ผู้ชายเราพอจะได้มีวิธีเที่ยวผู้หญิงอย่างเป็นคนดีมีศีลมีธรรมแล้ว???
มันใช่ถูกต้องเหรอครับ???
พอดีไปเจอpostในFacebook ที่คุณ Pat Hemasuk post ไว้ใน (มีคนแชร์เป็นร้อยเลย)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1554355301274742&set=a.112655038778116.6787.100001008622491&type=3&theater
เข้าไปอ่านดูได้ครับ ถ้าย่อๆก็ดังนี้
+++++++++++++++++++++++++++++
สำหรับศาสนาพุทธแล้ว หญิงที่ต้องห้ามสำหรับชาย มี 3 ประเภท คือ
1. สัสสามิกา หญิงมีสามีอยู่ในปัจจุบัน
2. ญาติรักขิตา หญิงที่มีผู้ปกครอง ไม่เป็นอิสระแก่ตน มีมารดาบิดาหรือญาติรักษาดูแล
3. ธรรมรักขิตา หรือ จาริตา เช่นหญิงที่เป็นญาติทางสายเลือด หญิงที่เป็นนักบวช หญิงที่ต้องห้ามตามจารีตประเพณี
....
สมัยก่อนถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้ว
ไม่ละเมิดศีลข้อที่สามของบุคคลผู้ครองเรือนทั่วไป นั่นคือหญิงนครโสเภณี หรือถ้าแปลตรงตัวคือหญิงงามของเมือง....
นางสิริมา ที่เป็นน้องสาวของหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นหญิงนครโสเภณีรูปงามจนเล่าลือไปทั่ว นางได้ฟังธรรมสำเร็จโสดาปัตติผลเป็นโสดาบันแล้ว แต่ก็ยังประกอบอาชีพเดิมอยู่ (โสดาปฏิผล คือ ผู้ที่ฝึกตนจนได้มรรคผลนิพพานขั้นต้น เข้าถึงกระแสพระนิพพาน เวียนว่ายตายเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ) เพราะในสมัยนั้นโดยจารีตประเพณีไม่ได้นับว่าเธอเป็นหญิงต้องห้าม 3 ประเภทตามที่ผมกล่าวไปแล้ว ดังนั้น
เธอจึ่งไม่เข้าข่ายของการละเมิดทางเพศถ้ามีเงินพอที่จะจ่ายค่าตัวเธอ 1000 กหาปณะต่อหนึ่งคืน
อีกนางคือนางอัมพปาลี ที่เป็นหญิงหญิงนครโสเภณีรูปงามซึ่งต่อมาได้ฟังธรรมจากพระวิมลเถระบุตรชายของนาง รู้สึกซาบซึ้งในรสพระธรรมออกบวชจนบรรลุพระอรหัตผล (เธอท้องกับพระเจ้าพิมพิสารตอนที่ยังเป็นโสเภณีจนให้กำเนิดบุตรคือ วิมละ หรือ วิมลโกณฑัญญะ เมื่อบวชแล้ว) จะบอกว่าพระเจ้าพิมพิสารผิดศีลข้อกาเมสุมิฉาก็คงไม่เข้ากฎสักเท่าไร เพราะเธอไม่ใช่หญิงที่เข้าข่ายสามจำพวกนั้นแต่อย่างไร
เที่ยวผู้หญิงหากินไม่ผิดศีลถ้าไม่เข้าข่าย3ข้อนี้!
มันใช่ถูกต้องเหรอครับ???
พอดีไปเจอpostในFacebook ที่คุณ Pat Hemasuk post ไว้ใน (มีคนแชร์เป็นร้อยเลย)
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1554355301274742&set=a.112655038778116.6787.100001008622491&type=3&theater
เข้าไปอ่านดูได้ครับ ถ้าย่อๆก็ดังนี้
+++++++++++++++++++++++++++++
สำหรับศาสนาพุทธแล้ว หญิงที่ต้องห้ามสำหรับชาย มี 3 ประเภท คือ
1. สัสสามิกา หญิงมีสามีอยู่ในปัจจุบัน
2. ญาติรักขิตา หญิงที่มีผู้ปกครอง ไม่เป็นอิสระแก่ตน มีมารดาบิดาหรือญาติรักษาดูแล
3. ธรรมรักขิตา หรือ จาริตา เช่นหญิงที่เป็นญาติทางสายเลือด หญิงที่เป็นนักบวช หญิงที่ต้องห้ามตามจารีตประเพณี
....
สมัยก่อนถือว่าการมีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วไม่ละเมิดศีลข้อที่สามของบุคคลผู้ครองเรือนทั่วไป นั่นคือหญิงนครโสเภณี หรือถ้าแปลตรงตัวคือหญิงงามของเมือง....
นางสิริมา ที่เป็นน้องสาวของหมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นหญิงนครโสเภณีรูปงามจนเล่าลือไปทั่ว นางได้ฟังธรรมสำเร็จโสดาปัตติผลเป็นโสดาบันแล้ว แต่ก็ยังประกอบอาชีพเดิมอยู่ (โสดาปฏิผล คือ ผู้ที่ฝึกตนจนได้มรรคผลนิพพานขั้นต้น เข้าถึงกระแสพระนิพพาน เวียนว่ายตายเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ) เพราะในสมัยนั้นโดยจารีตประเพณีไม่ได้นับว่าเธอเป็นหญิงต้องห้าม 3 ประเภทตามที่ผมกล่าวไปแล้ว ดังนั้นเธอจึ่งไม่เข้าข่ายของการละเมิดทางเพศถ้ามีเงินพอที่จะจ่ายค่าตัวเธอ 1000 กหาปณะต่อหนึ่งคืน
อีกนางคือนางอัมพปาลี ที่เป็นหญิงหญิงนครโสเภณีรูปงามซึ่งต่อมาได้ฟังธรรมจากพระวิมลเถระบุตรชายของนาง รู้สึกซาบซึ้งในรสพระธรรมออกบวชจนบรรลุพระอรหัตผล (เธอท้องกับพระเจ้าพิมพิสารตอนที่ยังเป็นโสเภณีจนให้กำเนิดบุตรคือ วิมละ หรือ วิมลโกณฑัญญะ เมื่อบวชแล้ว) จะบอกว่าพระเจ้าพิมพิสารผิดศีลข้อกาเมสุมิฉาก็คงไม่เข้ากฎสักเท่าไร เพราะเธอไม่ใช่หญิงที่เข้าข่ายสามจำพวกนั้นแต่อย่างไร