บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา:
(1) ท่าทีของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโสเภณีทั้งหลาย ความหมาย ความเป็นมา และ (2) วิเคราะห์คุณธรรม ความจริงทางประสาทสัมผัส คุณค่า
และประโยชน์บางประการของโสเภณีในมุมมองเชิงปรัชญา ที่ปรากฏในสังคมและในคัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยการสะท้อนผ่านสังคมในอดีตและสังคมในปัจจุบันในบางแง่มุมของความคิด โสเภณีในสังคมไทยก็ดี ต่างประเทศก็ดี มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับทั้งศาสนาและสังคม ส่วนโสเภณีในพระพุทธศาสนามีปรากฏในคัมภีร์หลายเรื่อง แต่ละเรื่องได้สะท้อนทัศนคติ มุมมอง ปัญหาและภูมิหลังทางสังคมของคนในยุคนั้นเป็นอย่างดี จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้เขียนมีมุมมองบางประการในเรื่องของโสเภณี
คนส่วนใหญ่มักจะมองโสเภณีในด้านลบ เป็นอาชีพที่น่ารังเกียจ ไม่น่ายกย่อง ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อศีลธรรมที่ดีงามของสังคม ไม่ยอมรับโสเภณี บางสังคมก็รับโสเภณีได้
"ส่วนท่าทีของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโสเภณีนั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่า โสเภณีเป็นบุคคลประเภทหนึ่งที่สะท้อนความจริง ความจำเป็นพื้นฐานและโอกาสทางสังคมบางอย่าง รวมทั้งหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม สนับสนุนและสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อศาสนาและสังคมบางอย่างที่มีอยู่ภายใต้ร่มเงาของอาชีพนี้ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป"
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejChophayom/article/view/126449
บทบาทของนครโสเภณีที่ปรากฏในพระไตรปิฎก
นครโสเภณี กำเนิดมาจากอินเดียในสมัยโบราณ คือเจ้าชายลิจฉวีจำนวนมากมีความต้องการหญิงงามคนหนึ่ง ที่เมืองไพศาลีชื่อนาง อัมพปาลีมาเป็นของตน เกิดการแย่งชิงกันจนไม่สามารถตัดสินได้ว่าจะให้นางตกเป็นของใคร สภาเมืองไพศาลี จึงตัดสินให้นางอัมพปาลีตกเป็นของกลางประจำเมือง ผู้ใดต้องการหาความอภิรมย์กับนางต้องจ่ายเงินตามราคาที่กำหนด และได้ออกกฎหมายให้มีโสเภณีประจำเมืองขึ้นเป็นฉบับแรกของโลก เรียกว่า นครโสเภณี หมายถึงหญิงงามประจำนคร ตำแหน่งนี้ต้องได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ มีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ต่อมาเมืองต่าง ๆ ได้มีการแต่งตั้งหญิงงามในเมืองของตนเป็น นครโสเภณี
บทบาทของนครโสเภณีต่อพระพุทธศาสนา พบว่า
นครโสเภณี มีบทบาทต่อพระพุทธศาสนา คือ ด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนา นครโสเภณีเกือบทุกคน เมื่ออายุมากขึ้นจะบวชเป็นภิกษุณีจนบรรลุอรหันต์ และทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เช่นนางสิริมา ได้ตั้งสลากภัต 8 กอง แก่พระสงฆ์ ภิกษุ 8 รูปก็มาเรือนนางเป็นประจำ นางถวายบิณฑบาต โดยค่าใช้สอย 16 กหาปณะ ทุกวัน ด้านการสร้างศาสนวัตถุ พบว่า นางอัมพปาลี ได้ถวายสวนมะม่วงแด่พระพุทธเจ้าเพื่อสร้างวัด คือ “อัมพปาลีวัน” ด้านการปฏิบัติธรรม พบว่า นครโสเภณีเมื่อมีอายุมากขึ้น ได้หันหน้ามาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และออกบวชจนบรรลุธรรมขั้นสูงถึงอรหันต์ สำหรับนางสิริมา แม้นางไม่ได้ออกบวช ก็ได้บรรลุธรรมถึงขั้นโสดาบัน
https://www.firstojs.com/index.php/jpa/article/view/997
ท่าทีของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโสเภณี
(1) ท่าทีของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโสเภณีทั้งหลาย ความหมาย ความเป็นมา และ (2) วิเคราะห์คุณธรรม ความจริงทางประสาทสัมผัส คุณค่า และประโยชน์บางประการของโสเภณีในมุมมองเชิงปรัชญา ที่ปรากฏในสังคมและในคัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยการสะท้อนผ่านสังคมในอดีตและสังคมในปัจจุบันในบางแง่มุมของความคิด โสเภณีในสังคมไทยก็ดี ต่างประเทศก็ดี มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เกี่ยวข้องกับทั้งศาสนาและสังคม ส่วนโสเภณีในพระพุทธศาสนามีปรากฏในคัมภีร์หลายเรื่อง แต่ละเรื่องได้สะท้อนทัศนคติ มุมมอง ปัญหาและภูมิหลังทางสังคมของคนในยุคนั้นเป็นอย่างดี จากการศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้เขียนมีมุมมองบางประการในเรื่องของโสเภณี คนส่วนใหญ่มักจะมองโสเภณีในด้านลบ เป็นอาชีพที่น่ารังเกียจ ไม่น่ายกย่อง ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ขัดต่อศีลธรรมที่ดีงามของสังคม ไม่ยอมรับโสเภณี บางสังคมก็รับโสเภณีได้
"ส่วนท่าทีของพระพุทธศาสนาที่มีต่อโสเภณีนั้น ได้สะท้อนให้เห็นว่า โสเภณีเป็นบุคคลประเภทหนึ่งที่สะท้อนความจริง ความจำเป็นพื้นฐานและโอกาสทางสังคมบางอย่าง รวมทั้งหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม สนับสนุนและสร้างประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อศาสนาและสังคมบางอย่างที่มีอยู่ภายใต้ร่มเงาของอาชีพนี้ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะมองข้ามไป"
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/ejChophayom/article/view/126449
บทบาทของนครโสเภณีที่ปรากฏในพระไตรปิฎก
นครโสเภณี กำเนิดมาจากอินเดียในสมัยโบราณ คือเจ้าชายลิจฉวีจำนวนมากมีความต้องการหญิงงามคนหนึ่ง ที่เมืองไพศาลีชื่อนาง อัมพปาลีมาเป็นของตน เกิดการแย่งชิงกันจนไม่สามารถตัดสินได้ว่าจะให้นางตกเป็นของใคร สภาเมืองไพศาลี จึงตัดสินให้นางอัมพปาลีตกเป็นของกลางประจำเมือง ผู้ใดต้องการหาความอภิรมย์กับนางต้องจ่ายเงินตามราคาที่กำหนด และได้ออกกฎหมายให้มีโสเภณีประจำเมืองขึ้นเป็นฉบับแรกของโลก เรียกว่า นครโสเภณี หมายถึงหญิงงามประจำนคร ตำแหน่งนี้ต้องได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ มีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ต่อมาเมืองต่าง ๆ ได้มีการแต่งตั้งหญิงงามในเมืองของตนเป็น นครโสเภณี
บทบาทของนครโสเภณีต่อพระพุทธศาสนา พบว่านครโสเภณี มีบทบาทต่อพระพุทธศาสนา คือ ด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนา นครโสเภณีเกือบทุกคน เมื่ออายุมากขึ้นจะบวชเป็นภิกษุณีจนบรรลุอรหันต์ และทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้านอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เช่นนางสิริมา ได้ตั้งสลากภัต 8 กอง แก่พระสงฆ์ ภิกษุ 8 รูปก็มาเรือนนางเป็นประจำ นางถวายบิณฑบาต โดยค่าใช้สอย 16 กหาปณะ ทุกวัน ด้านการสร้างศาสนวัตถุ พบว่า นางอัมพปาลี ได้ถวายสวนมะม่วงแด่พระพุทธเจ้าเพื่อสร้างวัด คือ “อัมพปาลีวัน” ด้านการปฏิบัติธรรม พบว่า นครโสเภณีเมื่อมีอายุมากขึ้น ได้หันหน้ามาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง และออกบวชจนบรรลุธรรมขั้นสูงถึงอรหันต์ สำหรับนางสิริมา แม้นางไม่ได้ออกบวช ก็ได้บรรลุธรรมถึงขั้นโสดาบัน
https://www.firstojs.com/index.php/jpa/article/view/997