ก่อนอื่น ขอสวัสดีครับ เพื่อนๆห้องบลู ทุกๆท่าน ผมเองห่างหายไปนานกับการทำรีวิว รวมถึงห่างหายจากห้องบลูไปนานมากๆๆๆๆๆๆ เช่นกัน ตั้งแต่ช่วง Covid ซึ่งไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ผมเองก็ต้องปรับตัวอย่างใหญ่หลวงกับการ maintain ให้ทุกสิ่งอย่างยังคงดำเนินต่อไปได้ ไม่แตกต่างจากหลายๆท่านซักเท่าไหร่
Series ของพ่อบ้านหนีเที่ยวใน season II หลังจากที่ season I ผมได้ทำรีวิวไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/38474026
ผมก็ไม่คิดที่จะทำรีวิวอีก (อาจจะเพราะมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย) และผมก็ไม่ได้มีเวลาสำหรับ entertain ตัวเองแล้วเยอะเหมือนก่อน แต่พอหยุดเที่ยวไปนานๆ พอได้คุยกะเพื่อนๆรอบตัว ซึ่งใครๆก็อยู่ในภาวะอยากเที่ยวทำให้ผมรู้สึกว่า เฮ้ย !!! กระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยว season I ของผม ผมยังเอาไปแชร์ให้เพื่อนคนอื่นๆเป็นแนวทางได้นอกจากนั้น ยังถือว่าเป็นช่วงของความทรงจำดีๆของผม ซึ่งนอกจากผมจะได้ถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์และการวางแผนเดินทางในสไตล์ผมแล้ว ผมยังมีช่องทางในการบันทึกช่วงเวลาดีๆของผมเหมือนเป็น diary เล่มนึง ที่เวลาคิดถึงก็เปิดกลับมาอ่านได้อีกรอบ ประกอบกับ เพื่อนร่วมทริปของผม ส่งข้อความมาว่า facebook เด้งเตือนว่า วันนี้เมื่อปีก่อน เรากำลังเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ผมกลับมีแรงบันดาลใจในการเขียนกระทู้ขึ้นอีกครั้ง กระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยวใน season II จึงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้
ตามที่ได้เกริ่นไปว่า แรงบันดาลใจในการทำกระทู้นี้ เริ่มตั้งแต่เพื่อนผมที่ไปด้วยกัน remind ผมว่าครบปีแล้วที่เราไปกันมา แต่กว่าผมจะรวบรวมข้อมูล นั่งเรียบเรียงทุกสิ่งอย่าง เลือกรูปต่างๆ ก็เรียกว่า ทำๆหยุดๆ ตามที่เวลาจะอำนวยกระทู้นี้เลยใช้เวลาเขียนนานมากๆๆๆๆ กว่าจะแล้วเสร็จก็ปาเข้าไปเดือนตุลาคม 2023 (ห่างจากเวลาเดินทางจริง ร่วม3 ปี) ตามวันที่ได้โพสกระทู้ ถ้าหากกระทู้นี้ตกๆหล่นๆสาระอะไปไปบ้าง ผมต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะเขียนขึ้นจากความทรงจำที่เลือนลางมาสามปีกว่าๆแล้วจริงๆ แหะๆๆๆ

และเพื่อให้การหนีเที่ยวไม่ผิดบาปจนเกินไป พ่อบ้านที่ดีจึงต้องทำการขออนุญาตภรรยาก่อนเป็นอันดับแรก (เหมือนเดิม)

ต้องขอชี้แจงก่อนว่า ได้มีการพูดคุยขออนุญาตปากเปล่ากันแล้วว่าจะขอไปเที่ยวกับเพื่อนนะ แต่ตอนกำลังจะจองตั๋วก็ถามไปทาง line เพื่อให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร (ตามหลัก The best evidence rule ^^) เมื่อผ่านด่านแรกไปอย่างง่ายดาย (หรือเปล่า) ก็เริ่มดำเนินการจองตั๋วและที่พัก เรื่องตั๋วเครื่องบิน ผมเคยรีวิวไปในคราวก่อน คราวนี้จะไม่รีวิวซ้ำ เพราะไม่ได้มีอะไรใหม่ สำหรับที่พัก ตามหัวเรื่องคงทราบกันแล้วว่าผมเดินทางไปยังภูมิภาค Tohoku ที่พักที่ผมจองในรอบนี้ก็จะพักกันในภูมิภาค Tohoku ตลอดทั้งทริปโดยไม่ได้แวะเถลไถลที่อื่นเลย
Tohoku Region จะประกอบด้วย 6 Prefectures ได้แก่ Aomori, Akita, Iwate, Miyagi, Yamagata และ Fukushima ซึ่งผมเองเคยเดินทางมายังภูมิภาคนี้ก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้ง คือพาพ่อตาแม่ยายมาช่วงซากุระเมื่อปี2017 ซึ่งจำได้แม่นยำเลยว่า เป็นปีที่ซากุระบานช้ามาก ช่วงสงกรานต์ ใน Tokyo เพิ่งจะเป็นช่วง full bloom ในคราวนั้นผมไปเพียงแค่ 2 ที่คือไป Hanamiyama ที่ Fukushima และ Funaokajyo Park ที่ Sendai หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปในภูมิภาคนี้อีกเลย จนกระทั้งรอบนี้ ได้กลับมาเยือนภูมิภาค Tohoku อีกครั้ง แต่เปลี่ยนช่วงเดินทาง มาในช่วงที่หิมะน่าจะหนาที่สุดในรอบปี สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมมีระยะเวลาเดินทางเพียง 9 วัน ก็จะเดินทางเกือบครบทุกจังหวัดใน Tohoku ขาดเพียงแค่ Fukushima ที่ไม่ได้ไป สำหรับที่พัก ผมก็ยังยึดถือหลักการเดิมคือเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ตามเมืองที่ไป ไม่ได้พักที่เดียวยาวๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทาง โดยเฉพาะสำหรับภูมิภาคนี้ที่แต่ละเมืองใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน รวมถึงตารางรถไฟที่อาจจะไม่ได้ถี่มากนัก ทำให้การวางแผนท่องเที่ยว ค่อนข้าง fix เวลาได้ยากมากกว่าทริปอื่นพอสมควร ทริปนี้ผมเปลี่ยนที่พักทั้งหมด 7 ครั้ง ดังนี้
1. พักที่ Aomori 2 คืน
2. พักที่ Ichinoseki 1 คืน
3. พักที่ Yamagata 1 คืน
4. พัก ryokan ที่ Zao onsen town 1 คืน
5. พักที่ Tazawako 1 คืน
6. พักที่ Kakunodate 1 คืน และ
7. พักที่ Omagari 1 คืน
สำหรับที่พักใน 4 คืนแรก ด้วย brand royalty ที่มีให้แก่ Toyoko-inn ทำให้ผมก็ยังคงใช้บริการ Toyoko-inn อยู่ ซึ่งสมาชิกอย่างผมก็จองล่วงหน้าได้ 6 เดือนเหมือนเคยครับ ที่พักที่ toyoko inn อาจจะไม่ได้รีวิวเพิ่มเติมเพราะไม่ได้มีอะไรใหม่เช่นกัน หากท่านใดสนใจสามารถย้อนกลับไปดูกระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยว season I ได้ครับ
Ryokan ในคืนที่ 5 ผมลังเลอยู่นานว่าจะนอนที่ Zao onsen หรือว่า Ginzan onsen ดีเพราะน่าสนใจทั้งสองที่แต่ตาม plan ผมน่าจะต้องเลือกที่ใดที่หนึ่ง เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายและเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก สุดท้ายหวยก็ไปลงที่ Zao onsen เพราะผมมองว่าผมน่าจะได้ทำกิจกรรมที่นี่ได้หลายหลากมากกว่า รวมถึง light up บน Mt. Zao ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่น่าไปเยือนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การพักที่ Mt.Zao ก่อให้เกิดปัญหาOption overloaded กับผม เนื่องจาก Ryokan ที่ Zao onsen town มีให้เลือกเฉียดๆ 100 แห่ง ผมหาข้อมูลเบื้องต้นจาก
http://www.zao-spa.or.jp/english/stay/ ต้องบอกตามตรงก่อนว่าตอนแรกผม ก็เหมือนจะมีอาการ Choice Paralysis คือมันมีให้เลือกเยอะมากจนผมน่าจะเข้าไปดูข้อมูลของแต่ละแห่งได้ไม่ถึงครึ่งสุดท้ายผมต้องตั้งหลักจากตำแหน่งของ ryokan คือเลือกที่พักที่ไม่ไกลจาก ropeway มากนัก หลักจากที่ผมผ่านพ้นอาการ FOBO มาแล้ว ryokan ที่ผมเลือกก็คือ Oomiya ryokan เนื่องด้วย มี website ที่มีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ตาม link นี้
http://www.oomiyaryokan.jp/ และมีบ่อ onsen ที่ดูดี (ดูรูปได้ที่ website ของryokan ได้เลยครับ) และที่สำคัญคือ มีบริการรถรับส่งจากสถานี Yamagata มาที่โรงแรม ทำให้ผมประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้เยอะ (แต่ต้องโทรจองก่อนเข้าพัก 3 วันครับ) สำหรับ Oomiya ryokan สามารถจองผ่านwebsite ของทางโรงแรมได้โดยตรง แต่สำหรับผม ผมจองผ่าน japanican เนื่องจาก หากจองผ่าน website ของโรงแรมจะต้องชำระเงินโดยการตัดบัตรเครดิตทันที แต่การจองผ่าน japanican สามารถเลือกที่จะไปจ่ายหน้างานได้ ซึ่งราคาเหมือนจะไม่ต่างกันมากนัก รวมถึงการจองผ่าน japanican เป็นการจองแบบยกเลิกได้เช่นเดิมเหมือนที่เคยๆจองมา ซึ่งผมจอง ryokan ผ่านทาง japanican น่าจะเป็นครั้งที่ 4-5 ละครับ ยังไม่เคยมีปัญหาอะไร
คืนที่ 6 ตาม plan ผมจะย้ายจาก Yamagata ไป Akita โดยแวะเที่ยวที่ Tazawako ก่อน หลายท่านที่เที่ยวที่นี่ก็จะมักเลือกนอนใน Nyuto onsen แต่เนื่องจากงบประมาณอันมีจำกัด ผมเลยเลือกที่จะแวะไป Nyuto onsen เฉพาะแค่ไป onsen อย่างเดียว แต่ไม่ได้ค้างคืน โดยหาที่พักใกล้ๆ สถานี Tazawako แทน โรงแรม (จริงๆ น่าจะเรียกว่าเป็น Guest house มากกว่า) ที่ผมเลือกชื่อ 森湖休 (อ่านว่า Shinkyokyū จากตัวคันจิ ที่เอามาจากตัวอักษรจีน ก็น่าจะแปลคร่าวๆได้ว่าบ้านไม้ริมทะเลสาบ) สามารถเดินมาจาก tazawako station เพียง 300 เมตร ผมเองยังไม่เคยเจอรีวิวภาคภาษาไทยของที่นี่เช่นกัน แต่ที่เลือกที่นี่เพราะ location ของที่พักล้วนๆ OTA ที่ผมจองคือ ผมจองผ่าน website ของ travel.rakuten ซึ่งต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน และเป็น website ภาคภาษาญี่ปุ่น (ซึ่งหากเลือกเป็นภาษาอังกฤษนะหาที่พักที่ผมจองไม่เจอ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงใช้กันคนละระบบ) รายละเอียดของที่พักตาม link นี้ครับ
https://hotel.travel.rakuten.co.jp/hotelinfo/plan/80613 และเหมือนว่าจะเป็นที่พักที่ถูกที่สุดแล้วในทริป คือ ตกราวๆ คนละ ¥3000 (ซึ่งจองแบบจ่ายหน้างานได้เช่นกัน) เป็นที่พักแบบนอน futon และห้องน้ำรวมครับ (รวมถึงที่พักที่นี่มีช่วง curfew ด้วยนะครับ จะต้องมา check in ไม่เกิน22:30 และอาบน้ำได้ถึงแค่ไม่เกิน 23:00 น.)
ที่พักคืนที่ 7 เนื่องจากวันสุดท้ายของทริป ผมจะนั่งรถไฟรอบแรกเพื่อไป Mt. Moriyoshi ซึ่งออกจากสถานีKakunodate ตั้งแต่ 06:30 น. คืนนี้ผมจึงต้องเลือกนอนที่สถานี Kakunodate อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่ดู google maps โดยเล็งโรงแรมที่ใกล้สถานี ปรากฏว่าโรงแรมดังกล่าว ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง (ขอไม่เอ่ยชื่อล่ะกันนะครับ) ผมเลยลองมองหาที่พักที่ขยับออกจากสถานีออกมาหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่เดินได้ สุดท้ายผมก็เจอ Guest house ชื่อ Guest house Fuga โดยรายละเอียดของโรงแรมตาม link นี้ครับhttp://guesthouse.la-fuga.com/ โรงแรมนี้ผมใช้วิธีการ email ไปหาเจ้าของ guest house ชื่อคุณ Eiko Miura ที่ eikomiura66@gmail.com โดยผมสามารถจองที่พักผ่าน email ดังกล่าวได้เลย Guest house ที่นี่มีข้อจำกัดเล็กน้อยคือ ไม่มีห้องอาบน้ำ แต่สามารถเดินไป public bath ได้ในระยะ 350 เมตร (การท่องเที่ยวในฤดูหนาวอาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับการอาบน้ำเช้าค่ำมากเท่าไหร่) เอาเป็นว่าเป็นที่พักที่อยู่ในราคาที่ผมและเพื่อนๆที่ไปด้วยกันรับได้ คือตกคนละ ¥5000 (excld. bf) และอาหารเช้าก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับทริปเรา (ที่พักมีอาหารเช้าที่ต้องซื้อเพิ่มต่างหาก แต่ด้วยผมเดินทางเช้าเลยจองแบบไม่รับอาหารเช้า)
สำหรับที่พักคืนสุดท้ายใน Tohoku ของผม เป็นคืนที่ผมหาที่พักได้ยากที่สุด เนื่องจากวันนี้ ผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวงาน Yokote Kamakura snow festival ซึ่งตอนแรกผมก็ตั้งใจจะหาที่พักที่ใกล้สถานี Yokote นี่แหละเพื่อความสะดวก แต่สุดท้ายผมไม่สามารถหาที่พักที่อยู่บริเวณโดยรอบสถานีได้เลย เต็มๆๆๆ ทุกที่ ซึ่งผมอาจจะผิดเองที่จองช้าเกินไป แต่ไม่เป็นไร ผมมี plan B คือขยับขึ้นไปพักที่สถานี Omagari แทน ซึ่งก็มีข้อดีคือ ในวันรุ่งขึ้นที่ผมจะต้องกลับไป Tokyo รถไฟออกจาก Akita station ก็จะแวะที่ Omagari เป็นสถานีที่สองก่อนจะยิงยาวเข้า Tokyo ผมก็สามารถขึ้นรถไฟกลับ Tokyo ที่สถานี Omagari โดยไม่ต้องนั่งรถไฟจาก Yokote มาเปลี่ยนรถไฟที่นี่ก่อน โรงแรมที่ผมจองคือ Hotel Fuji Daisen โดยจองผ่าน website ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีคือ booking.com ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจว่าจะจองผ่าน travel.rakuten เหมือนที่พักที่ Tazawako นี่แหละ แต่ก็งงๆว่า travel.rakuten ขึ้นรายละเอียดที่พักแต่ระงับการจองชั่วคราว หลังจากจองผ่าน booking.com กลับได้email ยืนยันจาก OYO ซึ่งทำให้งงเข้าไปอีก ผมเลย email ไปหาโรงแรมอีกครั้งเพื่อทำการ re-confirm ซึ่งทางโรงแรมก็ email กลับมา สร้างความสบายใจให้ผมไปได้นิดนึง เกือบลืมบอกไปว่าที่พักที่นี่ ผมจองเป็นfuton นอนพื้นและเป็นห้องน้ำในตัวครับ
ค่าโรงแรมของผมในรอบนี้ รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ ¥51,000 (ราวๆ 14,900 บาท) ซึ่งราคาที่พักที่แพงที่สุดก็น่าจะเป็นที่ Zao onsen คือโดยปกติใน 1 ทริปของผม ก็จะมีคืนที่นอนแพงแบบนี้ 1-2 คืน ให้พอรับรู้ว่าเคยนอน Ryokan ดีๆมาแล้วบ้าง พอกรุบกริบ ทริปนี้กว่าจะจองที่พักเสร็จก็ปาเข้าไปต้นเดือน พฤศจิกายน 2019 คือ 3 เดือนก่อนเดินทาง ซึ่งถ้าหากจองช้ากว่านี้ อาจจะหาที่พักได้ยากขึ้นแล้วสำหรับบางที่
[CR] #พ่อบ้านหนีเที่ยว (Season II) : Winter festivals in Tohoku 2020 ทริปสุดท้ายก่อนโควิด พิชิต snow monster
Series ของพ่อบ้านหนีเที่ยวใน season II หลังจากที่ season I ผมได้ทำรีวิวไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมก็ไม่คิดที่จะทำรีวิวอีก (อาจจะเพราะมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย) และผมก็ไม่ได้มีเวลาสำหรับ entertain ตัวเองแล้วเยอะเหมือนก่อน แต่พอหยุดเที่ยวไปนานๆ พอได้คุยกะเพื่อนๆรอบตัว ซึ่งใครๆก็อยู่ในภาวะอยากเที่ยวทำให้ผมรู้สึกว่า เฮ้ย !!! กระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยว season I ของผม ผมยังเอาไปแชร์ให้เพื่อนคนอื่นๆเป็นแนวทางได้นอกจากนั้น ยังถือว่าเป็นช่วงของความทรงจำดีๆของผม ซึ่งนอกจากผมจะได้ถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์และการวางแผนเดินทางในสไตล์ผมแล้ว ผมยังมีช่องทางในการบันทึกช่วงเวลาดีๆของผมเหมือนเป็น diary เล่มนึง ที่เวลาคิดถึงก็เปิดกลับมาอ่านได้อีกรอบ ประกอบกับ เพื่อนร่วมทริปของผม ส่งข้อความมาว่า facebook เด้งเตือนว่า วันนี้เมื่อปีก่อน เรากำลังเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ทำให้ผมกลับมีแรงบันดาลใจในการเขียนกระทู้ขึ้นอีกครั้ง กระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยวใน season II จึงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้
ตามที่ได้เกริ่นไปว่า แรงบันดาลใจในการทำกระทู้นี้ เริ่มตั้งแต่เพื่อนผมที่ไปด้วยกัน remind ผมว่าครบปีแล้วที่เราไปกันมา แต่กว่าผมจะรวบรวมข้อมูล นั่งเรียบเรียงทุกสิ่งอย่าง เลือกรูปต่างๆ ก็เรียกว่า ทำๆหยุดๆ ตามที่เวลาจะอำนวยกระทู้นี้เลยใช้เวลาเขียนนานมากๆๆๆๆ กว่าจะแล้วเสร็จก็ปาเข้าไปเดือนตุลาคม 2023 (ห่างจากเวลาเดินทางจริง ร่วม3 ปี) ตามวันที่ได้โพสกระทู้ ถ้าหากกระทู้นี้ตกๆหล่นๆสาระอะไปไปบ้าง ผมต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะเขียนขึ้นจากความทรงจำที่เลือนลางมาสามปีกว่าๆแล้วจริงๆ แหะๆๆๆ
และเพื่อให้การหนีเที่ยวไม่ผิดบาปจนเกินไป พ่อบ้านที่ดีจึงต้องทำการขออนุญาตภรรยาก่อนเป็นอันดับแรก (เหมือนเดิม)
ต้องขอชี้แจงก่อนว่า ได้มีการพูดคุยขออนุญาตปากเปล่ากันแล้วว่าจะขอไปเที่ยวกับเพื่อนนะ แต่ตอนกำลังจะจองตั๋วก็ถามไปทาง line เพื่อให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร (ตามหลัก The best evidence rule ^^) เมื่อผ่านด่านแรกไปอย่างง่ายดาย (หรือเปล่า) ก็เริ่มดำเนินการจองตั๋วและที่พัก เรื่องตั๋วเครื่องบิน ผมเคยรีวิวไปในคราวก่อน คราวนี้จะไม่รีวิวซ้ำ เพราะไม่ได้มีอะไรใหม่ สำหรับที่พัก ตามหัวเรื่องคงทราบกันแล้วว่าผมเดินทางไปยังภูมิภาค Tohoku ที่พักที่ผมจองในรอบนี้ก็จะพักกันในภูมิภาค Tohoku ตลอดทั้งทริปโดยไม่ได้แวะเถลไถลที่อื่นเลย
Tohoku Region จะประกอบด้วย 6 Prefectures ได้แก่ Aomori, Akita, Iwate, Miyagi, Yamagata และ Fukushima ซึ่งผมเองเคยเดินทางมายังภูมิภาคนี้ก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้ง คือพาพ่อตาแม่ยายมาช่วงซากุระเมื่อปี2017 ซึ่งจำได้แม่นยำเลยว่า เป็นปีที่ซากุระบานช้ามาก ช่วงสงกรานต์ ใน Tokyo เพิ่งจะเป็นช่วง full bloom ในคราวนั้นผมไปเพียงแค่ 2 ที่คือไป Hanamiyama ที่ Fukushima และ Funaokajyo Park ที่ Sendai หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปในภูมิภาคนี้อีกเลย จนกระทั้งรอบนี้ ได้กลับมาเยือนภูมิภาค Tohoku อีกครั้ง แต่เปลี่ยนช่วงเดินทาง มาในช่วงที่หิมะน่าจะหนาที่สุดในรอบปี สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมมีระยะเวลาเดินทางเพียง 9 วัน ก็จะเดินทางเกือบครบทุกจังหวัดใน Tohoku ขาดเพียงแค่ Fukushima ที่ไม่ได้ไป สำหรับที่พัก ผมก็ยังยึดถือหลักการเดิมคือเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ตามเมืองที่ไป ไม่ได้พักที่เดียวยาวๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทาง โดยเฉพาะสำหรับภูมิภาคนี้ที่แต่ละเมืองใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน รวมถึงตารางรถไฟที่อาจจะไม่ได้ถี่มากนัก ทำให้การวางแผนท่องเที่ยว ค่อนข้าง fix เวลาได้ยากมากกว่าทริปอื่นพอสมควร ทริปนี้ผมเปลี่ยนที่พักทั้งหมด 7 ครั้ง ดังนี้
1. พักที่ Aomori 2 คืน
2. พักที่ Ichinoseki 1 คืน
3. พักที่ Yamagata 1 คืน
4. พัก ryokan ที่ Zao onsen town 1 คืน
5. พักที่ Tazawako 1 คืน
6. พักที่ Kakunodate 1 คืน และ
7. พักที่ Omagari 1 คืน
สำหรับที่พักใน 4 คืนแรก ด้วย brand royalty ที่มีให้แก่ Toyoko-inn ทำให้ผมก็ยังคงใช้บริการ Toyoko-inn อยู่ ซึ่งสมาชิกอย่างผมก็จองล่วงหน้าได้ 6 เดือนเหมือนเคยครับ ที่พักที่ toyoko inn อาจจะไม่ได้รีวิวเพิ่มเติมเพราะไม่ได้มีอะไรใหม่เช่นกัน หากท่านใดสนใจสามารถย้อนกลับไปดูกระทู้พ่อบ้านหนีเที่ยว season I ได้ครับ
Ryokan ในคืนที่ 5 ผมลังเลอยู่นานว่าจะนอนที่ Zao onsen หรือว่า Ginzan onsen ดีเพราะน่าสนใจทั้งสองที่แต่ตาม plan ผมน่าจะต้องเลือกที่ใดที่หนึ่ง เนื่องด้วยค่าใช้จ่ายและเวลาที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก สุดท้ายหวยก็ไปลงที่ Zao onsen เพราะผมมองว่าผมน่าจะได้ทำกิจกรรมที่นี่ได้หลายหลากมากกว่า รวมถึง light up บน Mt. Zao ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่ง highlight ที่น่าไปเยือนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การพักที่ Mt.Zao ก่อให้เกิดปัญหาOption overloaded กับผม เนื่องจาก Ryokan ที่ Zao onsen town มีให้เลือกเฉียดๆ 100 แห่ง ผมหาข้อมูลเบื้องต้นจาก http://www.zao-spa.or.jp/english/stay/ ต้องบอกตามตรงก่อนว่าตอนแรกผม ก็เหมือนจะมีอาการ Choice Paralysis คือมันมีให้เลือกเยอะมากจนผมน่าจะเข้าไปดูข้อมูลของแต่ละแห่งได้ไม่ถึงครึ่งสุดท้ายผมต้องตั้งหลักจากตำแหน่งของ ryokan คือเลือกที่พักที่ไม่ไกลจาก ropeway มากนัก หลักจากที่ผมผ่านพ้นอาการ FOBO มาแล้ว ryokan ที่ผมเลือกก็คือ Oomiya ryokan เนื่องด้วย มี website ที่มีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ ตาม link นี้ http://www.oomiyaryokan.jp/ และมีบ่อ onsen ที่ดูดี (ดูรูปได้ที่ website ของryokan ได้เลยครับ) และที่สำคัญคือ มีบริการรถรับส่งจากสถานี Yamagata มาที่โรงแรม ทำให้ผมประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้เยอะ (แต่ต้องโทรจองก่อนเข้าพัก 3 วันครับ) สำหรับ Oomiya ryokan สามารถจองผ่านwebsite ของทางโรงแรมได้โดยตรง แต่สำหรับผม ผมจองผ่าน japanican เนื่องจาก หากจองผ่าน website ของโรงแรมจะต้องชำระเงินโดยการตัดบัตรเครดิตทันที แต่การจองผ่าน japanican สามารถเลือกที่จะไปจ่ายหน้างานได้ ซึ่งราคาเหมือนจะไม่ต่างกันมากนัก รวมถึงการจองผ่าน japanican เป็นการจองแบบยกเลิกได้เช่นเดิมเหมือนที่เคยๆจองมา ซึ่งผมจอง ryokan ผ่านทาง japanican น่าจะเป็นครั้งที่ 4-5 ละครับ ยังไม่เคยมีปัญหาอะไร
คืนที่ 6 ตาม plan ผมจะย้ายจาก Yamagata ไป Akita โดยแวะเที่ยวที่ Tazawako ก่อน หลายท่านที่เที่ยวที่นี่ก็จะมักเลือกนอนใน Nyuto onsen แต่เนื่องจากงบประมาณอันมีจำกัด ผมเลยเลือกที่จะแวะไป Nyuto onsen เฉพาะแค่ไป onsen อย่างเดียว แต่ไม่ได้ค้างคืน โดยหาที่พักใกล้ๆ สถานี Tazawako แทน โรงแรม (จริงๆ น่าจะเรียกว่าเป็น Guest house มากกว่า) ที่ผมเลือกชื่อ 森湖休 (อ่านว่า Shinkyokyū จากตัวคันจิ ที่เอามาจากตัวอักษรจีน ก็น่าจะแปลคร่าวๆได้ว่าบ้านไม้ริมทะเลสาบ) สามารถเดินมาจาก tazawako station เพียง 300 เมตร ผมเองยังไม่เคยเจอรีวิวภาคภาษาไทยของที่นี่เช่นกัน แต่ที่เลือกที่นี่เพราะ location ของที่พักล้วนๆ OTA ที่ผมจองคือ ผมจองผ่าน website ของ travel.rakuten ซึ่งต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน และเป็น website ภาคภาษาญี่ปุ่น (ซึ่งหากเลือกเป็นภาษาอังกฤษนะหาที่พักที่ผมจองไม่เจอ... ไม่รู้ว่าทำไมถึงใช้กันคนละระบบ) รายละเอียดของที่พักตาม link นี้ครับ https://hotel.travel.rakuten.co.jp/hotelinfo/plan/80613 และเหมือนว่าจะเป็นที่พักที่ถูกที่สุดแล้วในทริป คือ ตกราวๆ คนละ ¥3000 (ซึ่งจองแบบจ่ายหน้างานได้เช่นกัน) เป็นที่พักแบบนอน futon และห้องน้ำรวมครับ (รวมถึงที่พักที่นี่มีช่วง curfew ด้วยนะครับ จะต้องมา check in ไม่เกิน22:30 และอาบน้ำได้ถึงแค่ไม่เกิน 23:00 น.)
ที่พักคืนที่ 7 เนื่องจากวันสุดท้ายของทริป ผมจะนั่งรถไฟรอบแรกเพื่อไป Mt. Moriyoshi ซึ่งออกจากสถานีKakunodate ตั้งแต่ 06:30 น. คืนนี้ผมจึงต้องเลือกนอนที่สถานี Kakunodate อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่ดู google maps โดยเล็งโรงแรมที่ใกล้สถานี ปรากฏว่าโรงแรมดังกล่าว ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง (ขอไม่เอ่ยชื่อล่ะกันนะครับ) ผมเลยลองมองหาที่พักที่ขยับออกจากสถานีออกมาหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะที่เดินได้ สุดท้ายผมก็เจอ Guest house ชื่อ Guest house Fuga โดยรายละเอียดของโรงแรมตาม link นี้ครับhttp://guesthouse.la-fuga.com/ โรงแรมนี้ผมใช้วิธีการ email ไปหาเจ้าของ guest house ชื่อคุณ Eiko Miura ที่ eikomiura66@gmail.com โดยผมสามารถจองที่พักผ่าน email ดังกล่าวได้เลย Guest house ที่นี่มีข้อจำกัดเล็กน้อยคือ ไม่มีห้องอาบน้ำ แต่สามารถเดินไป public bath ได้ในระยะ 350 เมตร (การท่องเที่ยวในฤดูหนาวอาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับการอาบน้ำเช้าค่ำมากเท่าไหร่) เอาเป็นว่าเป็นที่พักที่อยู่ในราคาที่ผมและเพื่อนๆที่ไปด้วยกันรับได้ คือตกคนละ ¥5000 (excld. bf) และอาหารเช้าก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับทริปเรา (ที่พักมีอาหารเช้าที่ต้องซื้อเพิ่มต่างหาก แต่ด้วยผมเดินทางเช้าเลยจองแบบไม่รับอาหารเช้า)
สำหรับที่พักคืนสุดท้ายใน Tohoku ของผม เป็นคืนที่ผมหาที่พักได้ยากที่สุด เนื่องจากวันนี้ ผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวงาน Yokote Kamakura snow festival ซึ่งตอนแรกผมก็ตั้งใจจะหาที่พักที่ใกล้สถานี Yokote นี่แหละเพื่อความสะดวก แต่สุดท้ายผมไม่สามารถหาที่พักที่อยู่บริเวณโดยรอบสถานีได้เลย เต็มๆๆๆ ทุกที่ ซึ่งผมอาจจะผิดเองที่จองช้าเกินไป แต่ไม่เป็นไร ผมมี plan B คือขยับขึ้นไปพักที่สถานี Omagari แทน ซึ่งก็มีข้อดีคือ ในวันรุ่งขึ้นที่ผมจะต้องกลับไป Tokyo รถไฟออกจาก Akita station ก็จะแวะที่ Omagari เป็นสถานีที่สองก่อนจะยิงยาวเข้า Tokyo ผมก็สามารถขึ้นรถไฟกลับ Tokyo ที่สถานี Omagari โดยไม่ต้องนั่งรถไฟจาก Yokote มาเปลี่ยนรถไฟที่นี่ก่อน โรงแรมที่ผมจองคือ Hotel Fuji Daisen โดยจองผ่าน website ที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันดีคือ booking.com ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจว่าจะจองผ่าน travel.rakuten เหมือนที่พักที่ Tazawako นี่แหละ แต่ก็งงๆว่า travel.rakuten ขึ้นรายละเอียดที่พักแต่ระงับการจองชั่วคราว หลังจากจองผ่าน booking.com กลับได้email ยืนยันจาก OYO ซึ่งทำให้งงเข้าไปอีก ผมเลย email ไปหาโรงแรมอีกครั้งเพื่อทำการ re-confirm ซึ่งทางโรงแรมก็ email กลับมา สร้างความสบายใจให้ผมไปได้นิดนึง เกือบลืมบอกไปว่าที่พักที่นี่ ผมจองเป็นfuton นอนพื้นและเป็นห้องน้ำในตัวครับ
ค่าโรงแรมของผมในรอบนี้ รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ ¥51,000 (ราวๆ 14,900 บาท) ซึ่งราคาที่พักที่แพงที่สุดก็น่าจะเป็นที่ Zao onsen คือโดยปกติใน 1 ทริปของผม ก็จะมีคืนที่นอนแพงแบบนี้ 1-2 คืน ให้พอรับรู้ว่าเคยนอน Ryokan ดีๆมาแล้วบ้าง พอกรุบกริบ ทริปนี้กว่าจะจองที่พักเสร็จก็ปาเข้าไปต้นเดือน พฤศจิกายน 2019 คือ 3 เดือนก่อนเดินทาง ซึ่งถ้าหากจองช้ากว่านี้ อาจจะหาที่พักได้ยากขึ้นแล้วสำหรับบางที่
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้