช้ได้เป็นเดือน นอกจากนี้ตนยังมองว่าการจำกัดพื้นที่ในการใช้เงินนั้นก็เป็นปัญหาถึงแม้จะมีการขยายจากพื้นที่ 4 กิโลเมตร มาเป็นทั้งอำเภอแล้วก็ตาม แต่คนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดนั้นไม่สามารถใช้เงินดิจิตอลที่รัฐแจกมาได้เนื่องจากติดเงื่อนไขต้องกลับมาใช้ยังอำเภอที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งจากที่ตนคุยกับชาวบ้านมาหลายคนก็บอกว่าถ้าจะกฎเกณฑ์ยุ่งยากขนาดนี้ไม่เอาดีกว่า ตนจึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าอยากให้ช่วยปรับหลักเกณฑ์ในการใช้เงินและเพิ่มช่องทางในการใช้เงินดิจิตอลในการชำระหนี้จะดีมากจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนี้ได้สูงที่สุด
JJNY : 'ศิริกัญญา'ตลก'อดิศร'│ชี้ขึ้นค่าแรง 400 ไม่น่าเป็นไปได้│ชาวโคราชวอนปรับหลักเกณฑ์│ร้องเร่งเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7959115
‘ศิริกัญญา’ ตลก ‘อดิศร’ ท้าไปบวชชี-ลาออก ข้องใจไม่ตอบคำถาม ดิจิทัลวอลเล็ต ทำได้หรือไม่ ยัน “ก้าวไกล” จะใช้กลไกสภาตรวจสอบ เผยข้อมูลที่ทำให้เจ็บปวดที่สุด
วันที่ 12 พ.ย.2566 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ออกมาท้า 4 ข้อ ให้นางสาวศิริกัญญาลาออก , เลิกให้ความเห็นเรื่องเศรษฐกิจ , ไปบวชชี และกราบขอโทษประชาชน หากรัฐบาลผลักดันนโยบายแจกเงินดิจิทัลสำเร็จว่า เป็นเรื่องน่าตลก แทนที่การตอบโต้จะเป็นการตอบคำถามที่ตนได้ตั้งเอาไว้ว่าสรุปแล้วสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมายหรือไม่
โดยการพยายามอธิบายว่าจำเป็นเร่งด่วนอย่างไรด้วยข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริง รวมถึงอธิบายว่าถูกกฎหมายมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังและมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญได้อย่างไร
“ดิฉันกลับถูกโจมตี กลายเป็นการพนัน ว่าถ้าทำสำเร็จล่ะ ซึ่งเรื่องของการรับผิดชอบทางการเงินของทางฝั่งฝ่ายบริหาร น่าจะถูกตั้งคำถามมากกว่าว่าถ้าสุดท้ายไม่สำเร็จ ด้วยกลไกใดก็ตาม จะมีความรับผิดชอบทางฝ่ายบริหารอย่างไร เพราะก็เป็นนโยบายเรือธงใหญ่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็คือ พรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังรอคอยคำตอบอยู่ หากนายอดิศรมีข้อมูลที่จะตอบคำถาม ก็สามารถตอบได้เลย
เมื่อถามว่ากรณีตอบโต้แบบนี้ถือเป็นการร้อนตัวหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยังสับสนอยู่กับหน้าที่ของประธานวิปรัฐบาลมากกว่า ว่าเราควรต้องทำงานประสานกันกับฝ่ายค้านมากกว่าโจมตีฝ่านค้านหรือไม่ เพราะตนเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ไม่ได้เป็นลักษณะแบบนี้ ในอดีตเรามีความสัมพันธ์อันดีในการประสานกับวิปรัฐบาลให้งานการเมืองสามารถเดินได้ ซึ่งการทำงานของนายอดิศรถือเป็นแนวใหม่
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า คงใช้กลไกในสภา ตอนนี้จับตาดูตามขั้นตอน คงต้องรอคำตอบของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งน่าแปลกใจมากทั้งที่ในคณะกรรมการพิจารณาเงินดิจิทัลชุดใหญ่ ตนเห็นรายชื่อของเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ในนั้นด้วย ยังอยากรู้ว่าในคณะกรรมการชุดใหญ่ หารือกันว่าอย่างไร แล้วเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นอย่างไร
“สิ่งที่ทำได้เลยในการตอบโต้ดิฉันอย่างเจ็บปวดที่สุดคือ เอารายงานการประชุมของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตออกมาเปิดเผยว่าเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเขาไฟเขียวแล้ว หรือแม้แต่คณะอนุกรรมการต่างๆ ก็เอารายงานมาเปิดเผยก็ได้ว่าถกกันอย่างไร ในเรื่องของแหล่งเงิน” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
เอกชนขอนแก่น ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไม่น่าเป็นไปได้ เชื่อคนตกงานนับล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7959151
เอกชนขอนแก่น ชี้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ไม่น่าเป็นไปได้ ธุรกิจรายย่อยอาจเจ๊ง คนตกงานนับล้าน แรงงานต่างด้าวจะแห่เข้ามาทำงานในไทย
วันที่ 12 พ.ย. 2566 นายวิฑูรย์ กมลนฤเมธ คณะอนุกรรมการพิจารณาค่าแรงจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า พรรคการเมืองมักจะใช้เรื่องค่าจ้างมาหาเสียง อย่าง 400 บาทคือนโยบายของพรรคเพื่อไทย และปี 70 จะปรับเป็น 600 บาท แต่ข้อเท็จจริงจะไปไหวหรือไม่ เพราะการพิจารณาค่าจ้างจะพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อในพื้นที่ ดัชนีค่าครองชีพ สถานภาพแรงงานในพื้นที่มีการว่างงานเยอะหรือไม่ มีการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นอย่างไร มีการจ้างงานเป็นอย่างไร และพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ทุกจังหวัดจะพิจารณาจากเกณฑ์ประมาณนี้ ว่าจะขึ้นหรือไม่ ขึ้นเท่าไร ทุกอย่างต้องเป็นมติ ถ้าคณะกรรมการเห็นต่างแม้แต่เสียงเดียวต้องทำการโหวต ความเห็นส่วนตัวเรื่องค่าแรงขั้นต่ำทั้งประเทศและขอนแก่นควรปรับขึ้น แต่ตัวเลขจะเป็นอย่างไรต้องแล้วแต่กรรมการพิจารณา
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า จากที่ฟังจากรัฐมนตรีแรงงานบอกว่าจะปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นแน่นอน แต่ตัวเลข 400 บาท ไม่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนตัวก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าปรับขึ้น 400 บาทจริง ผลกระทบในทางลบเยอะกว่าทางบวก ถึงขั้นมีปัญหาในภาคการผลิต
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการปรับคือสร้างสมดุลค่าจ้างของตัวเลขลูกจ้างอยู่ได้ นายจ้างไม่กระทบ ต่างคนต่างอยู่ได้ ถ้าตัวเลขที่ปรับมากเกินไป ธุรกิจ SME จะมีผลกระทบมากที่สุด ถ้าถึงขั้นนั้นอาจจะต้องหยุดกิจการ หากปรับเยอะแล้วคนตกงาน มองว่าไม่เกิดประโยชน์
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ถ้าประกาศปรับค่าแรงขั้นต่ำแล้ว แรงงานต่างด้าวทั้งหมดในประเทศไทยก็ได้ด้วย ทั้งเมียนมา กัมพูชา ลาว ที่เข้ามาทำงานได้หมด จะเกิดการแห่มาทำงานของแรงงานต่างด้าวอีกเยอะ เพราะค่าจ้างบ้านเราจะสูงขึ้นกว่าในประเทศเขา ซึ่งจะส่งผลกระทบกับแรงงานไทย ถ้าปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ 400 บาทจริงๆ คาดว่าอัตราคนตกงานจะมีหลายล้านคน
ชาวโคราช วอนรัฐบาลปรับหลักเกณฑ์ใช้เงินดิจิตอล ควรชำระหนี้ได้
https://www.matichon.co.th/region/news_4278853
ชาวโคราชวอนรัฐบาลปรับหลักเกณฑ์ใช้เงินดิจิตอล ควรชำระหนี้ได้
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นชาวบ้านที่มีสิทธิ์ในการรับเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ในพื้นที่ชุมชนพาณิชย์เจริญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังรัฐบาลแถลงหลักเกณฑ์การแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท พบว่าประชาชนส่วนใหญ่นั้นเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทให้กับประชาชนเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าและของใช้ในครัวเรือนและยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามถึงแม้ประชาชนจะเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท แต่หลักเกณฑ์เงื่อนไขในการใช้เงินนั้นมีจำกัด เช่น ต้องใช้เงินในพื้นที่อำเภอตามทะเบียนบ้าน หรือการจำกัดการใช้เงินดิจิตอลที่ทำใด้เพียงซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ซึ่งประชาชนได้สะท้อนความคิดเห็นผ่านไปยังรัฐบาลอยากให้มีการปรับแก้หลักเกณฑ์ในการใช้เงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ด้วยการเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายเงิน เช่น การจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าเช่าบ้านน ค่าเทอม เป็นต้น
โดยนางตรีรัตน์ อินทรานพ แม่ค้าอาหารตามสั่ง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชนได้ลำบากแต่หลักเกณฑ์ในการใช้เงินนั้นค่อนข้างจะยุ่งยากและอาจจะสร้างความยากลำบากในการใช้จ่ายเงินให้กับชาวบ้านที่เป็นผู้สูงอายุถ้าเป็นไปได้นั้นอยากให้แจกเป็นเงินสดโอนเข้าบัญชีหรือแอ๊พเป๋าตังค์ก็ได้ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างโดยเฉพาะการชำระหนี้ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือสามารถเอาไปเติมน้ำมันก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่แล้วตอนแจกเงิน 15,000 บาท ประชาชนสามารถนำเงินดังกล่าวไปใช้ได้ปกติไร้เงื่อนไขซึ่งตนมองว่าจะได้ประโยชน์สูงที่สุด
ขณะเดียวกันทางด้านนางกิ่งแก้ว ศรีจำนงค์ ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า สำหรับนโยบายในการแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาทของทางรัฐบาลนั้นตนมองว่าดีครึ่งหนึ่งไม่ดีครึ่งหนึ่ง ข้อดีคือชาวบ้านได้เงินมาใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในครัวเรือน ข้อเสียคือข้อจำกัดในการใช้เงินดิจิตอลนั้นไม่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน หรือค่าเทอม ทำได้เพียงแค่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพียงเท่านั้นซึ่งถ้าซื้อครั้งนึงแล้วจะสามารถใช้ได้เป็นเดือน นอกจากนี้ตนยังมองว่าการจำกัดพื้นที่ในการใช้เงินนั้นก็เป็นปัญหาถึงแม้จะมีการขยายจากพื้นที่ 4 กิโลเมตร มาเป็นทั้งอำเภอแล้วก็ตาม แต่คนที่ไปทำงานอยู่ต่างจังหวัดนั้นไม่สามารถใช้เงินดิจิตอลที่รัฐแจกมาได้เนื่องจากติดเงื่อนไขต้องกลับมาใช้ยังอำเภอที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งจากที่ตนคุยกับชาวบ้านมาหลายคนก็บอกว่าถ้าจะกฎเกณฑ์ยุ่งยากขนาดนี้ไม่เอาดีกว่า ตนจึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลว่าอยากให้ช่วยปรับหลักเกณฑ์ในการใช้เงินและเพิ่มช่องทางในการใช้เงินดิจิตอลในการชำระหนี้จะดีมากจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากเงินก้อนนี้ได้สูงที่สุด