
วันนี้เราจะเดินทางไปจังหวัดยังจังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงปลายฤดูฝนที่ทุกอย่างยังชุ่มช่ำ เราเดินทางออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่เช้ามืด ขับกันมาเรื่อยๆ คุยกันไป ฟังเพลงไป เราก็มาถึงที่นี้ในช่วงอาหารเที่ยงพอดี

เราแวะที่ร้านแรกกันเลย เป็นร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ รสชาติดีมาก แถมได้มิสลินไกด์ด้วย เมนูต่างๆ ทั้งแหนมเนือง เมี่ยงทอด เมี่ยงสด ข้าวเกรียบปากหม้อญวน ต่างตบเท้าออกจากครัว มาสู่ท้องอันหิวโหยของพวกเราอย่างพร้อมเพรียง

หลังจากอิ่มเสร็จจากมื้อหลัก เราต่อด้วยกาแฟ อเมริกาโน่ คั่วกลาง ที่ร้าน Life Roaster ที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่บล๊อก ที่อุบลนี้เมืองถูกออกแบบมาเป็นบล๊อกทำให้ทุกที่มีถนนที่วิ่งผ่านได้รอบ ทำให้ดูเป็นระเบียบและสะดวกสบายดีทีเดียว

หลังจากได้รับคาเฟอีน กันจนเพียงพอเวลาก็บ่ายแก่ๆล่วงเข้ามาแล้ว เราขับรถไปนิดเดียว ก็มาถึงทุ่งศรีเมือง อันเป็นที่ประดิษฐาน ของศาสหลักเมืองของจังหวัด อุบลราชธานี

เรารับดอกไม้ธูปเทียน และเข้าไปกราบสักการะ ศาลหลักเมือง

เดินออกจากศาล อากาศเย็นสบาย กับแสงแดดยามบ่าย มีเด็กๆออกมาเล่นว่าว กันอย่างสนุกสนาน

รูปปั้นงานแห่เทียน พรรษา ที่ทุ่งศรีเมือง

หลังจากเดินกันจนเริ่มเหนื่อย แวะทานข้าวจี่ร้อนๆ จิ้มกับแจ่วปลาร้า ที่ร้านรถเข็นข้างทาง ที่ดูเหมือนว่าจะขายมานานมากๆแล้ว รสชาติเค็มๆมันๆเพลินดียิ่งนัก

หลังจากได้พลังจากข้าวจี่กันแล้ว เราดั้นด้นขึ้นรถขับไปอีก 70 กิโล ออกนอกเมืองอุบล มุ่งไปทาง ด่านช่องเม็ก ชายแดนติดกับประเทศลาว จนมาถึงวัด วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดเรืองแสง หลังจากจอดรถเสร็จ เดินมาไม่กี่ก้าวก็จะเจอบันไดทางขึ้นของจุดชมวิว ที่ดูแปลกตาเราไม่รอช้ารีบขึ้นไปดู วิวที่สวยงามบวกกับลมเย็นพัดผ่าน ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจขึ้นมาทันที

วิวที่เราได้พบ อีกฝั่งคือประเทศลาว

หลังจากอิ่มเอมกับวิวแล้วเราเดินมายัง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ โดยใช้แบบจากวัดเชียงทอง ในประเทศลาว แต่มีขนาดที่ขยายใหญ่กว่า ทางเดินเข้าวัดที่นี้เป็นลวดลาย คาแรคเตอร์ต่างๆ ร่วมสมัย คงตั้งใจทำขึ้นเพื่อดึงดูดเด็กให้สนใจในวัดมากขึ้น

ตัววัดจากด้านนอกสวยงาม ตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว

ภายในอุโบสถ เปิดเพลงสวดคลอๆ บวกกับบรรยากาศ ผู้คนที่ดูสำรวม ทำให้บรรยากาศดูมีมนต์มากเลยทีเดียว

ด้านนอกพระสงฆ์กำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดลานวัดกัน ยิ่งทำให้เรารู้สึกเลื่อมใสขึ้นไปอีก

ตอนนี้เวลาเกือบหกโมงเย็น พระอาทิตย์เริ่มอัสดงลงที่ปลายขอบฟ้า

หลังจากพระอาทิตย์ตก ทุกคนเริ่มตื่นเต้นกับภาพที่จะได้เห็น บรรยากาศโดยรอบสวยงามน่าตื่นตา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น เด็กๆพาคนในครอบครัวดูววัดเรืองแสงกันอย่างสนุก ผู้ใหญ่ก็คุยกันถึงความงามที่ได้พบ หรือบางคนก็เพียงหยุดมองกับความงามที่ได้ผ่านพบ

ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง

หลังจากชมความงามอยู่จนเต็มอิ่ม เราก็เดินทางกลับผ่านเส้นทางเดิมที่บัดนี้ ปกคลุมไปด้วยความมืด จนกลับมาถึงตัวเมืองอุบล
ตื่นแต่เช้า หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ เรามาที่ร้าน ก๋วยจั๊บตาหมี ที่ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนปัจจุบันกลายมาเป็นลูกชายมาขายแทนแล้ว ก๋วยจั๊บญวน กินกับปาท่องโก๋ ในยามเช้า ช่างสบายท้องจริงๆ

อิ่มท้องกันแล้วเราไปที่ ผาแต้มกัน เดินทางออกจากเมือง ผ่านตึกเก่าแก่ดูแปลกตา

ระยะทางประมาณ 95 กิโล เราเดินทางมาถึงผาแต้ม หลังจากจ่ายค่าเข้าอุทยานเรียบร้อยเราก็มาถึงจุดแรก เสาเฉลียง อายุประมาณ 180 ล้านปี เป็นหินทรายที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะ จนเป็นรูปร่างอย่างในทุกวันนี้

หลังจากชื่นชมกับเสาเฉลียงรูปร่างแปลกตา เราเดินผ่านทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะขึ้นเขามาไม่ไกล จนพบกับลานหินแตก

ลานหินแตกเป็นลานหินที่แยกตัวจากยกตัวของเปลือกโลก จนเกิดภาพแบบนี้ นับว่าสร้างความประทับใจให้กับเรามากทีเดียว

เราเดินดูไปรอบๆพลันฉุกคิดว่า ร่องพวกนี้ลึกมากทีเดียว ถ้าตกลงไปคงจะแย่

เราเดินย้อนกลับไปที่เสาเฉลียงและไปยังจุดถัดไปคือ ผาแต้ม

ที่นี้อยู่ใกล้กับผาชนะไดซึ่งเป็นที่ๆ เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นที่แรกของประเทศไทย เนื่องด้วยอยู่ในจุดตะวันออกสุดนั่นเอง

เดินลงไปทางนี้เพื่อชมภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า สี่พันปีกัน

ระหว่างทางเดินเลียบผ่านผาหินสีแดง สวยงามและสดชื่นจนเราลืมจุดหมายไปเลยทีเดียว


ถึงแล้วจุดภาพเขียนสี จริงๆแล้วจะมีอยู่หลายจุดแต่จุดนี้จะชัดเจนและมีสตอรี่มากที่สุด ที่จุดนี้จะมีน้องๆอาสาสมัครมาให้ข้อมูลเรื่องภาพเขียน ช่างเป็นเด็กที่น่าชื่นชมจริงๆ

นับว่าเป็นภาพที่ชัดกว่าที่เราคิด มีทั้งรูปช้าง ปลา และอุปกรณ์จับปลา รวมถึงรอยประทับมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้วาด น่าประทับใจเมื่อเราหลับตานึกย้อน ไปถึง 3,000 ปีที่แล้ว คนที่ก็น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ได้ต่างจากเรา ในยุคนี้ เค้าจะอยู่กันแบบไหนและมีความสุข ง่ายหรือยากกว่าในยุคนี้กันนะ

หลังจากชื่นชมภาพเขียนเสร็จเราเดินย้อนกลับมา ทางเดิมความสวยงามที่นี้ช่างมากมายจริงๆ กล่าวได้ว่า ไฮไลด์ของที่นี้คือทุกที่จริงๆ

เราเดินทางออกจากผาแต้ม แวะคาเฟ่ใกล้ๆ นั่งทานข้าวเย็นกับวิวแม่น้ำโขง ราคากาแฟที่นี้เอาเรื่องทีเดียวแต่ถ้าเทียบกับความตั้งใจของร้านที่มาซ่อนตัวอยู่ในนี้ และทำร้านที่สวยแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นที่ๆน่าแวะมาครับ


หลังจากอิ่มท้องและอิ่มวิวกันแล้วเราเดินทางต่อไปยังด่านช่องเม็ก ซึ่งก็ยังมีชาวบ้านนำของกินของใช้มาวางขายกันอยู่พอสมควร


สมควรแก่เวลา ทุกคนเริ่มเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน เราขับรถกลับไปที่ตัวเมืองอุบล เพื่อนอนค้างอีก 1 คืนก่อนจะเดินทางกลับกันในตอนเช้า

นับเป็นจังหวัดที่มีทั้งความเจริญ ความสงบ วัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม สุดท้ายแล้วสิ่งที่สวยงามและแท้จริงที่สุดก็คือธรรมชาตินี้ละครับ
[CR] อุบลราชธานี การเดินทางแห่งความสุขที่ไม่ไกลตัวเรา
วันนี้เราจะเดินทางไปจังหวัดยังจังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงปลายฤดูฝนที่ทุกอย่างยังชุ่มช่ำ เราเดินทางออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่เช้ามืด ขับกันมาเรื่อยๆ คุยกันไป ฟังเพลงไป เราก็มาถึงที่นี้ในช่วงอาหารเที่ยงพอดี
เราแวะที่ร้านแรกกันเลย เป็นร้านอาหารเวียดนามเก่าแก่ รสชาติดีมาก แถมได้มิสลินไกด์ด้วย เมนูต่างๆ ทั้งแหนมเนือง เมี่ยงทอด เมี่ยงสด ข้าวเกรียบปากหม้อญวน ต่างตบเท้าออกจากครัว มาสู่ท้องอันหิวโหยของพวกเราอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากอิ่มเสร็จจากมื้อหลัก เราต่อด้วยกาแฟ อเมริกาโน่ คั่วกลาง ที่ร้าน Life Roaster ที่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่บล๊อก ที่อุบลนี้เมืองถูกออกแบบมาเป็นบล๊อกทำให้ทุกที่มีถนนที่วิ่งผ่านได้รอบ ทำให้ดูเป็นระเบียบและสะดวกสบายดีทีเดียว
หลังจากได้รับคาเฟอีน กันจนเพียงพอเวลาก็บ่ายแก่ๆล่วงเข้ามาแล้ว เราขับรถไปนิดเดียว ก็มาถึงทุ่งศรีเมือง อันเป็นที่ประดิษฐาน ของศาสหลักเมืองของจังหวัด อุบลราชธานี
เรารับดอกไม้ธูปเทียน และเข้าไปกราบสักการะ ศาลหลักเมือง
เดินออกจากศาล อากาศเย็นสบาย กับแสงแดดยามบ่าย มีเด็กๆออกมาเล่นว่าว กันอย่างสนุกสนาน
รูปปั้นงานแห่เทียน พรรษา ที่ทุ่งศรีเมือง
หลังจากเดินกันจนเริ่มเหนื่อย แวะทานข้าวจี่ร้อนๆ จิ้มกับแจ่วปลาร้า ที่ร้านรถเข็นข้างทาง ที่ดูเหมือนว่าจะขายมานานมากๆแล้ว รสชาติเค็มๆมันๆเพลินดียิ่งนัก
หลังจากได้พลังจากข้าวจี่กันแล้ว เราดั้นด้นขึ้นรถขับไปอีก 70 กิโล ออกนอกเมืองอุบล มุ่งไปทาง ด่านช่องเม็ก ชายแดนติดกับประเทศลาว จนมาถึงวัด วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือวัดเรืองแสง หลังจากจอดรถเสร็จ เดินมาไม่กี่ก้าวก็จะเจอบันไดทางขึ้นของจุดชมวิว ที่ดูแปลกตาเราไม่รอช้ารีบขึ้นไปดู วิวที่สวยงามบวกกับลมเย็นพัดผ่าน ทำให้เรารู้สึกอิ่มใจขึ้นมาทันที
วิวที่เราได้พบ อีกฝั่งคือประเทศลาว
หลังจากอิ่มเอมกับวิวแล้วเราเดินมายัง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวซึ่งเป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ โดยใช้แบบจากวัดเชียงทอง ในประเทศลาว แต่มีขนาดที่ขยายใหญ่กว่า ทางเดินเข้าวัดที่นี้เป็นลวดลาย คาแรคเตอร์ต่างๆ ร่วมสมัย คงตั้งใจทำขึ้นเพื่อดึงดูดเด็กให้สนใจในวัดมากขึ้น
ตัววัดจากด้านนอกสวยงาม ตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว
ภายในอุโบสถ เปิดเพลงสวดคลอๆ บวกกับบรรยากาศ ผู้คนที่ดูสำรวม ทำให้บรรยากาศดูมีมนต์มากเลยทีเดียว
ด้านนอกพระสงฆ์กำลังตั้งหน้าตั้งตากวาดลานวัดกัน ยิ่งทำให้เรารู้สึกเลื่อมใสขึ้นไปอีก
ตอนนี้เวลาเกือบหกโมงเย็น พระอาทิตย์เริ่มอัสดงลงที่ปลายขอบฟ้า
หลังจากพระอาทิตย์ตก ทุกคนเริ่มตื่นเต้นกับภาพที่จะได้เห็น บรรยากาศโดยรอบสวยงามน่าตื่นตา ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น เด็กๆพาคนในครอบครัวดูววัดเรืองแสงกันอย่างสนุก ผู้ใหญ่ก็คุยกันถึงความงามที่ได้พบ หรือบางคนก็เพียงหยุดมองกับความงามที่ได้ผ่านพบ
ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง
หลังจากชมความงามอยู่จนเต็มอิ่ม เราก็เดินทางกลับผ่านเส้นทางเดิมที่บัดนี้ ปกคลุมไปด้วยความมืด จนกลับมาถึงตัวเมืองอุบล
ตื่นแต่เช้า หลังจากพักผ่อนอย่างเต็มที่ เรามาที่ร้าน ก๋วยจั๊บตาหมี ที่ขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนปัจจุบันกลายมาเป็นลูกชายมาขายแทนแล้ว ก๋วยจั๊บญวน กินกับปาท่องโก๋ ในยามเช้า ช่างสบายท้องจริงๆ
อิ่มท้องกันแล้วเราไปที่ ผาแต้มกัน เดินทางออกจากเมือง ผ่านตึกเก่าแก่ดูแปลกตา
ระยะทางประมาณ 95 กิโล เราเดินทางมาถึงผาแต้ม หลังจากจ่ายค่าเข้าอุทยานเรียบร้อยเราก็มาถึงจุดแรก เสาเฉลียง อายุประมาณ 180 ล้านปี เป็นหินทรายที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะ จนเป็นรูปร่างอย่างในทุกวันนี้
หลังจากชื่นชมกับเสาเฉลียงรูปร่างแปลกตา เราเดินผ่านทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะขึ้นเขามาไม่ไกล จนพบกับลานหินแตก
ลานหินแตกเป็นลานหินที่แยกตัวจากยกตัวของเปลือกโลก จนเกิดภาพแบบนี้ นับว่าสร้างความประทับใจให้กับเรามากทีเดียว
เราเดินดูไปรอบๆพลันฉุกคิดว่า ร่องพวกนี้ลึกมากทีเดียว ถ้าตกลงไปคงจะแย่
เราเดินย้อนกลับไปที่เสาเฉลียงและไปยังจุดถัดไปคือ ผาแต้ม
ที่นี้อยู่ใกล้กับผาชนะไดซึ่งเป็นที่ๆ เห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นที่แรกของประเทศไทย เนื่องด้วยอยู่ในจุดตะวันออกสุดนั่นเอง
เดินลงไปทางนี้เพื่อชมภาพเขียนสีโบราณอายุกว่า สี่พันปีกัน
ระหว่างทางเดินเลียบผ่านผาหินสีแดง สวยงามและสดชื่นจนเราลืมจุดหมายไปเลยทีเดียว
ถึงแล้วจุดภาพเขียนสี จริงๆแล้วจะมีอยู่หลายจุดแต่จุดนี้จะชัดเจนและมีสตอรี่มากที่สุด ที่จุดนี้จะมีน้องๆอาสาสมัครมาให้ข้อมูลเรื่องภาพเขียน ช่างเป็นเด็กที่น่าชื่นชมจริงๆ
นับว่าเป็นภาพที่ชัดกว่าที่เราคิด มีทั้งรูปช้าง ปลา และอุปกรณ์จับปลา รวมถึงรอยประทับมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของผู้วาด น่าประทับใจเมื่อเราหลับตานึกย้อน ไปถึง 3,000 ปีที่แล้ว คนที่ก็น่าจะมีความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ได้ต่างจากเรา ในยุคนี้ เค้าจะอยู่กันแบบไหนและมีความสุข ง่ายหรือยากกว่าในยุคนี้กันนะ
หลังจากชื่นชมภาพเขียนเสร็จเราเดินย้อนกลับมา ทางเดิมความสวยงามที่นี้ช่างมากมายจริงๆ กล่าวได้ว่า ไฮไลด์ของที่นี้คือทุกที่จริงๆ
เราเดินทางออกจากผาแต้ม แวะคาเฟ่ใกล้ๆ นั่งทานข้าวเย็นกับวิวแม่น้ำโขง ราคากาแฟที่นี้เอาเรื่องทีเดียวแต่ถ้าเทียบกับความตั้งใจของร้านที่มาซ่อนตัวอยู่ในนี้ และทำร้านที่สวยแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นที่ๆน่าแวะมาครับ
หลังจากอิ่มท้องและอิ่มวิวกันแล้วเราเดินทางต่อไปยังด่านช่องเม็ก ซึ่งก็ยังมีชาวบ้านนำของกินของใช้มาวางขายกันอยู่พอสมควร
สมควรแก่เวลา ทุกคนเริ่มเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวัน เราขับรถกลับไปที่ตัวเมืองอุบล เพื่อนอนค้างอีก 1 คืนก่อนจะเดินทางกลับกันในตอนเช้า
นับเป็นจังหวัดที่มีทั้งความเจริญ ความสงบ วัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงาม สุดท้ายแล้วสิ่งที่สวยงามและแท้จริงที่สุดก็คือธรรมชาตินี้ละครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น