‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ แจง ‘Single Grid’ เพิ่มคุณภาพเน็ตมือถือเร็วกว่าเดิมสูงสุดกว่า 110%
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ทรูคอร์ปอเรชั่น แจงข้อมูลที่ถูกกล่าวหาตามที่
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้นำเสนอข่าว เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ในหัวข้อ TRUE ควบ DTAC พ่นพิษ ค่ายมือถือรื้อถอนสถานีฐานรับ-ส่งกระจายสัญญาณ เหลือแค่เสาดัมมี่ กระทบผู้บริโภค ความเร็วอินเทอร์เน็ตคุณภาพต่ำ สวนทางค่าบริการแพง เป็นการนำเสนอที่ข้อมูลที่ผิดจากข้อเท็จจริงและไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องทำให้ประชาชนเข้าใจผิด
(ที่มา:
https://ffcthailand.org/news/TRUE-DTAC-2023?fbclid=IwAR0Ivpm-TTibWf8SW9EzA6ZbBkEnzc-uNxT8hy6V4kOb3MmMRc0coFrLkuY)
ประเด็น 1 – รื้อถอนสถานีฐานรับ-ส่งกระจายสัญญาณ เหลือแค่เสาดัมมี่ กระทบผู้บริโภค ความเร็วอินเทอร์เน็ตคุณภาพต่ำ
ตอบ วันนี้ทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งเดินหน้าโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) โดยควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ลดเสาที่ซ้ำซ้อนและอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนลง 30%
ประเด็น 2 – ก่อนควบรวมแต่ละพื้นที่จะมีเสาและอุปกรณ์กระจายสัญญาณ ทั้งของ TRUE และ DTAC แต่หลังจากควบรวมจะเหลืออุปกรณ์ส่งสัญญาณแค่พื้นที่ละ 1 เจ้า และที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้เสาสัญญาณยังไม่รื้อถอนออกไป แต่กล่องรับ-ส่งสัญญาณ DTAC ถูกรื้อถอนไป ทำให้ตอนนี้ผู้ใช้บริการในพื้นที่เจอปัญหาอินเทอร์เน็ตอืด เพราะต้องแย่งสัญญาณกัน
ตอบ ยืนยันไม่ลดสถานีฐาน และอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณของคลื่นความถี่ แต่ย้ายอุปกรณ์ไปติดตั้งที่จุดเสาสัญญาณใหม่ ในบางพื้นที่ที่อยู่ในจุดลดเสาซ้ำซ้อน ซึ่งถ้าติดตั้งเหมือนเดิมจะส่งสัญญาณรบกวนกัน ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังคงความเป็นผู้ให้บริการที่มีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากที่สุดในประเทศ โดยการทดสอบพื้นที่ที่ทำระบบ Single Grid เสร็จสมบูรณ์พบว่าเน็ตมือถือเร็วขึ้นสูงสุดราว 110% พร้อมมุ่งสู่ผู้นำอันดับ 1 ด้านความเร็วในการให้บริการ 5G และ 4G ของไทย
ประเด็น 3 – หลังจาก TRUE ควบ DTAC และยังไปจับมือฮั้วราคาแพงกับ AIS
ตอบ ทรู คอร์ปอเรชั่นยืนยันว่านี่เป็นข้อมูลที่กล่าวหาปราศจากความจริง ไม่เคยมีการฮั้วราคากับ AIS ตามที่ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งหน้าสร้างประโยชน์สูงสุดทุกมิติเพื่อลูกค้ามากสุดในไทย ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เพิ่มคุณค่าที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการไลฟ์สไตล์และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จาก 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการควบรวมกิจการ ได้ผสานสร้างสรรค์สิทธิพิเศษที่ดียิ่งกว่าตรงใจยิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าแลกรับสิทธิประโยชน์มากกว่า 120 ล้านสิทธิ์ และจำนวนรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 54% ครอบคลุมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย อาทิ ร้านอาหารและบริการชื่อดัง, บริการสุขภาพ, ห้างร้าน, ช้อปปิ้งออนไลน์ มากมาย พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ยอดนิยมอย่าง รับฟรีค่าเน็ต ค่าโทร และกิจกรรมลุ้นรับทองคำและของรางวัลใหญ่ให้แลกลุ้นกันทุกวัน เป็นต้น
ทรูคอร์ปอเรชั่นยืนยันคุณภาพสัญญาณมือถือ ลุยสร้างเครือข่ายที่เหนือกว่า เร่งเดินหน้าโครงการ “Single Grid” เพื่อลูกค้ากว่า 50 ล้านราย บทพิสูจน์หลังควบรวมทรู-ดีแทคยกระดับประสบการณ์สัญญาณมือถือ 5G และ 4G เผยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การจัดการโครงข่าย ลดจุดเสาซ้ำซ้อน ไม่ลดสถานีฐาน เพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วไทย พร้อมประสานคลื่นความถี่ รวมพลังอัปเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพความพร้อมในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย
เจาะกระแสโซเชียลกับประเด็นฮอตในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย ดีล True dtac
หากจำกันได้ ปลายปี ที่ผ่านมามีประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยสำหรับข่าวการควบรวมของ 2 ค่ายใหญ่ในไทยอย่าง true และ dtac ซึ่งกระแสข่าวของการควบรวมอย่างไม่เป็นทางการได้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 เกิดเป็นกระแสของการพูดถึงโดยเฉพาะบนโลกโซเชียลกันอย่างล้นหลามในหลากหลายประเด็น รวมถึงตั้งข้อสงสัยว่าการควบรวมครั้งนี้เป็นการควบรวมเพื่อการอยู่รอดของธุรกิจ หรือจะกลายเป็นการผูกขาดทางการตลาด
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นของดีลนี้ บนโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ของบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่าเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการควบรวมแล้ว สิ่งที่ผู้บริโภคกลับมามองไม่ใช่เรื่องของความผูกขาด แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่ควรจะได้รับจากการที่ผู้บริโภคจ่ายไป ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งทาง true และ dtac ค่อนข้างมีความได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ของเสาสัญญาณหลังการควบรวมกันที่ผู้บริโภคมองว่าสัญญาณสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นและมีสัญญาณ 5G ที่ดีขึ้น อีกทั้งเรื่องของสิทธิพิเศษที่ได้รับหลากหลายขึ้น เช่น การดูถ่ายทอดสดฟุตบอล สิทธิพิเศษจากร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือความบันเทิงต่างๆ ที่ครบครัน รวมถึงการใช้พ้อยท์คะแนนแลกสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น
ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2566 พบว่ามีการพูดถึงประเด็นของการควบรวม true และ dtac มากกว่า 1.3 แสนข้อความ และมีจำนวนเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 7 ล้านเอ็นเกจเมนต์ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนบนโซเชียลเกี่ยวกับการควบรวมนี้อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อดูประเด็นของการพูดถึง โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาก่อนและหลังการควบรวม พบประเด็นที่น่าสนใจจากผู้คนบนโซเชียลที่สรุปออกมาได้ ดังนี้
ความสงสัย ความกังวล และ ความหวังช่วง ‘ก่อนการควบรวม’
ตามที่ทราบกันว่าในประเทศไทยเองมีเครือข่ายโทรคมนาคมของภาคเอกชนที่เป็นยักษ์ใหญ่อยู่ 3 บริษัท คือ true dtac และ AIS (แม้จะมี ค่ายที่ 4 คือ NT บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ แต่ก็ไม่ใหญ่เท่าเลยไม่ค่อยมีใครนับรวม)จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ข่าวออกมาว่าจะมีการควบรวมเกิดขึ้นในครั้งนี้จะทำให้ true และ dtac ถูกมองเป็นเชิงลบว่าเป็นการผูกขาดของตลาดที่เห็นจากในกราฟเสียงที่เป็น Negative ค่อนข้างสูงในช่วงแรกที่มีการปล่อยข่าวออกมา ผู้บริโภคมองว่าถ้าหากเหลือผู้แข่งขันในอุตสาหกรรมน้อยลง อาจส่งผลให้การสร้างแรงจูงใจในการทำบริการหรือสินค้ามาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคจะลดลงตามไปด้วย
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงของผู้บริโภคอีกกลุ่มมองในเชิงบวกว่าการควบรวมกันเป็นการทำเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจเพื่อจะไปต่อสู้กับเจ้าตลาด อีกทั้งควบรวมกันครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
รวมถึงแสดงความเห็นถึงความคาดหวังจากการที่ควบรวมกันในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งความคาดหวังในเชิงของประสบการณ์ที่ตัวเองจะได้รับ ความคาดหวังในเรื่องของความครอบคลุมของเสาสัญญาณที่มากขึ้น คุณภาพอินเทอร์เน็ตที่เสถียรขึ้น ความคาดหวังผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของราคา และ สิทธิพิเศษต่างๆ จากประสบการณ์ที่เขาคาดหวังจะได้รับ
แต่อีกมุมนึงผู้บริโภคคาดว่า การรวมกันแล้วจะทำให้ราคาสูงขึ้น การพัฒนาสินค้าของตัวเองน้อยลง เพราะไม่มีการแข่งขันกันในตลาด รวมถึงคาดว่าคุณภาพของอินเทอร์เน็ตลดลง
ภาพความคิดเรื่องการผูกขาดเปลี่ยนเป็นความคาดหวังกับประสบการณ์ที่ได้รับ ‘หลังการควบรวม’
หลังจากการประกาศการควบรวมอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น ภาพของความสงสัย ความกังวลเรื่องของการผูกขาดกลับไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผู้บริโภคพูดถึง การพูดถึงในเชิงลบค่อยๆ เปลี่ยนเป็นการพูดถึงในเชิงบวกที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเรื่องของประสบการณ์ที่ได้รับ สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อีกทั้งยังมีกระแสการพูดถึงชื่นชมต่อการใช้ พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ อย่าง คุณนาย ณภัทร และ คุณใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ที่สะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่นของการมีกันและกัน และ การรวมกันเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
รวมถึงหลังจากการควบรวมกันแล้ว ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องในแง่มุมที่ต่างออกไป นั่นคือ ภาพของการผูกขาดหายไป แต่กลับเป็นความคาดหวังที่มุ่งไปใน เรื่องของประสบการณ์ที่ผู้บริโภคได้รับโดยตรง ในเรื่องของอินเทอร์เน็ต ราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงสิทธิพิเศษที่อยากได้เพิ่ม พร้อมกับเงื่อนไขต่างๆ ที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
กล่าวโดยสรุป
ภาพรวม ‘ก่อนการควบรวม’ ผู้บริโภคส่วนมากจะพูดถึง
1.การผูกขาดของตลาด
2.ความกังวลในเรื่องของคุณภาพ การบริการ สิทธิพิเศษที่จะได้รับ
3.ผู้เกี่ยวข้องที่มีภาพลักษณ์เชิงลบที่ยอมให้ true และ dtac ควบรวมกิจการกัน
‘หลังจากการควบรวม’ ข้อสงสัยต่างๆ บนโลกโซเซียลได้จางลง ค่อยๆเปลี่ยนเป็นประเด็นใหม่ๆที่ใกล้ตัว
1.ความชื่นชมในส่วนของพรีเซ็นเตอร์คนใหม่
2.ความหลากหลายของสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น
3.ประสบการณ์ในเรื่องของสัญญาณที่ดีขึ้น ความครอบคลุมของเสาสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้น
ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความท้าทายให้ true และ dtac ได้ปรับตัวกันต่อไปเมื่อเรื่องของการผูกขาดไม่ใช่ประเด็นหลักที่คนพูดถึง แต่อาจจะยังต้องมีการขยับตัวเพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้
ถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาได้รับและออกมายืนยันว่ายังคงใส่ใจในการพัฒนาตัวสินค้าและบริการที่ดีให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
เพราะหลังจากการประกาศควบรวมอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและให้ความสำคัญคือประสบการณ์ดีๆ ที่พวกเขาควรได้รับจาก true และ dtac ทั้งในแง่การใช้งานที่ดีขึ้น ราคาที่คุ้มค่าเหมาะสม รวมไปถึงการบริการที่เหนือกว่าและสร้างความพึงพอใจในระยะยาวได้นั่นเอง
matichon workpointtoday
ทรู แจง ‘Single Grid’ (ถอนเสาซ้ำออก) เพิ่มเน็ตเร็วสูงสุด 110%|คนเลิกสนใจว่าผูกขาด เพราะสัญญานดีขึ้น และ พรีเซ็นเตอร์ใหม่
(ที่มา: https://ffcthailand.org/news/TRUE-DTAC-2023?fbclid=IwAR0Ivpm-TTibWf8SW9EzA6ZbBkEnzc-uNxT8hy6V4kOb3MmMRc0coFrLkuY)
ประเด็น 1 – รื้อถอนสถานีฐานรับ-ส่งกระจายสัญญาณ เหลือแค่เสาดัมมี่ กระทบผู้บริโภค ความเร็วอินเทอร์เน็ตคุณภาพต่ำ
ตอบ วันนี้ทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งเดินหน้าโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) โดยควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ลดเสาที่ซ้ำซ้อนและอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนลง 30%
ประเด็น 2 – ก่อนควบรวมแต่ละพื้นที่จะมีเสาและอุปกรณ์กระจายสัญญาณ ทั้งของ TRUE และ DTAC แต่หลังจากควบรวมจะเหลืออุปกรณ์ส่งสัญญาณแค่พื้นที่ละ 1 เจ้า และที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้เสาสัญญาณยังไม่รื้อถอนออกไป แต่กล่องรับ-ส่งสัญญาณ DTAC ถูกรื้อถอนไป ทำให้ตอนนี้ผู้ใช้บริการในพื้นที่เจอปัญหาอินเทอร์เน็ตอืด เพราะต้องแย่งสัญญาณกัน
ตอบ ยืนยันไม่ลดสถานีฐาน และอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณของคลื่นความถี่ แต่ย้ายอุปกรณ์ไปติดตั้งที่จุดเสาสัญญาณใหม่ ในบางพื้นที่ที่อยู่ในจุดลดเสาซ้ำซ้อน ซึ่งถ้าติดตั้งเหมือนเดิมจะส่งสัญญาณรบกวนกัน ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังคงความเป็นผู้ให้บริการที่มีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากที่สุดในประเทศ โดยการทดสอบพื้นที่ที่ทำระบบ Single Grid เสร็จสมบูรณ์พบว่าเน็ตมือถือเร็วขึ้นสูงสุดราว 110% พร้อมมุ่งสู่ผู้นำอันดับ 1 ด้านความเร็วในการให้บริการ 5G และ 4G ของไทย
ประเด็น 3 – หลังจาก TRUE ควบ DTAC และยังไปจับมือฮั้วราคาแพงกับ AIS
ตอบ ทรู คอร์ปอเรชั่นยืนยันว่านี่เป็นข้อมูลที่กล่าวหาปราศจากความจริง ไม่เคยมีการฮั้วราคากับ AIS ตามที่ถูกกล่าวหา
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งหน้าสร้างประโยชน์สูงสุดทุกมิติเพื่อลูกค้ามากสุดในไทย ด้วยการนำเสนอแพ็กเกจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เพิ่มคุณค่าที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการไลฟ์สไตล์และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จาก 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการควบรวมกิจการ ได้ผสานสร้างสรรค์สิทธิพิเศษที่ดียิ่งกว่าตรงใจยิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าแลกรับสิทธิประโยชน์มากกว่า 120 ล้านสิทธิ์ และจำนวนรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 54% ครอบคลุมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย อาทิ ร้านอาหารและบริการชื่อดัง, บริการสุขภาพ, ห้างร้าน, ช้อปปิ้งออนไลน์ มากมาย พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ยอดนิยมอย่าง รับฟรีค่าเน็ต ค่าโทร และกิจกรรมลุ้นรับทองคำและของรางวัลใหญ่ให้แลกลุ้นกันทุกวัน เป็นต้น
ทรูคอร์ปอเรชั่นยืนยันคุณภาพสัญญาณมือถือ ลุยสร้างเครือข่ายที่เหนือกว่า เร่งเดินหน้าโครงการ “Single Grid” เพื่อลูกค้ากว่า 50 ล้านราย บทพิสูจน์หลังควบรวมทรู-ดีแทคยกระดับประสบการณ์สัญญาณมือถือ 5G และ 4G เผยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การจัดการโครงข่าย ลดจุดเสาซ้ำซ้อน ไม่ลดสถานีฐาน เพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วไทย พร้อมประสานคลื่นความถี่ รวมพลังอัปเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพความพร้อมในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นของดีลนี้ บนโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ของบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่าเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อมีการควบรวมแล้ว สิ่งที่ผู้บริโภคกลับมามองไม่ใช่เรื่องของความผูกขาด แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่ควรจะได้รับจากการที่ผู้บริโภคจ่ายไป ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งทาง true และ dtac ค่อนข้างมีความได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ของเสาสัญญาณหลังการควบรวมกันที่ผู้บริโภคมองว่าสัญญาณสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นและมีสัญญาณ 5G ที่ดีขึ้น อีกทั้งเรื่องของสิทธิพิเศษที่ได้รับหลากหลายขึ้น เช่น การดูถ่ายทอดสดฟุตบอล สิทธิพิเศษจากร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือความบันเทิงต่างๆ ที่ครบครัน รวมถึงการใช้พ้อยท์คะแนนแลกสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่หลากหลายมากขึ้น
ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 กรกฎาคม 2566 พบว่ามีการพูดถึงประเด็นของการควบรวม true และ dtac มากกว่า 1.3 แสนข้อความ และมีจำนวนเอ็นเกจเมนต์มากกว่า 7 ล้านเอ็นเกจเมนต์ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนบนโซเชียลเกี่ยวกับการควบรวมนี้อย่างเห็นได้ชัด
ความสงสัย ความกังวล และ ความหวังช่วง ‘ก่อนการควบรวม’
ตามที่ทราบกันว่าในประเทศไทยเองมีเครือข่ายโทรคมนาคมของภาคเอกชนที่เป็นยักษ์ใหญ่อยู่ 3 บริษัท คือ true dtac และ AIS (แม้จะมี ค่ายที่ 4 คือ NT บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ แต่ก็ไม่ใหญ่เท่าเลยไม่ค่อยมีใครนับรวม)จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ข่าวออกมาว่าจะมีการควบรวมเกิดขึ้นในครั้งนี้จะทำให้ true และ dtac ถูกมองเป็นเชิงลบว่าเป็นการผูกขาดของตลาดที่เห็นจากในกราฟเสียงที่เป็น Negative ค่อนข้างสูงในช่วงแรกที่มีการปล่อยข่าวออกมา ผู้บริโภคมองว่าถ้าหากเหลือผู้แข่งขันในอุตสาหกรรมน้อยลง อาจส่งผลให้การสร้างแรงจูงใจในการทำบริการหรือสินค้ามาเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคจะลดลงตามไปด้วย
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงของผู้บริโภคอีกกลุ่มมองในเชิงบวกว่าการควบรวมกันเป็นการทำเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจเพื่อจะไปต่อสู้กับเจ้าตลาด อีกทั้งควบรวมกันครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
รวมถึงแสดงความเห็นถึงความคาดหวังจากการที่ควบรวมกันในครั้งนี้ ซึ่งมีทั้งความคาดหวังในเชิงของประสบการณ์ที่ตัวเองจะได้รับ ความคาดหวังในเรื่องของความครอบคลุมของเสาสัญญาณที่มากขึ้น คุณภาพอินเทอร์เน็ตที่เสถียรขึ้น ความคาดหวังผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของราคา และ สิทธิพิเศษต่างๆ จากประสบการณ์ที่เขาคาดหวังจะได้รับ
แต่อีกมุมนึงผู้บริโภคคาดว่า การรวมกันแล้วจะทำให้ราคาสูงขึ้น การพัฒนาสินค้าของตัวเองน้อยลง เพราะไม่มีการแข่งขันกันในตลาด รวมถึงคาดว่าคุณภาพของอินเทอร์เน็ตลดลง
ภาพความคิดเรื่องการผูกขาดเปลี่ยนเป็นความคาดหวังกับประสบการณ์ที่ได้รับ ‘หลังการควบรวม’
รวมถึงหลังจากการควบรวมกันแล้ว ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องในแง่มุมที่ต่างออกไป นั่นคือ ภาพของการผูกขาดหายไป แต่กลับเป็นความคาดหวังที่มุ่งไปใน เรื่องของประสบการณ์ที่ผู้บริโภคได้รับโดยตรง ในเรื่องของอินเทอร์เน็ต ราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงสิทธิพิเศษที่อยากได้เพิ่ม พร้อมกับเงื่อนไขต่างๆ ที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น
1.การผูกขาดของตลาด
2.ความกังวลในเรื่องของคุณภาพ การบริการ สิทธิพิเศษที่จะได้รับ
3.ผู้เกี่ยวข้องที่มีภาพลักษณ์เชิงลบที่ยอมให้ true และ dtac ควบรวมกิจการกัน
‘หลังจากการควบรวม’ ข้อสงสัยต่างๆ บนโลกโซเซียลได้จางลง ค่อยๆเปลี่ยนเป็นประเด็นใหม่ๆที่ใกล้ตัว
1.ความชื่นชมในส่วนของพรีเซ็นเตอร์คนใหม่
2.ความหลากหลายของสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้น
3.ประสบการณ์ในเรื่องของสัญญาณที่ดีขึ้น ความครอบคลุมของเสาสัญญาณที่เพิ่มมากขึ้น
ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความท้าทายให้ true และ dtac ได้ปรับตัวกันต่อไปเมื่อเรื่องของการผูกขาดไม่ใช่ประเด็นหลักที่คนพูดถึง แต่อาจจะยังต้องมีการขยับตัวเพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้
ถึงผลประโยชน์ที่ดีที่สุดที่พวกเขาได้รับและออกมายืนยันว่ายังคงใส่ใจในการพัฒนาตัวสินค้าและบริการที่ดีให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
เพราะหลังจากการประกาศควบรวมอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและให้ความสำคัญคือประสบการณ์ดีๆ ที่พวกเขาควรได้รับจาก true และ dtac ทั้งในแง่การใช้งานที่ดีขึ้น ราคาที่คุ้มค่าเหมาะสม รวมไปถึงการบริการที่เหนือกว่าและสร้างความพึงพอใจในระยะยาวได้นั่นเอง
matichon workpointtoday